ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art Phasut
เป็นนักแสดงที่ทำหมูกรอบออกมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กลายเป็นภาพจำติดตัวไปเรียบร้อยสำหรับอาร์ต พศุตม์ โดยล่าสุด วันที่ 15 กันยายน 2568 เจ้าตัวออกมาโพสต์เล่าเบื้องหลังการทำหมูกรอบครั้งแรกในชีวิต เป็นอะไรที่เกินความคาดหมาย กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลย ข้อความทั้งหมดดังนี้
รูปตอนนี้ที่ผมหัดทำหมูกรอบวันแรก สภาพคือแบบ อยากเป็นพ่อค้ามาก ๆ
วันนี้ผมอยากมาเล่าให้ทุกคนฟัง ว่ากว่าจะมาเป็นคุณชายหมูกรอบได้ เรื่องราวมันเป็นยังไง เผื่อจะเป็นแนวทางหรือกำลังใจให้กับคนที่กำลังทำธุรกิจ
ตอนผมเป็นดาราผมมีหนี้สิน 7 หลัก (ก่อนขายหมูกรอบ) เพราะซื้อ บ้าน และ คอนโด แล้วด้วยความที่เป็นเสาหลัก ผมต้องรับผิดชอบดูแลคนที่บ้าน ทั้งพ่อ แม่ และหลานอีกสองคน พอมีช่วง 3 เดือนว่างงานไม่มีละคร แต่ค่าใช้จ่ายมันมาตลอดไม่มีหยุด ขนาดไม่ฟุ่มเฟือยนะ เดือนนึงต้องจ่ายเกือบสองแสนเพราะต้องดูแลหลายคน บ้านก็ต้องผ่อน ก็เลยคิดว่าอยากหารายได้เสริม แล้วเรารู้สึกว่าการขายอาหารเป็นทางของเราซึ่งเราเคยขายมาก่อน เราเคยทำสำเร็จมาแล้วทั้งหมูทอดและน้ำพริก เริ่มต้น ผมตั้งใจว่า ขอแค่มีรายได้เพิ่มวันละ 1,000 บาทก็พอตอนนั้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art Phasut
ก่อนจะเริ่มขายหมูกรอบ ผมก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจอย่างบ้าคลั่ง จะรวยต้องทำไง การทำธุรกิจต้องทำแบบไหน เขาบอกว่าต้องมึสตอรี่ในการทำกิจการนั้น ๆ ต้องมีแผนการ ซึ่งผมก็ไม่เคยทำ ไม่ค่อยเชื่อด้วย กลัวมันจะดูปลอม แต่จะลองก็ไม่เสียหาย ผมก็เลยเล่าทุกอย่างด้วยความจริง ไปเรียนก็มาเล่า ฝึกทำก็เล่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตก็อัพเดตลงโซเชียล แต่มันกลับทำให้
วันแรกผมขายทำหมูกรอบทั้งสัปดาห์ตุนไว้ 150 กิโลกะขายวันละ 10 โลพอ ก็จะได้กำไร 800-1000 บาทเท่ากับที่ตั้งใจ โดยผมจะลงขายแค่เสาร์ อาทิตย์ แต่พอผมประกาศขายวันแรกหมดเลยครับ ผมเลยต้องหาทีมเพื่อช่วย วันที่ 2 สอง ผมทำหมูกรอบตุนไปเลย 500 กิโล ก็หมดอีก ทีนี้ฉุดไม่อยู่แล้วต้องขอขอบคุณแฟนคลับและลูกค้าทุกคนเลยนะครับ พวกคุณเปลี่ยนชีวิตผมและทีมงานจนสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art Phasut
คนที่มาช่วยผม แต่ละคนคือเพื่อน หรือคนรู้จัก ที่ครอบครัวไม่มีรายได้ เพราะส่วนตัว ผมชอบทำกับคนรู้จัก มันคุยกันง่าย รู้ใจกัน ทุกคนบอกคำเดียว พร้อมเริ่มงานเลย และการทำงานด้วยกันในทุกวัน พวกเขาเต็มที่ ไม่บ่น ไม่ท้อ ช่วงแรก ๆ ที่ไม่มีโบนัส ผมก็พาเขาไปเลี้ยงด้วยอาหารดี ๆ ที่เขาไม่เคยกิน เขาดีใจกันมาก ซึ่งช่วงนั้นยังขายแค่ หน้าร้าน กับ ออนไลน์ ยังไม่ได้ออกบูธ
พอผมคิดว่าธุรกิจนี้มันก็ไปได้นี่หว่า ก็ลองมาออกบูธเลยเพิ่มค่าแรงให้ทุกคนเป็นสองเท่า เพื่อให้เค้ารู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ถ้าเขาคิดว่าเขาทำงานเหมือนเป็นเจ้าของ เขาจะเต็มที่ แล้วเขาก็ทำกันสุดพลัง
มายเซ็ตคนทำงานด้วยกันต้องได้ผลตอบแทนมากขึ้นเวลาได้กำไร มันมาจากย้อนไปตอนผมอยู่ ป.5 ผมเคยโดนครูจ้างไปเสิร์ฟน้ำแข็ง ค่าแรง 10 บาท แต่คนในโต๊ะให้ทิปผม 100 บาท มือผมสั่นไป แบงค์ 100 สีแดงสำหรับเด็กน้อยมันเยอะมากนะ ผมทั้งจับ ทั้งดม เงินมันหอมจัง 555 ความรู้สึกดีใจชนิดที่ผ่านมา 30 กว่าปียังไม่ลืมมันสอนผมว่า การทำงานที่ได้ผลตอบแทนเกินค่าแรง ด้วยโบนัส ด้วยทิป จะทำให้คนทำงานมีใจให้กับเรา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art Phasut
ตัดกลับมาที่ร้าน ทุกคนสู้กันเหมือนไม่ได้เป็นแค่พนักงาน แต่เขาทำเหมือนเป็นเจ้าของร้าน เขาชาเลนจ์ตัวเองทุกวัน เพราะเราแบ่งกำไรให้เขาแบบเต็มที่ ทุกคนก็เลยสู้กันแบบ 1000000% ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะทีมที่ดี ผมขอบคุณเขาตลอด
ทีนี้เราพยายามกันมา 2 ปีครึ่งด้วยการทำธุรกิจสุจริต อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาบอกว่าผมทำธุรกิจสีเทา ในช่วงที่คนมีชื่อเสียงในวงการทยอยเข้าคุกเพราะไปข้องเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย แล้วผมผิดอะไร ผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องการทำงาน ผมตั้งใจคว้าทุกโอกาส จึงเป็นเหตุผลที่ผมตอบโต้แบบรุนแรงในทุกคำครหา เพราะมันคือการใส่ร้ายไม่ใช่แค่ต่อตัวผม ถ้าธุรกิจเสียหายขึ้นมา คนในบ้านจะเป็นยังไง ทีมงานที่ทำงานจะเลี้ยงดูครอบครัวต่อไปได้เหรอ จึงเป็นตำนาน 100 วันที่ตอบโต้ครับ ขอบคุณที่อ่านจบนะครับ วันนี้มีเวลาเลยอยากมาเล่าให้ทุกคนอ่านกัน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art Phasut






