เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง สำหรับ บุ๋ม ปนัดดา ที่จะมาเปิดชีวิต ในรายการ WOODY FM เผยลงพื้นที่มากกว่าอยู่กับครอบครัว เล่าเหตุผลที่ยังยืนหยัดแม้ไม่มีรายได้จากงานสังคมเพราะรอยยิ้มประชาชนคือความสุข เสี่ยงชีวิตแนวหน้า ถูกหมายหัวกลางสนามรบ หลังทุ่มทุนสร้างบังเกอร์ช่วยทหารชายแดน ลั่น ! ยังหิวแสงอยู่ ถ้าแสงนั้นช่วยให้คนเดือดร้อนให้มีที่ยืน พร้อมเล่าเหตุการณ์จริงที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้
มีอะไรบ้างในอดีตที่เสียเวลาไปกับมันเยอะมากแล้วตอนนี้ต้องเลิก ?
บุ๋ม ปนัดดา : พวกกิจกรรมที่แบบหนักเกินไป แต่ก่อนบ้ากับการเอาเงินไปลงกับของที่ไม่จำเป็น มอเตอร์ไซค์ก็ซื้อเป็น 10 คัน หรือของที่แบบฟุ่มเฟือยเกินไปกับชีวิตก็ตัดออก เพราะว่าตอนนี้มีความสุขกับตัวเอง มีความสุขอยู่กับลูก มีความสุขกับการได้ลงพื้นที่ แฮปปี้มาก
เดี๋ยวนี้แทบจะอยู่ในกรุงเทพฯ แค่ 2 วันที่เหลืออีก 5 วันคืออยู่ในพื้นที่หมดเลย อยู่ชายแดน อยู่ในโคลน อยู่ในน้ำท่วม อยู่กับประชาชน แล้วแบบชีวิตมันอินน่ะ แต่ทำไมยังต้องกลับมาทำงานเพราะเรายังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ มีลูกที่ต้องเลี้ยง มีงานของตัวเองที่ต้องทำ พยายามบาลานซ์ชีวิต คือไม่อินกับอะไรจนเกินไป แต่ก็เน้นหนักไปทางงานสังคมแล้ว ตอนนี้ก็คือ 75% คืออยู่กับงานสังคมหมดเลย 20 กว่าเปอร์เซ็นต์คืออยู่กับโลกครอบครัวอยู่กับงานแค่นี้
แล้วรายรับหลักตอนนี้ ?
แล้วคุณจะได้เอาเวลาที่เหลือไปทำงานสังคม ซึ่งก็ไม่มีรายได้ ?
บุ๋ม ปนัดดา : ไม่มีรายได้แล้วเสียรายได้ด้วย เสียตังค์เยอะด้วย อย่างตอนทำบังเกอร์ตอนช่วงแรกนี่คือลงเงินไปเยอะมากเลยนะ เพราะว่าบุ๋มลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม ยิงจริง ๆ ปะทะกันจริงคือ 24 กรกฎาคม ดังนั้นช่วง 6-24 กรกฎาคม ไม่ได้ระดมทุนอะไรเลยนะ เพราะอะไรพูดไม่ได้ เพราะมันพูดไม่ได้ว่าจะมีการปะทะกัน จะมีการยิงกันหรือเปล่า เพราะภาพพวกเราไม่เคยเห็นการรบเลย ตั้งแต่เราเกิดมาถูกไหม
ตอนปี 54 มีการปะทะแต่ภาพไม่ได้ออกมาชัดเจนขนาดนี้ แต่มาอันนี้เรารู้สึกว่ามันน่าจะมีแน่ ไม่ธรรมดาแน่ ฉันต้องทำบังเกอร์ ฉันต้องทำเพื่อทหาร มันรู้สึกอย่างนั้นไป แล้วพอเราไปรู้สึกอย่างเดียวไม่พอ เราลงมือทำจริง ๆ แต่มันระดมทุนไม่ได้ มาบอกกับประชาชนไม่ได้ว่ามันจะมีการรบขอตังค์ทำบังเกอร์ค่ะ ทุกคนจะบอกปนัดดาเธอบ้าหรือเปล่า ปนัดดาเธอเอาอะไรมาพูด มันจะรบกันจริงเหรอ เพราะภาพนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ในภาพที่เห็นเลยว่าเซเว่นโดนถล่มหรืออะไร มันไม่มีภาพนั้นในหัวของพวกเรา
แล้วตอนทำบังเกอร์ทำไมถึงเป็นบุ๋ม ?
คุณก็ลงทุนทำบังเกอร์เลย ?
แล้วสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำบังเกอร์ด่วนจากการตัดสินใจคือ ?
มีโอกาสที่จะไม่รอดไหมจากที่ผ่านมา ?
ชีวิตในการถูกหมายหัวไม่น่าจะใช้ชีวิตอย่างง่ายดาย ?
พูดได้ว่าชีวิตตอนนี้อาจจะไม่ได้เซฟเหมือนสมัยก่อน ?
สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง เป็นห่วงเหมือนกัน เพราะว่าทหารไทยยังต้องอยู่ตรงนั้น ?
เรื่องไหนที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้และไม่ได้พูดถึง ?
อยากจะวอนทางรัฐเหมือนกัน ทำไงก็ได้ให้ผ่อนผันการชำระหนี้หรืออะไรให้เค้าหน่อยได้ไหม แม้กระทั่งการท่องเที่ยวมันต้องหยุด เพราะไม่มีใครไปเที่ยวถูกไหม ทุกอย่างคือเศรษฐกิจคือติดลบแล้วตอนนี้ ใช้คำว่าติดลบ สิ่งที่บุ๋มไปในพื้นที่ บุ๋มก็นอกเหนือจากดูแลทหารแล้วก็ดูแลประชาชน ก็โดยการเอาไปนั่งไลฟ์บอกช่องทางว่าสามารถซื้อออนไลน์ในจังหวัดอื่น ๆ ยังไงบ้างนี่คือสิ่งที่เราพยายามทำอยู่
ถ้าสามารถเสนอร่างนโยบายบางอย่างเพื่อจะเปลี่ยนแปลง อันดับแรกในระดับชาติต้องมีอะไรเกิดขึ้นเพื่อเรื่องนี้จะได้เบาลงหรือยุติในที่สุด ?
ประเด็นเดิม ๆ คนจะตั้งคำถามเกี่ยวกับคนในสื่อว่าหิวแสงไหม ทำไปแล้วขาดแสงหรือเปล่าตอบยังไง ?
ความสุขที่ได้รับทุกวันนี้นอกจกที่ช่วยหลือผู้คนมากมาย นอกจากครอบครัว แล้วมีอะไรอีกที่ทำให้ยังอยู่ได้จนถึงวันนี้ ?
บุ๋ม ปนัดดา : รู้สึกว่าพอได้ช่วยคนแล้วมันเติมเต็มหัวใจเราเอง โดยที่ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรว่าจะมีได้ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น เพราะว่าฉันทำความดีมากกว่านี้ก็ไม่ได้เป็นนางเอก ฉันอยู่ในจุดที่อิ่มตัวแล้วกับในวงการบันเทิง อยู่ในจุดที่รู้แล้วว่างานอะไรเป็นยังไง ทำให้ยังไงแล้วจบยังไง เห็นภาพทั้งหมดแล้ว
สิ่งที่เราอยากได้คือความสุข จากวันนี้เป็นต้นไป ความสุขที่ได้ช่วยคน ความสุขที่ได้เห็นทีมงานขององค์กรทำดีที่เข้มแข็งมากขึ้น เป็นงานมากขึ้น แล้วทีมงานสามารถทำงานได้โดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่น คือระบบที่การสร้างงานในการทำความดีที่ฉันฝันมานาน มันคือระบบเหมือนบริษัท โดยที่แม่เป็นคนศูนย์กลางอยู่ตรงนี้ ประสานงานพร้อมกันอย่างงี้ ตอนนั้นไม่ได้นอน 24 ชั่วโมงกี่วัน แต่ฉันทำแล้วมันโคตรภูมิใจ พอทำสำเร็จไม่มีใครรู้เลยนะ แต่พอทำแล้วทุกอย่างผ่านไปได้ น้ำท่วมจบแล้ว สงครามนิ่งแล้ว โคตรภูมิใจ
หนึ่งเรื่องที่คิดว่าอยากจะให้คนจำ EP นี้คือเรื่องอะไร ?






