4 พี่น้องฉัตรบริรักษ์ กล่าวลา คุณแม่งามทิพย์ ทั้งน้ำตา น้องวันใหม่ ขอบคุณที่พาหนูมาอยู่บ้านดี ๆ

          เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สำหรับพิธีฌาปนกิจ คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ คุณแม่ของ บอย ปกรณ์, หน่อง ธนา, ภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ และ น้องวันใหม่ ที่จัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ (14 มิถุนายน 2568) ณ เมรุ 2 วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน โดยมีดาราคนดังมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก

          และในช่วงที่ลูก ๆ ทั้ง 4 คนได้กล่าวคำอาลัย คุณแม่งามทิพย์ เป็นครั้งสุดท้ายก็ทำเอาหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โดย หน่อง ธนา เป็นคนแรกที่กล่าวถึงคุณแม่ว่า "ชีวิตของผมมีความสำเร็จหลายเรื่อง แต่ว่ามีเรื่องที่ผมภาคภูมิใจมากที่สุดในชีวิต โดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร คือได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ และผมคิดว่าแม่คงภูมิใจที่ได้เห็นลูกทั้งสี่คนเติบโตขึ้นมาอย่างดี ส่วนลูกสาวของคุณแม่คนนี้ น้องวันใหม่คนที่แม่รักและเป็นห่วงมากที่สุดพวกเราสามคนอยากบอกแม่ว่าแม่ไม่ต้องห่วงเลยนะ พี่ชายทั้งสามคนของเขาดูแลอย่างดีแน่นอน แม่คอยมองจากข้างบนนะแม่ รักแม่นะ รักมาก ๆ" 
 

          ต่อมา ภัทร์ ได้กล่าวว่า "ตั้งแต่เด็กผมเคยได้ยินคนพูดมาตลอดว่า "จงอยู่ให้คนรัก จากให้คนคิดถึง" ซึ่งแม่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของประโยคนี้จริง ๆ แม่เป็นคนใจดีมาก ๆ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าใครเดือดร้อนมาหาแม่ แม่ยินดีช่วยเสมอ แม่ยอมเสียสละและยอมลำบากแทนได้เลย จนเด็ก ๆ เคยสงสัยว่าทำไมแม่ชอบช่วยเหลือคนอื่นและให้โอกาสคนอื่นมากขนาดนี้ ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบ จนวันนี้ผมได้คำตอบแล้วว่าโอกาสและความช่วยเหลือพวกนั้นกลับกลายมาเป็นความรักที่ทุกคนมีมาให้แม่

          แม่ที่ผมเห็นว่าเป็นคุณแม่ธรรมดาคนหนึ่งที่บ้าน มีคนรักมากมาย รวมถึงในโซเชียลด้วยที่ส่งกำลังใจมาให้ครอบครัวของผม ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจเหล่านั้น หลายคนก็เป็นห่วงคุณแม่เรื่องอาการป่วย แต่คุณแม่เป็นคนขี้เกรงใจคน ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงและต้องลำบากเรื่องเขา แม้กระทั่งพวกเราเองแม่ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เห็นเลย เพราะแม่สอนว่าให้เข้มแข็ง ไม่ว่าเจอกับอะไรทุกอย่างจะผ่านไปได้ ซึ่งแม่เป็นคนแบบนี้จริง ๆ (ร้องไห้)
 

          ผมกับแม่เคยคุยกัน ที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าแม่เลี้ยงดูยังไงให้ลูกเติบโตมาอย่างดี ซึ่งเราสองคนพูดกันว่ามันไม่ได้มีความพิเศษอะไร บ้านผมเป็นครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่งที่เติบโตมาอย่างคนทั่วไป แต่ถ้ากลับมาถามคำถามนั้นในวันนี้ผมจะตอบเลยว่าเพราะว่าพวกผมมีแม่เป็นตัวอย่างที่ดีในทุกๆ แนวทาง เวลามีคนมาชื่นชมว่าแม่เก่งนะ เลี้ยงลูกมาได้สามคน เลี้ยงลูกยังไง บางคนเดินเข้ามาบอกว่ามีแม่เป็นต้นแบบในการเลี้ยงลูก ผมภูมิใจ ที่เกิดเป็นลูกแม่ และดีใจมาก ๆ ที่อย่างน้อยครอบครัวเราได้เป็นตัวอย่างให้กับครอบครัวอื่น ๆ

          สำหรับพวกผมแม่ยังคงเป็นห่วงมาก ๆ แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิต ซึ่งผมจะบอกเขาตลอดว่าไม่ไม่ต้องห่วงแล้ว พวกผมดูแลตัวเองได้ เพราะเขากลัวว่าถ้าเขาจากไปพวกเราจะลำบาก เขาเลยสร้างทุกอย่างไว้ให้ แต่สิ่งหนึ่งที่แม่สร้างไว้ให้และดีที่สุดก็คือการที่ผมมีพี่น้องที่ดี และสอนให้เรารักกันและสามัคคีกันตลอด แม่ไม่ต้องห่วงเลย พวกผมจะไม่มีวันทิ้งกันแน่นอน
 

          สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่า ผมภูมิใจและคิดถึงแม่มากๆ หลายเรื่องราวคงไม่มีใครมาคอยรับฟังผมแล้ว ไม่มีใครที่จะเข้าใจผมได้ดีเท่าแม่อีกแล้ว และการเดินทางของแม่ในโลกใบนี้มันที่สุดลงตรงนี้ ขอให้การเดินทางครั้งใหม่ของแม่มีแต่ความสุข พบเจอแต่แสงสว่าง และให้แม่ได้ไปเจอกับป๊าอย่างที่แม่เคยบอกไว้ แล้วก็เชื่อมาก ๆ เลยว่าไม่ว่าแม่จะมองพวกผมทั้ง 4 คนมาจากที่ไหนก็ตาม แม่ต้องภูมิใจแน่นอน แม่จะอยู่ในใจภัทร์ตลอดไป กลับบ้านเรานะแม่"

          ด้าน บอย ปกรณ์ พี่ชายคนโตก็ได้กล่าวถึงคุณแม่ว่า "สำหรับผมไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าแม่คือทุกอย่างในชีวิตของบอยเลย แม่คือนักสู้ ตั้งแต่ที่ผมโตมาแม่สู้ให้บอยเห็นมาตลอด ภาพจำที่ผมเห็นก็คือแม่ออกจากบ้านไปตอนเช้ากลับมาตอนดึก ๆ แล้วทุกครั้งแม่กลับมาไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยให้ลูกเห็นเลย ผมไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าแม่ออกไปทำงานแม่เหนื่อยแค่ไหน จนวันหนึ่งผมได้มาช่วยงานแม่ผมถึงได้รู้ว่าสิ่งที่แม่ทำทุก ๆ วันมันโคตรเหนื่อยเลย แม่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวแม่ทำได้ไง แม่ทำไหวได้ยังไง ตอนนั้นยังไม่มีวันใหม่ แม่บอกว่าต้องเลี้ยงดูพวกแกสามคน สิ่งที่แม่กลัวที่สุดแม่กลัวตายเพราะแม่กลัวว่าลูกสามคนจะอยู่ยังไง ต่อให้แม่จะเหนื่อยแค่ไหน พอผมโตขึ้นมาพวกผมสามคนมีชีวิตไปทำงานข้างนอกแม่ก็ยังเป็นแม่ที่ทำงานเหมือนเดิมไม่ว่าพวกผมจะดูแลตัวเองได้มากแค่ไหน แม่ก็ยังไม่เคยที่จะเบาการทำงานของตัวเองลงเลย แต่ต่อให้แม่จะทำงานหนักแค่ไหนแม่ไม่เคยลืมที่จะดูแลความรู้สึกของพวกผมสามคนรวมถึงวันใหม่ด้วย ในวันที่มีวันใหม่เข้ามาอยู่กับพวกผม ทุกครั้งที่ผมกลับมาจากถ่ายละครดึก ๆ แม่จะรอถามว่าเหนื่อยไหมกินอะไรมาหรือยัง กินสาลี่ไหมเดี๋ยวแม่ปอกให้ ผมไม่เคยกินสาลี่ที่ไหนอร่อยเท่าที่แม่ปอกให้เลย
 

          สำหรับผมแล้วแม่เป็นเข็มทิศนำทางชีวิตผมมาตลอดไม่ว่าผมจะทำอะไรเจออุปสรรค ผมต้องการคำปรึกษาถ้าผมหันมาผมจะเห็นแม่อยู่ข้าง ๆ ตลอด ผมไม่เคยอายใครที่ผมต้องคอยบอกว่าผมต้องปรึกษาแม่ก่อน เพราะผมมั่นใจตลอดว่าสิ่งที่แม่แนะนำมานั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุดถึงแม้วันนี้แม่จะไม่ได้อยู่เป็นเข็มทิศให้บอยแล้ว บอยก็อยากบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงอะไรอีกเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่บอยคอยปรึกษาแม่มาตลอด บอยจดจำที่แม่บอกได้หมดแล้ว ทุกสิ่งที่แม่สอนที่แม่เคยให้คำแนะนำบอยจำได้หมดแล้วถึงแม้บอยจะไม่ได้เดินเก่งเท่าแม่ แต่บอยมั่นใจว่าสิ่งที่แม่สอนเอาไว้บอยจะไม่หลงทางแน่นอน แล้วก็สุดท้ายถ้าแม่ได้ยินก็อยากให้คำมั่นสัญญากับแม่ไว้ตรงนี้ว่าบอยจะดูแลหน่อง ภัทร์ วันใหม่ ต่อให้น้อง ๆ จะไปมีครอบครัวของตัวเอง บอยก็จะไม่ทิ้งน้องเพราะว่าความรักที่แม่ทิ้งไว้ให้กับพวกบอยและคอยสอนให้พวกเรารักกันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่แม่ทิ้งเอาไว้ กลับมาบ้านไม่เจอแม่ แม่ไม่มาเข้าฝันเลยนะแม่

          ความสุขอย่างหนึ่งของแม่ ถือว่าเป็นความสุขที่สุดของแม่อย่างหนึ่งเลยโดยเฉพาะตั้งแต่ที่บ้านเรามีวันใหม่ ก็คือการที่แม่ได้นั่งถ่ายคลิปลูกสาวตัวเอง แม่ก็นอนเปิดดูคลิปวน ๆ อยู่คนเดียวยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่ วันนี้ลูกสาวแม่จะร้องเพลงส่งแม่ขึ้น แม่เปิดกล้อง ไปดูข้างบนนั้นเถอะนะ"
 

          จากนั้น น้องวันใหม่ ก็ได้ร้องเพลง สวยงามเสมอ เพลงโปรดของคุณแม่ และพูดถึงคุณแม่ทั้งน้ำตาว่า "หนูอยากจะขอบคุณคุณแม่ค่ะ หนูขอบคุณคุณแม่นะคะ ที่ทำให้ชีวิตหนูดีขึ้น ที่พาหนูมาอยู่บ้านดี ๆ (ร้องไห้) หนูรักแม่นะคะ แม่เป็นคนที่เก่งที่สุดของหนูเลย แม่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ

          หนูอยากขอบคุณคุณแม่มาก ๆ ที่ทำให้หนูมีวันนี้ได้ แม่สอนทุกอย่างให้หนูดูแลตัวเอง ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว หนูจะทำให้แม่เห็นนะคะ แม่คอยดูหนูอยู่บนฟ้าได้เลย หนูจะทำให้แม่เห็นว่าหนูจะเป็นคนเก่งเหมือนคุณแม่ คุณแม่มาหาหนูบ่อย ๆ นะ หนูรักแม่ที่สุดนะคะ หนูขอโทษคุณแม่นะคะถ้าหนูดื้อ หนูจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังนะ รักแม่ที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ"
 

          ทั้งนี้ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ครอบครัวจะนำอัฐิของคุณแม่งามทิพย์ไปลอยอังคารที่พัทยา ตามความตั้งใจที่อยากจะไปอยู่สถานที่เดียวกันกับคุณพ่อ 

          กระปุกดอทคอม ขอแสดงความเสียใจกับ ครอบครัวฉัตรบริรักษ์ อีกครั้งนะคะ