ภาพจาก Instagram nanarybena
ความคืบหน้ากรณีของ นานา ไรบีนา ที่ถูกตำรวจเข้าจับกุม พร้อมยึดของกลางมูลค่าร่วม 10 ล้านบาท ภายหลังกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความจนถูกออกหมายจับ โดยพบว่ามูลค่าความเสียหายมากถึง 195 ล้านบาท
ล่าสุด (3 ธันวาคม 2568) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เปิดเผยหลังสอบสวน นานา ไรบีนา ในช่วงบ่าย พบเบื้องต้นยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าไม่ทราบ ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เข้าใจว่าเป็นการกู้ยืมเงินธรรมดา และคิดว่าจะหามาใช้คืนเพื่อน ๆ ได้ทัน แต่หามาไม่ทัน เหมือนดอกเบี้ยกินหาง
ภาพจาก Bright TV
ในส่วนของ นายปริญญา อินทชัย หรือ เวย์ ไทเทเนี่ยม สามีนานา ที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าหายไปในช่วงเวลานี้ ไม่อยู่เคียงข้างภรรยาตอนที่ถูกควบคุมตัวนั้น ทางตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน
ทั้งนี้ คดีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ตัวเงินและผู้เสียหายค่อนข้างชัดเจน ทางทีมทนายความของฝั่งผู้เสียหายเองก็เข้ามาปรึกษากับทางพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้แล้ว
ภาพจาก Instagram daboyway
พฤติการณ์นานา ปลอมสลิป-หุ้นปลอม ลวงเหยื่อ
จากแนวทางสืบสวนข้อมูลเชิงพฤติกรรม เจ้าหน้าที่พบว่าในช่วงระยะหลังตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา นานา ไรบีนา เริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากติดนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รวมถึงทำธุรกิจขาดทุนหลายอย่าง จึงเริ่มออกอุบายชักชวนเพื่อน หรือคนที่อยู่รอบตัวให้นำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจต่าง ๆ โดยที่ธุรกิจเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงแค่การกุเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเงินจากกลุ่มผู้เสียหาย
อนึ่ง ทีมข่าวได้รับข้อมูลถึงพฤติการณ์ของ นานา ไรบีนา ว่ามีการชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิท บุคคลใกล้ชิด และกลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนนานาชาติ ให้โอนเงินมาร่วมลงทุน โดยอาศัยความเชื่อใจและความน่าเชื่อถือของตนเอง รวมถึงแอบอ้างชื่อเสียงของคนในแวดวงธุรกิจ
ในระยะแรก ผู้เสียหายบางรายได้รับผลตอบแทนตามที่เสนอจริง อีกทั้งนานา ไรบีนา ยังนำหลักฐานการโอนเงิน (ปลอม) และเอกสารการโอนหุ้น (ปลอม) มาแสดงให้ผู้เสียหายดูจนเกิดความเชื่อมั่น และหลงเชื่อลงทุนเรื่อยมา
กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นานา ไรบีนา เริ่มไม่จ่ายผลตอบแทนให้ผู้เสียหาย โดยอ้างว่าบัญชีเงินถูกหน่วยงานของรัฐระงับการทำธุรกรรม จึงไม่สามารถจ่ายคืนเงินลงทุนและปันผลการลงทุนได้
เมื่อถูกทวงถาม ก็ได้ออกเช็คเงินสดเพื่อจะชำระเงินลงทุนและเงินปันผลคืนให้กับผู้เสียหาย แต่เช็คเด้ง เนื่องจากไม่มีเงินในบัญชี
อีกทั้งภายหลังได้ทราบว่าบุคคลมีชื่อเสียงที่ถูก นานา ไรบีนา กล่าวอ้างนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนใด ๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นอกจากพฤติการณ์ในการชักชวนระดมทุนแล้ว นานา ไรบีนา ยังมีการปลอมหลักฐานสลิปการโอนเงิน ปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นบริษัทร้านตัดผมชื่อดัง ที่ตัวเองเป็นเจ้าของอยู่
ภาพจาก Bright TV
ธุรกิจเดียวจริง ๆ ที่มี คือร้านตัดผม
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรม พบว่า นานา ไรบีนา ไม่ได้นำเงินไปลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับมีการทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสดที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกันยังมีการนำเงินลงทุนที่ได้รับมาไปหมุนเวียนจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายอื่น ซึ่งลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
สำหรับธุรกิจเดียวที่มีอยู่ตรงของ นานา ไรบีนา และครอบครัว คือธุรกิจร้านตัดผมชื่อดัง ที่ทำร่วมกับสามี และเป็นแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียว ส่วนเงินต่าง ๆ ที่เหลือเข้ามาในระบบส่วนใหญ่เป็นเงินที่มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย
ภาพจาก Instagram daboyway
จ่อเช็กโฉนดที่ดิน - คุมตัวฝากขัง
นอกจากทรัพย์สินที่ตรวจยึด ยังตรวจสอบพบการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ดงนี้
- โฉนดที่ดิน จ.อ่างทอง จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 64 ตร.วา.
- โฉนดที่ดิน กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 87.9 ตร.วา
ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบการได้มา และได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมสิ่งของตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อนำมาประกอบในสำนวนและหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป
โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว นานา ไรบีนา ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังภายในวันที่ 4 ธันวาคม ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก
ภาพจาก Bright TV






