ปัญหา "หน้าบาน" หรือ "หน้าเหลี่ยม" จากกล้ามเนื้อกรามใหญ่ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลาเซลฟี่ มองมุมข้าง หรือถ่ายรูป เพราะกรอบหน้าดูแข็งและกว้างกว่าที่ควร ทั้งที่จริง ๆ แล้วอาจมีสัดส่วนอื่น ๆ ที่เล็กอยู่แล้ว

หลายคนจึงหันไปพึ่งการ ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เพื่อทำให้หน้าเรียวขึ้น แต่เมื่อทำไปนาน ๆ กลับเจอปัญหา “ดื้อโบท็อกซ์” หรือ “ฉีดกรามแล้วไม่ลง” ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
ข่าวดีคือ ตอนนี้มีเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า RF ลดกราม (RF Masseter Reduction) ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ในการลดกรามได้ เทียบเท่าการฉีดโบท็อกซ์ แต่ อยู่ได้นานกว่า และไม่ต้องกลัวอาการดื้อ มาดูกันว่าการ RF ลดกราม คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง และทำไมจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนกำลังพูดถึง
ปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้ “หน้าบาน”

สาเหตุของใบหน้าที่ดูกว้างหรือเหลี่ยม อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น
- โครงกระดูกขากรรไกรที่กว้าง
- ไขมันสะสมบริเวณแก้ม
- กล้ามเนื้อกราม (Masseter muscle) ที่หนา
ในกรณีของ กล้ามเนื้อกรามใหญ่ จะสามารถรู้สึกได้เมื่อกัดฟันแรง ๆ แล้วจับตรงมุมกรามจะพบก้อนแข็งนูนขึ้นมา หากกล้ามเนื้อจุดนี้ใหญ่เกินไปจะทำให้รูปหน้าเป็นทรงเหลี่ยม หรือบานออกด้านข้าง
โบท็อกซ์ BOTOX ทำงานอย่างไร
โบท็อกซ์ หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาทในตำแหน่งที่ฉีด ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้ารวมถึงลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามได้ด้วย
ทำไมบางคนถึง "ดื้อโบท็อกซ์" ?

โบท็อกซ์ ทำงานโดยการฉีดสาร Botulinum toxin เข้าไปในกล้ามเนื้อ เพื่อยับยั้งการส่งสัญญาณประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและหดเล็กลงชั่วคราว ซึ่งโดยปกติจะเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน
แต่เมื่อฉีดเป็นเวลานาน ฉีดบ่อยเกินไป หรือใช้ปริมาณมากเกินไปในแต่ละครั้ง ร่างกายอาจสร้าง “แอนติบอดี” ต่อต้านสารโบท็อกซ์ ทำให้ เกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ ส่งผลให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
RF ลดกราม คืออะไร ?
RF ลดกราม (Radiofrequency Masseter Reduction) คือ การใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงในการลดขนาดกล้ามเนื้อกราม โดยเป็น การผ่าตัดขนาดเล็ก (Minimally invasive) ที่ทำผ่านช่องปาก กระบวนการทำงานคือ แพทย์จะใช้เครื่องมือส่งคลื่น RF เข้าไปยังกล้ามเนื้อกรามในชั้นลึก คลื่นพลังงานจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง โดยไม่ทำลายเส้นประสาทหรือเนื้อเยื่อสำคัญอื่น ๆ
จุดเด่นของการ RF ลดกราม
- เห็นผลชัดเจนใน 1 ครั้ง ไม่ต้องฉีดซ้ำทุก 6 เดือนเหมือนโบท็อกซ์
- ไม่ต้องกลัว “ดื้อโบท็อกซ์” เพราะไม่ใช้สารโบท็อกซ์เลย
- “ดื้อโบท็อกซ์” ทำแล้วได้ผลดี
- ผลลัพธ์อยู่นาน หลายปี หรือถาวรในบางราย
- แผลซ่อนอยู่ในปาก ไม่มีรอยผ่าตัดบนใบหน้า
- ลดกล้ามเนื้อโดยตรง จึงช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวอย่างเป็นธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับผู้ที่เคย ฉีดกรามแล้วไม่ลง
RF ลดกรามเหมาะกับใคร ?

- ผู้ที่มีใบหน้าเหลี่ยม หรือหน้าบาน จากกล้ามเนื้อกรามใหญ่
- คนที่เคยฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล หรือ ดื้อโบท็อกซ์
- คนที่ต้องการผลลัพธ์แบบถาวร ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ
- คนที่ต้องการแก้ปัญหารูปหน้าแบบไม่ใช้สารเคมี
ขั้นตอนการรักษา

- ปรึกษาแพทย์ เพื่อวิเคราะห์โครงหน้า และประเมินว่าปัญหาเกิดจากกล้ามเนื้อหรือโครงสร้างอื่น
- เตรียมตัวผ่าตัด ด้วยการตรวจสุขภาพทั่วไป
- ผ่าตัด RF ลดกราม ผ่านทางปาก ใช้เวลาเพียง 60 นาที คล้าย ๆ กับการทำฟัน
- พักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อย
- ติดตามผลลัพธ์ ภายใน 1-2 เดือน รูปหน้าจะดูเรียวและสมส่วนขึ้นอย่างชัดเจน
ทำที่ไหนดี ? เลือก “RF ลดกราม” ต้องมั่นใจว่าปลอดภัย

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด RF ลดกราม HERS clinic เป็นหนึ่งในคลินิกที่มีชื่อเสียงด้านการปรับรูปหน้าด้วยเทคโนโลยีทันสมัย โดย นพ.นฤชิต เลาหไทยมงคล (คุณหมอโจ้) และทีมแพทย์เฉพาะทาง
- ใช้เทคนิคเฉพาะที่ช่วยให้แผลหายไว ไม่เกิดพังผืด
- เครื่อง RF มาตรฐานทางการแพทย์ จากประเทศเยอรมนี
- ดูแลโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
- บริการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ ดื้อโบท็อกซ์ และไม่แน่ใจว่าจะทำวิธีไหนดี
สรุป
สำหรับผู้ที่เผชิญกับปัญหา “หน้าบาน” หรือ “หน้าเหลี่ยม” จากกล้ามเนื้อกราม และรู้สึกว่า “โบท็อกซ์ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป” - การผ่าตัด RF ลดกราม คือคำตอบที่คุณอาจกำลังตามหา การรักษานี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้หน้าเรียวขึ้น แต่ยังแก้ปัญหาในกลุ่มคนที่เคยฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้ หากต้องการปรึกษาเพิ่มเติม หรืออยากรู้ว่า “RF ลดกราม ที่ไหนดี” สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ www.hersclinic.com