
เรียกได้ว่ากาลเวลาไม่สามารถทำอะไรผู้ชายคนนี้ได้เลย สำหรับ อั๊ต อัษฎา พานิชกุล ที่ตอนนี้อายุ 52 ปีแล้ว แต่ด้วยบุคลิกและความหล่ออมตะ ทำให้ดูเหมือนอายุยังไม่เฉียดใกล้เลข 5 ด้วยซ้ำ ทั้งหล่อทั้งฮอตแบบนี้ แต่กลับไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องรักเท่าไรนัก ล่าสุด (3 กรกฎาคม 2568) เมื่อมาออกรายการ คุยแซ่บโชว์ ทางช่องOne31 ก็เรียกได้ว่าอาจจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่เจ้าตัวเผยเรื่องความรักแบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว
พร้อมกันนี้ อั๊ต อัษฎา ยังได้เคลียร์ดราม่า ข่าวลือว่าที่หายไปเพราะ "ขาลง" ว่า ที่หายไป ไม่ได้เห็นในหน้าจอที่เมืองไทย เพราะเราต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ ที่แอลเอ แต่จริง ๆ เรายังอยู่ในวงการบันเทิง ทำเบื้องหลัง ในปีที่ผ่านมาไปทำงานที่แอลเอ ไปเรียนเพิ่มในเรื่องของฟิล์ม เทคนิคการแสดงละครเวที แล้วก็ไปทำงานกับลูกน้องที่นู่น

- มีข่าวลือว่าเราขาลงวงการบันเทิง ?
อั๊ต อัษฎา : อย่างย้อนกลับไป ในยุคสมัยก่อน อาจจะเจอดารายาก เพราะว่ามันไม่ได้มีโซเชียล ยากกว่าในสมัยนี้ และอยากจะคุยประเด็นนี้มากเลย และคำถามนี้ ในยุคนี้ที่มีเรื่องของสุขภาพจิต มันเซนซิทีฟมาก ความกดดันของบุคคล มันเป็นความกดดันจากสังคม รวมไปถึงความกดดันของคนรอบข้างด้วย เราจะเห็นประเด็นนี้เยอะ จากเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิง ที่เขารู้สึก เวลาเจอคำถามนี้ เหมือนโดนจับผิดว่าในช่วงที่หายไปหรือเงียบไป คือขาลงหรือเปล่า เอาจริง ๆ แล้ว ช่วงที่เราอยู่ในจอทีวี คนเราบางคนอาจจะสุขภาพจิตไม่ดีก็ได้ หรือว่าช่วงที่เงียบ สุขภาพจิตอาจจะดีก็ได้ ทุกอย่างคือมันไม่เสมอ เปลือกมันก็แค่ภายนอก แต่ถ้าจะตอบสำหรับคำถามนี้ ก็ตอนนั้นที่หายไปเราอาจจะมีอะไรทำอยู่ อาจจะทำเบื้องหลัง หรือเลือกที่จะรีเซตตัวเอง แต่ว่าเราไม่ควรใช้คำว่าขาลง แล้วไม่ว่าในช่วงชีวิตเรา จะเลือกอยู่ยังไง อยากจะอยู่แบบเงียบ ๆ หรืออยู่หน้าจอ ทุกอย่างมันโอเคหมด
- สถานะหัวใจเป็นยังไงบ้าง ?
อั๊ต อัษฎา : รู้ไหมว่าพี่ไม่เคยคุยเรื่องความรักออกสื่อไหนมาก่อน คุยแซ่บถือว่าเป็นรายการแรก ซึ่งถามว่าตอนนี้โสดไหม โสดครับ โสดมาแบบปีกว่า ๆ มันเหมือนรีเซตหัวใจไหม มันก็เหมือนค่อย ๆ อยู่กับตัวเองดีกว่า อย่างความรักที่ผ่านมาถือว่าเป็นความรักที่ดีนะ อาจจะมีอุปสรรคอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ต้องเลิกรากัน ซึ่งถามถึงอุปสรรคนั้น ไม่ว่าจะเป็นระยะห่าง ระยะทาง สองน่าจะเป็นเรื่องอุปสรรคของครอบครัว ฝ่ายหนึ่งจะมีความคาดหวังอะไรบางอย่าง แต่อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะไม่พร้อม อันนี้คือประเด็นใหญ่มาก
- ความรักที่ผ่านมาล่าสุด ซึ่งเราพยายามมากและเราก็ฝืน จนตัวเองไม่เป็นตัวเอง ?
อั๊ต อัษฎา : อืม… ถามว่ามันใช่ไหม มันก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็มีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ทำให้เราสองคนไปต่อกันไม่ได้ คือมันไม่ได้เกิดจากเราสองคน แต่มันเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ซึ่งเราก็ฝืนที่จะคบกันต่อ และแม้ความรักของเราสองคนจะลงตัว แต่องค์ประกอบมันไม่โอเค มันไม่ลงตัว ก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อ

- บทเรียนจากความรักครั้งนี้ ?
อั๊ต อัษฎา : บทเรียนก็คือต้องรักตัวเอง ต้องเลือกตัวเอง ซึ่งมันอาจจะเป็นคำพูดที่ง่าย ๆ เวลาพูดออกมาแล้วมันง่าย แต่เอาจริง ๆ มันไม่ง่ายเลย คือใจเรา โอเคต้องรักตัวเอง แต่การที่เราปฏิบัติ การที่เราคิด สิ่งที่มันวนอยู่ในหัว มันอาจจะไม่ได้รักตัวเองเต็ม 100 ซึ่งความรักที่ผ่านมามันน่าจะใช้เวลาอยู่พอสมควร เพราะมันมีการตัดกันมาแล้วหนึ่งรอบ ต่างคนก็ต่างทำใจไม่ได้ พอเวลามันผ่านไป มันเริ่มฮีลใจ แล้วพอมาถึงจุดที่สอง มันก็โอเค ก็เดินหน้าต่อ
- และประเด็นสำคัญ มันมีเรื่องแต่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ?
อั๊ต อัษฎา : ยอมรับว่ามีครับ แต่ขอไม่ลงลึก เพื่อให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง ยอมรับว่ามีการพูดคุยเรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเราก็เป็นเพื่อนกัน อันนี้ยอมรับเลย เพราะที่ผ่านมา ถ้าเราคบกับใคร พอเลิกกันแล้ว มันก็จบเลย แต่ตอนนี้ต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างในตัวเอง ที่จะต้องเอามาปรับใช้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด
- แล้วทำไมเราถึงมีมุมมองว่า เลิกกันแล้วยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรู ?
อั๊ต อัษฎา : โดยการคบกันในรอบนี้ มันมีการพูดคุย มีความเข้าใจกัน ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างที่เราคบกัน ซึ่งความรักที่ผ่านมาเราจะสื่อสารกันเยอะมาก แต่สำหรับตัวพี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน คือเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง เป็นคนที่ไม่ชอบพูด แต่ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ ต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวสูง แต่ด้วยความที่เราเป็นเหมือนกัน มันก็เลยทำให้มีจุดนี้ หลังจากที่เราต้องจบความสัมพันธ์ เราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้เรามูฟออนแล้ว

- แต่ความรักของเราเป็นอย่างนี้ เพราะคุณแม่เคยบอกไว้ว่าเราจะโสดไปตลอดชีวิต ?
อั๊ต อัษฎา : คุณแม่เขาพูดแบบนี้ เป็นระยะ ๆ ช่วงก่อนจะตึงมาก จะรู้สึกว่าแม่พูดทำไม ทำไมต้องแช่งลูกด้วย แม่จะเป็นแนวแบบว่า พูดนิ่ง ๆ แล้วช่วงไหนที่เราอกหัก หรือว่าเราโสด เขาก็จะเปรย ๆ ว่า ที่แม่ไปดูมา ลูกต้องอยู่คนเดียว ถามว่าเขาหวงไหม อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือแม่จะอยากเก็บพื้นที่ตรงนั้นไว้ สำหรับแม่คนเดียวหรือเปล่า
- จากนั้นอาจารย์เป็นหนึ่ง หนึ่งในพิธีกรของรายการ ก็ได้เริ่มทำนาย ว่าจะมีคู่ไหม ?
อาจารย์เป็นหนึ่ง : คือต้องบอกว่าปีฉลู ณ วันนี้ เขามีความสุขกับการใช้ชีวิตคนเดียว จะมีเพื่อนที่ดี ส่วนความรักจะเป็นเรื่องรอง เขาจะคิดแบบนี้มาทั้งชีวิต เรื่องหลักคืองาน ความสำเร็จ ก็คือไม่มีอะไรไปเปลี่ยนเขาได้ แต่ใช่ว่าจะไม่มี แต่ดวงอย่างที่พูดไป ความรักไม่ใช่เรื่องหลัก งานคือนัมเบอร์วัน
- แล้วเมื่อกี้ที่บอกว่าตอนนี้เปิดกว้างเรื่องความรัก ?
อั๊ต อัษฎา : คือหมายถึงว่า ตัวเราจะไม่ปิดกั้นตัวเองแล้ว ก่อนหน้านี้ค่อนข้างมีด่าน แต่พอถึงอีกจุดหนึ่ง เราต้องปล่อยวาง และปล่อยวางอย่างหนึ่งก็คือ การเปิดรับ แล้วถ้าต้องมาเปิดเพื่อความรักอีกรอบหนึ่ง คือไม่มีสเปก ขอให้เป็นคนดี และคุยกันรู้เรื่อง และผมต้องชอบด้วยนะ

- ในกรณี ถ้าเป็น LGBTQ ถ้าเกิดหลงรักพี่อั๊ตขึ้นมา เราจะมีโอกาสไหม ?
อั๊ต อัษฎา : ก็เปิดกว้างหมด
- แล้วเราคาดหวังไหม ถ้าเรามีความรักครั้งต่อไป เราอยากให้มันออกมาเป็นในรูปแบบไหน ?
อั๊ต อัษฎา : มันก็มีใจหนึ่ง ที่ไม่คาดหวังเลย แต่ก็มีอีกใจหนึ่ง อยากจะคบและอยู่กันนาน ๆ และในยุคสมัยนี้ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่ก็ต้องมีการพูดคุย เพราะที่ผ่านมาที่ทำให้เราต้องเลิกกัน มันมีทั้งประเด็นแต่งงาน ประเด็นเรื่องมีลูก เข้าใจและจูนกันไปในทิศทางเดียวกัน
- หล่อแบบนี้ไม่มีแฟน แต่ภาพจำคือหล่อมาก แล้วตอนนี้ก็คือยังหล่อ อายุเท่าไหร่แล้ว ?
อั๊ต อัษฎา : ปีนี้จะ 52 แล้ว ซึ่งตลอดเวลาเราก็ต้องดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก เราก็เหมือนคนทั่วไป เพราะเราทำงานในวงการบันเทิง เราก็ต้องเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง เรื่องผิวพรรณ หรือจิตใจข้างในเราก็ต้องเทกแคร์ ซึ่งเราก็ต้องใช้อะไรที่ให้มันไปกับชีวิตเรา


