เปิดชีวิต ชาล็อต ออสติน ย้อนเล่าเรื่องราวจากเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีความรุนแรงให้เห็น ทั้งโดนอดีตแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย ยอมให้อีกฝ่ายนอกใจ ทำเอาเจ้าตัวเคยคิดสั้นถึง 2 รอบ พร้อมอัปเดตอาการซึมเศร้าและแพนิคที่ตอนนี้ดีขึ้นได้ เพราะใช้ธรรมะเข้าช่วย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31
ยินดีกับงานมีตติ้ง เรียกว่าเป็นการจัดวันเกิดล่วงหน้า ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ จริง ๆ เกิดวันที่ 21 ธันวาคม แต่รอบนี้เหมือนมีแฟนมีตของซีรีส์ที่ทาง MGI ผลิตขึ้นมา ก็เลยเอางานวันเกิดจัดที่ไต้หวันด้วย เป็นครั้งแรกที่จัดต่างประเทศคนเดียว ไม่คิดว่าบัตรจะหมดเร็ว ตอนแรกเราก็กังวลว่าจะมีแฟนคลับต่างชาติมาเยอะไหม เพราะการเดินทาง บินไป บินมามันก็ลำบาก
เห็นว่าหมดภายใน 2 นาที ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ ดีใจมาก
จริง ๆ คนอยากได้บัตรมากกว่านี้ แต่สถานที่รองรับได้ 500 คน ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ ตอนแรกหนูคิดว่า 200 คนด้วยซ้ำ แต่ 200 คนก็เยอะแล้ว แต่พอไปงานจริง ๆ ถามว่าสรุปมีกี่คนค่ะ เขาบอก 500 คน ก็คิดว่า 500 คนมันจะเยอะขนาดไหนนะ เพราะตอนที่เขานั่งในฮอลล์มันจะมืด แต่พอเดินออกมาแล้วโอ้โห นี่ของเราจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ใช่นักท่องเที่ยวใช่ไหม แล้วเขาก็ตะโกนชื่อเรา นี่แหละความหมายที่รายล้อมด้วยความรัก
ของขวัญเห็นว่าได้มาเยอะมาก ?
ชาล็อต : ได้เยอะมากค่ะ แต่ว่าจะบอกแฟนคลับเสมอ ถ้าจะให้ของขวัญอะไรหนูก็แล้วแต่ ขอเป็นจดหมาย เพราะว่าหนูจะเก็บจดหมายของแฟนคลับตั้งแต่ปี 2022 ที่ประกวด ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้มีเกือบทุกฉบับ
ทำไมเราถึงชอบความเป็นจดหมายเป็นพิเศษ ?
ชาล็อต : หนูมีบ้าน แล้วจะมีห้องนึงที่เป็นห้องเก็บของแฟนคลับโดยเฉพาะ ทุกครั้งที่เจอเรื่องเหนื่อย ๆ เครียด ๆ ก็จะเข้าไปนั่งในห้องนั้น แล้วจะเปิดกล่องจดหมายอ่าน อ่านไปแล้วเหมือนฮีลใจเรา
เห็นว่าของขวัญปีนี้ไม่อยากได้ตุ๊กตา เพราะเก็บได้ไม่นานต้องเอาไปบริจาค ของที่คนให้มาแล้วเอาไปบริจาคมันทำร้ายจิตใจที่สุด ก็เลยอยากได้ทิชชู่เปียก ?
ชาล็อต : หนูดักทางแฟนคลับไว้ก่อน หนูขึ้นไลฟ์ มีคนถามว่าปีนี้น้องชาอยากได้ของขวัญวันเกิดเป็นพิเศษไหม หนูก็เลยบอกว่าอยากได้เป็นทิชชู่ ทิชชู่เปียก น้ำแพ็คหรือเป็นอะไรที่มันสามารถใช้ได้จริง เพราะหนูรู้สึกว่าได้มาหนูก็อยากจะใช้ไม่อยากตั้งทิ้งไว้ หรือว่าไม่อยากเอาไปบริจาค
ทิชชู่เปียกเราเลี้ยงสุนัข เลี้ยงกระต่ายก็ต้องใช้อยู่แล้ว ส่วนน้ำเปล่าแฟนคลับจะรู้ว่าหนูจะขาดแคลนน้ำเปล่า ชอบน้ำก็อก
เห็นว่าเพื่อน ๆ มิสแกรนด์ก็บินไปเซอร์ไพรส์เอาเค้กไปให้ด้วย ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ มีพี่หมอข้าวโพด คือศิลปินในสังกัดเขาจะอยู่กับหนูตั้งแต่วันแรกที่บินไป แต่อีกวันจะเป็นงานแฟนมีตที่เราจะได้รวมเพื่อน ๆ พองานเสร็จก็ไปกินข้าวกัน หนูก็ไม่รู้ว่าจะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้น เพราะมันถูกเซอร์ไพรส์ไปแล้ว 1 วันก่อนหน้า ก็เลยตกใจสภาพหนูคือใส่หมวกกินปิ้ง ย่าง อยู่ มันไม่ทันแล้วก็เลยเป็นมีมไป
เห็นว่าเดินทางไปไต้หวันครั้งนี้คอมพลีตที่สุด มีไปแก้บนด้วย ?
ชาล็อต : จริง ๆ ไม่ได้บนแบบต้องได้หรือว่าอะไร แต่แค่ไปขอเฉย ๆ ว่า ขอให้เรื่องคดีอยากให้สิ้นสุด อยากให้ได้เงินคืน เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่เราเพิ่งโดนด้วย เราก็เลยไปขอท่าน ขอให้ได้ แล้วบ้านก็ขอให้มีคนสนใจ พอกชับมาผ่านไปเรื่อย ๆ จน 1 อาทิตย์ก่อนบินไปไต้หวัน ทนายส่งมาว่าคดีสิ้นสุดแล้ว แล้วเรื่องที่อยู่ ที่ดินก็มีคนเช่าไปแล้ว
เรื่องคดีหนูได้เงินคืนทั้งหมดไหม ?
ชาล็อต : ยังไม่ได้สักบาท แต่ว่าอยู่ในขั้นตอนกระบวนการส่งเอกสารไปที่ต่างประเทศ เพราะว่ามันเป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ
ทิศทางที่ดีเป็นของเรา ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ เปอร์เซ็นต์สูงที่เป็นข่าวดี
ชีวิตวัยเด็กก็แอบดราม่าเหมือนกัน อยากมีโอกาสทานข้าวพร้อมหน้า พร้อมตาคนในครอบครัว แต่มันไม่มีโอกาสจะเกิดขึ้นสักเท่าไหร่ ?
ชาล็อต : หนูไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิ่ง ๆ นี้ในความทรงจำวัยเด็กมันจะกระตุ้นหรือกระทบเราในอนาคต พอเหมือนหนูนั่งย้อน หรือมีคนพูดให้ฟัง ก็รู้สึกว่า 1. พ่อ แม่แยกทางกัน 2. เราเจอความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้โดนกับตัวเองนะคะ เราเห็นอะไรแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ แล้วเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราแล้วไม่เคยได้ถูกขุดออกมา ทำไมฉันถึงเป็นคนแบบนี้ รู้สึกเหมือนฉันขาดความรักนู้นนี่นั่น จนมารู้ว่ามันเริ่มมาจากแบล็กกราวเราตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
ตอนเด็กคนอื่นอาจจะเป็นเด็กไร้บ้าน แต่ชาล็อตเป็นเด็กหลายบ้าน ?
ชาล็อต : จันทร์-ศุกร์ อยู่กับคุณแม่ เสาร์-อาทิตย์ อยู่กับคุณพ่อ ช่วงปิดเทอมอยู่กับคุณยายที่ชุมพร
เห็นว่าตอนเด็กคุณแม่ก็มีครอบครัวใหม่ คุณพ่อก็มีครอบครัวใหม่ ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ
แล้วเวลาเราไปอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ อบอุ่นไหม ?
ชาล็อต : ตอนเด็กที่เราเห็นคือแม่จะมีรอยฟกช้ำที่ตัว แช้วจะชอบได้ยินเสียงตะคอก ตะโกน ด้วยความที่อายุ 11-12 ยังเด็กอยู่ก็รู้สึกว่าคงทะเลาะกันตามประสาผู้ใหญ่แหละ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการที่หนูไม่ชอบให้ใครมาตะคอก เพราะหนูเจอสิ่งนี้ในบ้านกับคนที่มาทำกับแม่หนู ก็จะเห็นอยู่บ่อยครั้ง
กับคุณพ่อก็จะหนักหน่อยตรงที่ว่าแม่เลี้ยงคนก่อนถืออาวุธไล่ เราอยู่ชั้น 2 มองลงมาแล้วก็ร้องไห้ หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเลย เพราะพ่อบอกว่ากับฉันเธอยังเอาอาวุธมาขู่เลย แล้วกับลูกฉันล่ะ ความปลอดภัยจะไปอยู่ตรงไหน ก็เลยเซย์ บ๊ายบาย
ทั้งสองบ้านเลยมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เราทำยังไง ไปอยู่ตรงนี้ก็ไม่อบอุ่น ตรงนี้ก็ไม่อบอุ่น ?
ชาล็อต : แต่โชคดีพ่อกับแม่หนูเขาปกป้องเป็นเกราะให้หนู แต่แค่รู้สึกว่าการที่เราเห็น หรือการที่ได้ยินเสียง มันคือสิ่งที่ฝังใจเรา ทำให้เราไม่ชอบ สิ่งที่หนูเป็นแพนิคอยู่ไม่ว่าจะเจอเสียงดังหรืออะไรก็แล้วแต่ อาจจะเป็นเพราะว่าแบ็กกราวด์หนูอาจจะเคยเจอแบบนี้มาก็ได้
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ไม่เข้าใจเราไหม เพราะมันเคยมีข่าวช่วงนึงน้องแอบโดนเม้าท์อะไรบางอย่างแบบแปลก ๆ กับผู้คน ?
ชาล็อต : ชาล็อต : หนูว่าสิ่งที่เป็นอยู่ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ หนูว่ามันน่าจะเริ่มมาจากแบ็กกราวด์ของการเติบโต หรือว่าเจออะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ การที่เป็นแพนิคไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็เป็นได้เลย หรือที่คนชอบบอกว่ามันเป็นโรคดารา จริง ๆ มันไม่ใช่นะคะ มันจะมีสิ่งกระตุ้นที่มันแตกต่างกันออกไป สำหรับหนู ความเร็วและเสียงดังมันจะกระตุ้น
พอเป็นขึ้นมาอาการจะเป็นยังไง ?
ชาล็อต : ชาล็อต : หนูจะนิ่งก่อน แล้วจะหายใจเข้าช้า ๆ อย่าหายใจเข้าเร็วนะ เพราะเรารู้ว่าเราเป็นในจังหวะที่ยังไม่มียาที่ทาน ก็จะตั้งสติกับตัวเองก่อน แล้วจะหาพื้นที่ปลอดภัยอยู่ตรงไหน เราวิ่งไปหาใครได้บ้าง ณ เวลานั้นก็จะวิ่งไปหาแล้วบอกว่าขออยู่ด้วยแป๊บนึงนะ
เหมือนอย่างงานล่าสุดที่หนูไปออกก็คือ เหมือนแฟนคลับเยอะมาก ซึ่งอันนี้ไม่ใช่แฟนคลับรุมหรืออะไรนะคะ แฟนคลับไปหาเยอะมาก แล้วเราไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานมากแล้ว เราก็รู้สึกว่ามาหาเราจริงเหรอ แล้วคนเสียงดัง กรี๊ดกัน ดีใจที่เรามา การกรี๊ดไม่ใช่ไม่ดีนะ มันดี แต่แค่ ณ ตอนนั้นอารมณ์แบบตกใจคนมาเยอะ และสิ่งที่ฮีลใจหนูในการหายแพนิคคือจะมีแฟนคลับตัวน้อย น้องจะวิ่งมาหนูก็กอดน้อง หนูก็จะหายเลย
ในช่วงวัยรุ่นก็เจอกับความรักที่ไม่ค่อยดี ?
ชาล็อต : มีแฟนคนแรกก็คือทุกอย่างเลย ธงแดง โดนนอกใจไม่รู้กี่ครั้ง โดนทำร้ายร่างกาย โดนเยอะมาก ทำให้หนูรู้สึกว่าอะไรวะเนี่ย แต่ทำไมฉันยังอยู่ อ่อ เพราะฉันรักเขา แต่จริงๆ มันคือความรักที่ Toxic มาก ๆ ซึ่งหลายคนหนูคิดว่าน่าจะเป็นเหมือนกัน กับการเจอความรักที่มัน toxic แต่ไม่สามารถเอาตัวเองออกมาได้ แต่วันนึงมันจะออกมาโดยที่เราไม่ต้องเสียน้ำตาสักหยด
ณ ตอนนั้นให้อภัยกี่ครั้งที่โดนนอกใจ ?
ชาล็อต : นับไม่ถ้วนเลยค่ะ
โดนทำร้ายร่างกาย เขาทำอะไร ?
ชาล็อต : เขาบีบคอหนู เขาจับแขนหนูเหวี่ยง ๆ เป็นอะไร
ณ ตอนนั้นเห็นว่าผู้ชายเก็บข้าวของหนีออกไปเอง ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ หนูมาทำพาสปอร์ตที่กรุงเทพฯ แค่วันเดียว พอกลับไปที่ภูเก็ต เคาะประตู แต่ไม่เปิด เสียบกุญแจเข้าไปปุ๊บ เสื้อผ้าหายหมดเลย เหมือนเขาย้ายออกไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แล้วนี่ล่ะยังคบกันอยู่เลย
ณ วันนั้นเรายังมูฟออนไม่ได้ ?
ชาล็อต : ณ วันนั้นยังเป็นความสัมพันธ์แบบแฟนกันอยู่เลย แล้วช่วงนั้นไม่ได้มีอะไรไม่ดีด้วย แต่พอเรากลับมาจากกรุงเทพฯ เขาก็ย้ายของทุกอย่างไปอยู่กับคนใหม่เลย แล้วอีก 2 เดือนกลับมา
ชาล็อตให้อภัยไหม ?
ชาล็อต : ไม่ค่ะ ให้พ่อเป็นคนจัดการ หนูไม่อยากเจอแม้กระทั่งหน้า ก็ให้คุณพ่อจัดการ พ่อก็รู้เพราะเห็นเราร้องไห้บ่อยมาก แล้วพ่อบอกว่าถ้าสมมติวันที่ฉันเป็นอะไรไปแล้วเธอไม่ร้องไห้แบบนี้นะ ฉันจะเสียใจมากเลย มันก็เลยทำให้หนูคิดได้ว่าจะร้องไห้ทำไม คือพ่อจะมีวิธีปลอบแบบไม่ดุ ไม่ว่า ให้ไปเจอเอง อยากรู้ใช่ไหมความรักเป็นยังไง เอาเลยเต็มที่ แต่เมื่อไหร่ที่ร้องไห้กลับมาที่บ้าน อย่าทำอะไรที่มันเกินไปกับความคิด
สวยขนาดนี้ วันนี้มีคนจีบไหม ?
ชาล็อต : ไม่มีค่ะ
หรือจากประสบการณ์ถ้าไม่ดี ไม่มีดีกว่า ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ ถ้าไม่ได้คนที่อบอุ่น ให้เกียรติ รักเราอย่างนี้ ไม่เป็นไรก็ได้ อยู่คนเดียวได้
สเปคเป็นยังไง ?
ชาล็อต : ไม่เจ้าชู้ ให้เกียรติหนู อบอุ่น อ่อนโยน
มันจำเป็นไหมที่ต้องเป็นผู้ชายหรือเพศเดียวกัน ?
ชาล็อต : เอาจริง ๆ หนูก็ไม่รู้เลย เพราะว่าสุดท้ายคนที่เข้ามาหาเรา เขาจะเข้ามาหาเราด้วยวิธีการอะไร ถ้าเข้ามาแล้วรู้สึกคลิกกัน ก็สามารถคุยกันได้ ถ้าไม่สามารถไปต่อในรูปแบบแฟน ก็เป็นเพื่อนกันได้นะ
แนะแนวทางให้คนที่เป็นแพนิคหน่อย ?
ชาล็อต : สำหรับหนูคือไปหาคุณหมอ ตอนแรกพยายามแล้วไม่ต้องพึ่งยา เราเห็นคนเป็นค่อนข้างเยอะ แล้วกว่าจะหยุดได้ 9 ปี ซึ่งเขาน่าจะเป็นหนัก แต่เรารู้สึกว่าไม่อยากใช้ยา อยากหายเอง ไหนลองหายเองดูสิ ซึ่งมันไม่ได้จริง ๆ ก็เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอ ให้คุณหมอช่วย
แล้วคุณหมอไม่ได้ให้แค่ยาทานมาอย่างเดียว แต่แนะนำด้วยว่าไปวิ่งออกกำลังกายบ้างนะ วิ่งในสวน หรือว่าไปบำบัดจิตใจตัวเองก็ได้นะในสถานที่ที่เราชอบ หรืออะไรที่มันฮีลใจเราได้ดี ในวันที่ไม่ต้องพึ่งยาจะได้มีสิ่งนี้ช่วยเราอยู่
อาการที่คิดว่าหนักที่สุด จนตัดสินใจไปหาหมอ ?
ชาล็อต : หนูร้องไห้ทุกคืน แล้วหนูก็กลัวคนหมดเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนหนูไม่อยากคุยกับใครเลย ซึ่งมันไม่ได้ เราทำงานตรงนี้ เราต้องเจอคน มันไม่ใช่แค่คน สองคน แต่เวลาไปเจอแฟนคลับ อาการแบบไม่อยากเจอคนไม่ได้ แล้วเราไม่ใช่คนแบบนั้น จริง ๆ หนูเป็นคนเอ็นจอย เฟรนลี่มาก เฮฮาสนุกสนาน แต่ในช่วงที่โดนมิจฉาชีพ โดนข่าวใด ๆ ลากยาวมาเกือบปีมันทำให้หนูรู้สึกว่าไปพบหมอดีกว่า
ปัญหาเหล่านี้กระทบกับงานไหม ?
ชาล็อต : กระทบ เพราะว่าจะทำงานได้แบบผ่าน ๆ ไปไม่ใช่ว่าเต็มที่กับมัน แล้วเราจะเห็นคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ก่อนหาหมอกับหลังหาหมอมันต่างกันมาก ก่อนหาหมอเอเนอร์จี้เราติดลบเลย ไม่อยากคุย ไม่อยากยุ่งกับใคร เจอมิจฉาชีพก็กลัว ๆ ไม่ไหวแล้ว แต่พอไปหาคุณหมอเสร็จรู้สึกว่า ฉันอยากเจอผู้คนมากเลย ฉันเอนจอยในการทำงาน อยากออกไปข้างนอก ทำของแฮนด์เมด อยากไปวิ่งที่สวน อยากใช้ชีวิต
เวลาทานยาจะทำให้ทุกอย่างเราช้าลงไหม ทำให้เราดูง่วงทั้งวันหรือเปล่า ?
ชาล็อต : ดูง่วงทั้งวันไหม สำหรับหนูไม่ค่ะ แต่ช้าลงไหม มีนิดหน่อยกว่าจะพูด กว่าจะคิดอะไรได้ 1-2-3-4 ไปก่อน
คุณหมอแนะนำยังไงบ้าง ?
ชาล็อต : หนูบอกคุณหมอไปว่าหนูไม่อยากกินยาไปตลอดชีวิต เขาก็บอกว่างั้นให้ยาบรรเทาอาการ แล้วหนูก็ถามว่ามีนักจิตบำบักที่สามารถพูดคุยกับเราได้ตลอเวลาไหม ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่า มี
อีกวิธีนึงของชาล็อตคือสวดมนต์ นั่งสมาธิ ?
ชาล็อต : ช่วงแรกจะฟังธรรมะอย่างเดียว แต่ช่วงหลังเริ่มแล้ว นั่งสมาธิ รู้สึกว่ามันสงบ นี่แหละที่ทำให้หนูมีความสุข นั่นคือความสงบในใจ รู้สึกว่าตัวเองนิ่งขึ้น จะพูดอะไรก็ต้องระวังเป็นอย่างมาก
ณ ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ?
ชาล็อต : รู้สึกว่ากลับมารักตัวเองได้เต็มที่ ไม่มีเรื่องเครียด ไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีเรื่องบั่นทอนจิตใจ ทำให้มันหม่นหมองในใจ เหมืนทุกอย่างมันคลีนและเคลียร์ไปหมดแล้ว โอเคตอนนี้ฉันกล้าพูดได้เต็มปาก รักตัวเองจริง ๆ
ทราบมาว่าชาล็อตคิดสั้นถึง 2 รอบ เกิดอะไรขึ้น ?
ชาล็อต : ช่วงแรกที่เกิดขึ้นก็ตอนแฟนคนแรกนี่แหละ ด้วยความที่มัน toxic มาก ๆ แล้วอาจจะยังเด็กด้วยก็ยังไม่ได้ผ่านหารไตร่ตรองที่ดีมาก ๆ ก็รู้สึกว่าทะเลาะกันหนูก็เลยหยิบยาเป็นกำ ๆ เหมือนในหนังเลยแล้วกิน แต่มันขม มันเลยไม่สำเร็จ แล้วพ่อก็มาเคาะประตูห้อง บอกว่าไปกินข้าวได้แล้ว เราก็ร้องไห้แล้วบอกว่าเดี๋ยวออกไป ตอนนั้นมันชั่ววูบจริง ๆ ที่คิดแล้วกินเข้าไป
ได้กลืนไปไหม ?
ชาล็อต : กลืนไป 2-3 เม็ด เพราะหนูเอาออกมาก่อน เพราะมันขมเลยกลืนไม่หมด
ครั้งที่ 2 เรียกว่าหนักกว่าครั้งแรก เพราะตอนนั้นเข้าวงการบันเทิงแล้ว ?
ชาล็อต : ใช่ค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงที่เข้าวงการแล้ว แล้วก็เป็นช่วงที่มีข่าวไม่ค่อยดี เรารู้สึกว่าเราโดนทุกฝ่ายเลย ตู้มกับเราที่เพิ่งเข้าวงการมา โดยที่ไม่รู้ว่าวงการบันเทิงเขาทำยังไงกัน ต้องวางตัวยังไง เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แต่ทำไมเราถึงโดนเยอะมาก
ด้วยความที่เป็นคนเก็บกดและคิดมากอยู่แล้วด้วย วิตกกังวลอยู่แล้วด้วย มันเลยทำให้เราไม่ไหวจริง ๆ โอเค พอเถอะ พอแล้ว ก็เลยร้องไห้ เข้าไปที่ห้องครัวไปเอาของไปดื่ม ๆ แล้วถืออาวุธ กรีดแขนตัวเองนั่งร้องไห้ แล้วก็เหม่อ ทำอย่างนี้อยู่ประมาณเป็นชั่วโมง เหมือนคนสติหลุดไปแล้ว อยู่คนเดียว ด้วยความที่ไม่มีพี่น้อง ไม่มีครอบครัวมาอยู่ด้วย
แต่มีสิ่งนึงที่ทำให้หนูหยุด กระต่ายหนูปกติน้องจะไม่ค่อยกระโดดมาหา เขาจะแอบอยู่ใต้โซฟา จะไม่เล่นด้วย ไม่ใช่กระต่ายขี้อ้อน แต่วันนั้นน้องก็วิ่งเข้ามานั่งข้าง ๆ หนูมองก็ยิ่งร้องใหญ่ แล้วโยนอาวุธเอากระต่ายมากอด ไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว ขอบคุณนะ เพราะเธอเลย หนูรู้สึกว่าถ้าฉันไป ไม่มีใครดูแลพะโล้ได้ดีเท่าฉัน แล้วก็เลยทิ้งน้องไม่ได้
แล้วตอนนี้หนูไม่ดื่มเกือบ 2 ปีแล้ว โอเควันเกิดเพื่อนจิบ ๆ อะมี แต่ถ้าเกิดดื่มแบบหัวราน้ำไม่มีแล้ว ด้วยความที่กินยาของคุณหมอด้วย มันเลยทำให้เราต้องหยุดการดื่ม ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับตัวเองนะคะ พอเราไม่ดื่ม เราไม่ต้องไปคิดมากว่าเราจะเป็นยังไง หรือถ้าเกิดอะไรขึ้นมันจะเป็นยังไง ไม่วิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
ประเด็นที่น่าห่วงอีกอย่างคือหมอดูที่เราเชื่อ เขาทักเราว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งนึง ?
ชาล็อต : ใช่ตามดวงโหราศาสตร์เลย เขาบอกว่าจะเกิดขึ้น 3 ครั้ง แล้วเราก็นับผ่านไปแล้ว 2
เขาทักเมื่อไหร่ที่บอกว่า 3 ครั้ง ?
ชาล็อต : เมื่อเดือนที่แล้ว แล้วเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ารู้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เขาบอกว่าตามพื้นดวงเนี่ยมันจะมีอะไรแบบนี้ 3 ครั้ง หนูก็นั่งนับครั้งที่ 3 ยังไม่มา ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น เพราะหนูมีสติแล้ว
อยากจะบอกอะไรกับแฟนคลับไหม ?
ชาล็อต : หนูรู้สึกว่าหนูถูกรักด้วยแฟนคลับจริง ๆ แค่อยากจะบอกทุกคนที่ดูอยู่ ชีวิตมันจะเจอเรื่องอะไรหนักหนาสาหัสมา ทุกคนเจอ มีปัญหาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่อยู่ที่วิธีการแก้และวิธีการจัดการหลังจากนั้นว่าถ้ามันเกิดขึ้นอีกจะทำยังไงไม่ให้ตัวเองดิ่งไปมากกว่านี้ วิธีง่าย ๆ เลย คือสงบ มีสติ แล้วก็หาความสุขให้ได้ด้วยตัวเอง






