ภาพจาก Bright TV
วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ดิว อริสรา แถลงข่าวเป็นครั้งแรกหลังกลับจากต่างประเทศ หลังตกเป็นประเด็นเรื่องหนี้สิน โดยดิวเปิดใจว่า ในเรื่องการรับงาน ถ้าเป็นงานตรงไหนที่ดิวรับและทำได้ ดิวถนัด ดิวก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูว่าอะไรที่ถนัดหรือไม่ถนัด เราเป็นคนที่ไม่ได้เลือกอะไรมากตั้งแต่แรก ดิวรับงานได้ทุกแบบ
จริง ๆ มีโอกาสเข้ามามาก ต้องขอบคุณทุกโอกาสและทุกคนที่ติดต่อเข้ามา เราก็ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสนั้น ก็มีโอกาสติดต่อมาเยอะ แต่ส่วนใหญ่โอกาสจะเป็นเรื่องการไลฟ์ แต่ตอนนั้นดิวยังไม่ได้อยู่ในไทย จะส่งของก็ยาก วิธีการไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าเรากลับมาอยู่ที่ไทยอะไรที่ยากก็จะง่ายขึ้น แล้วเราก็ทำได้
ภาพจาก Bright TV
สิ่งที่กลัวที่สุด - ความรู้สึกก่อนกลับไทย
เมื่อถามว่าการกลับมาครั้งนี้ ดิว อริสรา จะกลับมาเรื่องรีเซตทุกอย่างไหม ดิวเผยว่า ในการกลับมานั้น ในชีวิตเราก็รู้สึกว่า มันก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แล้ว ดิวไม่ได้กลัวกับการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราไม่ได้เริ่มมาจากศูนย์ เราเริ่มมาจากติดลบ ถ้าทุกคนจำดิวตั้งแต่ยัง 16 ได้ ดิวเริ่มมาจากติดลบ จนวันนึงอาจจะมีวิกฤตลงมา ดิวอาจจะกลับไปติดลบเหมือนเดิม ดิวไม่ได้กลัวกับการกลับมาเพื่อเริ่มต้นใหม่อยู่แล้ว ดังนั้นทุก ๆ โอกาส ทุก ๆ น้ำใจ ทุก ๆ รอยยิ้มหรือกำลังใจ คือแรงผลักให้ดิวมีความมั่นใจขึ้นในการอยู่ในประเทศไทย
ในตอนแรกดิวสารภาพเลยว่า ก่อนกลับดิวกลัวมาก ดิวไม่ได้กลัวอะไรแต่กลัวคน คือตอนอยู่ไต้หวันหรืออยู่ต่างประเทศก็กลัวคนไทย มันเป็นความรู้สึกของเราที่เรากลัว แล้วตอนเครื่องจะลงเราก็กลัว แต่พอเราเริ่มสัมผัสไปเรื่อย ๆ แล้วเราเป็นคนวัด ๆ ไปเลย วันแรกเราก็ไปเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย ให้เจอคนไปเลย ให้รู้ว่าใจเรารับไหวไหม ไปต่อได้ไหม
ดิวอาจจะหลงลืมไป อาจจะดูโซเชียลจนลืมไปว่าคนไทยเป็นคนน่ารัก คนไทยเป็นคนให้โอกาสคน มีน้ำใจ ดังนั้นคือพลังที่ดิวได้จากคนรอบข้าง เจอช่างหน้าช่างผม คนเดิม ๆ เจอพี่ ๆ ทุกคน หรือแม้กระทั่งพี่นักข่าว ดิวก็กลัว แต่พอดิวเจอมันไม่ใช่สายตาแบบนั้น มันก็อุ่นใจขึ้น แล้วก็อยากอยู่ประเทศไทย
ภาพจาก Bright TV
เสียใจอะไรที่สุด
ที่ผ่านมาสิ่งที่ทำให้เราเสียใจที่สุดคือตัวดิวเอง ที่ดิวทำผิดพลาดทุกอย่าง ดิวไม่ได้โทษใคร ไม่ได้เสียใจกับคำกล่าวโทษของใครเท่านั้น แต่ที่ดิวเสียใจคือแค่รู้สึกว่า คนอย่างดิว เมื่อไหร่เราจะมีคำว่าบทเรียนที่จดสักที ดิวพูดกับตัวเองแบบนั้น ดิวไม่อยากพลาดอีกแล้ว แล้วดิวเบื่อกับตัวเองที่เดี๋ยวก็มีเรื่องนั้น เดี๋ยวก็มีเรื่องนี้ ดิวเชื่อว่าคนที่ไม่รักดิว ก็ต้องเบื่อกับการที่ดิวเป็นแบบนี้
ดังนั้นสิ่งที่ดิวเสียใจที่สุดคือ เมื่อไหร่ดิวจะเป็นคนที่ไม่ผิดพลาดกับเรื่องแบบนี้สักที ซึ่งดิวเข้าใจว่าต่อให้คนที่ให้กำลังใจดิวเสมอจะพูดว่าแบบ คนเรามันผิดพลาดได้เสมอ แต่ดิวแค่คิดว่า สำหรับตัวดิวและจุดยืนของดิว และคนที่รักดิว ให้โอกาสดิว ดิวควรพอได้แล้ว และควรเข็ดได้แล้ว
เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต้องใช้ชีวิตให้มีสติขึ้น อยู่บนโลกความเป็นจริงมากขึ้น และมันต้องแก้ที่ตัวเอง ซึ่งไม่ต้องห่วงเวลาดิวจะแก้ไม่ได้ เพราะดิวเคยขึ้นสุด และลงสุด ดังนั้น ณ วันนี้ ดิวไม่ค่อยห่วงว่ามันจะแก้ยังไง เพราะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนปลงขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น เห็นในหลาย ๆ เรื่อง
ภาพจาก Bright TV
คืบหน้าเรื่องคดี
สำหรับเรื่องคดีความนั้น ทนายความของ ดิว อริสรา เผยว่า ตนเห็นความตั้งใจของดิวตั้งแต่ต้น ในเรื่องรูปคดีตอนนี้ตั้งแต่เมื่อวาน (19 สิงหาคม) ที่ศาลแขวงปทุมวัน ได้มีการนัดหมายและเคลียร์ยอดครึ่งหนึ่งให้กับเจ้าของร้านนั้นไปแล้ว เขาก็มีข้อตกลงกันว่าจะมีการทำบันทึกทางแพ่ง แล้วเขาจะถอนฟ้อง
ในส่วนกระเป๋า 2 ใบ ตนเจรจาเบื้องต้น เพิ่งได้รับคำตอบจากทางตำรวจและผู้เสียหายว่า ยุติตามที่เราเสนอไป แล้วมาพูดคุยกัน หลังจากนี้ตนก็จะส่งบันทึก มีการทำบันทึกกัน น่าจะจบในพรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้ น่าจะนัดเจอกันทุกฝ่าย เพื่อจะส่งมอบสร้อย BVLGARI คืนให้คุณเมย์ วาสนา ดังนั้นน่าจะจบทุกอย่างในส่วนนี้
ภาพจาก Bright TV
ในเรื่องการถอนฟ้อง คุณเมย์มีเจตจำนงตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าหากคุณดิวเคลียร์ทุกอย่างจบ คุณเมย์ก็เข้าใจและเห็นใจ ก็ให้เวลาคุณดิว ถ้ามะรืนนี้ทุกอย่างจบ คุณเมย์พร้อมที่จะถอนฟ้องให้ทั้งหมด ส่วนสร้อยเนื่องจากยอดมันเยอะ คุณเมย์ก็มีน้ำใจ เขาว่าจะช่วยครึ่งหนึ่ง แต่ต้องให้คุณดิวทำสัญญารับสภาพหนี้
ด้าน ดิว อริสรา เผยว่า ต้องขอบคุณพี่เมย์ด้วย คนอาจจะเข้าใจว่าเราทะเลาะกัน แต่พี่เมย์เป็นพี่ที่น่ารักมาโดยตลอด เราคุยกัน พี่เมย์พร้อมจบ เขาเป็นคนดีและเขาน่ารักกับดิว เรื่องถอนฟ้องเขาก็บอกว่า...สักทีเถอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก Bright TV






