x close

จับเข่าคุย ปุ้ม เปรมสุดา ผู้ประกาศข่าว ฝนฟ้าอากาศ






จับเข่าคุยกับผู้ประกาศข่าวสาวที่มาแรงในยุคนี้ เปรมสุดา สันติวัฒนา (ภาพยนตร์บันเทิง)

เรื่อง : เสาวรส

           รายการพยากรณ์อากาศที่ได้รับการกล่าวถึงและดังที่สุดในยุคนี้ ต้องยกให้รายการพยากรณ์อากาศของช่อง 7 สี ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่ที่มีทั้งบันเทิงและสาระที่สนุกสนานง่ายต่อการเข้าใจ รวมไปถึงตัวของผู้ดำเนินรายการคือ "ปุ้ม" เปรมสุดา สันติวัฒนา ก็มีการแต่งตัวเปลี่ยนไปทุกวันตามคอนเซ็ปต์และมีลีลาการรายงานข่าวไม่ซ้ำใคร ซึ่งสร้างสีสันให้กันรายการได้ไม่น้อย

           ในเมื่อเป็นผู้ประกาศข่าวได้รับการพูดถึงและน่าจับตามองขนาดนี้ วันนี้ GUEST TALK ก็เลยขอเปิดพื้นที่พูดคุยกับ ปุ้ม เปรมสุดา แบบเจาะลึกถึงการยอมพลิกจากงานประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า เพื่อก้าวเดินตามหาฝันในการเป็นผู้ประกาศข่าว

            ปุ้ม เปรมสุดา : พอปุ้มเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะศิลปะศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ก็เริ่มต้นทำงานเป็นเลขาฯ ให้กับนายสิงคโปร์ได้ 6 เดือน ก็ออกมาเพราะอาจจะยังไม่ชอบ จากนั้นก็มาทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับโตโยต้าซึ่งมีสัญญา 1 ปี พอทำได้ 1 ปีรู้สึกชอบเลยขอเขาทำต่อเป็นพนักงานประจำฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ 6 ปี ซึ่งระหว่างนั้นเราก็เรียนต่อปริญญาโทด้วย คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะเราอยากเป็นผู้ประกาศข่าว เราชอบลุกส์ผู้หญิงที่ดูฉลาดดูเก่งและสมาร์ต ใส่สูทรายงานข่าวดูดีจังเลย แม้บางคนหน้าตาไม่ได้สวยจัด แต่โดยรวมแล้วดูดีดูเก่งเราเลยอยากเป็น พอเรียนจบช่อง 7 ก็เปิดรับสมัครโครงการสรรหาผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ เราเลยมาสมัครและได้

พอได้มาทำถึงรู้ว่างานข่าวไม่ง่ายอย่างที่คิด

            ปุ้ม เปรมสุดา : ยากมากค่ะ รู้สึกว่าพี่ ๆ เขามีสมาธิได้ยังไง พอใส่หูฟังติดไมค์ตั้งสติ แต่เขาก็เน้นว่าให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ แต่เราเคยผ่านประสบการณ์งานพีอาร์มาก็พอช่วยได้ เราอาจจะมีพื้นฐานมาบ้างก็ปรับใช้ได้บางส่วน แต่ต้องมาเรียนรู้อีกเยอะมาก ต้องพูดจาให้ชัดเจน พูดเร็วไปพูดช้าไปจังหวะไม่ได้ ต้องเว้นวรรคให้ถูกอักขระต้องชัดเจน แรก ๆ เราเข้ามาคะแนนไม่ดี โดนผู้ใหญ่แนะนำเยอะมาก เสียงไม่ชัด มองกล้องทำไมตาดูลอย ๆ ทำไมต้องเกร็ง ทำไมต้องตัวแข็งตลอดเวลา กลายเป็นว่าสิ่งที่เราอยากทำพอมาทำมันไม่ได้ง่ายเลยนะ ท้อก็ท้อแต่อีกใจท้องมากไม่ได้เพราะเราเป็น 10 คนที่ได้มาทำ แล้วอีก 2,990 คนที่ไม่ได้อาจจะตั้งใจมากกว่าเรา เราเลยท้อไม่ได้ ต้องพยายามมากขึ้น และได้ไปทำสกู๊ปไปรายงานข่าวไปทำข่าวนอกสถานที่ด้วย ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกได้ถึงอารมณ์ของข่าวว่าเป็นยังไง

จากผู้ประเทศข่าวต่างประเทศและข่าวเด็ดสู่ข่าวพยากรณ์อากาศ

            ปุ้ม เปรมสุดา : ตอนแรกที่มาทำก็เครียดเหมือนกัน เพราะเขาบอกว่าคอนเซ็ปต์รายการแปลกใหม่ ไม่ธรรมดามีสีสันหน่อย ใส่ลูกเล่นลงไปได้แต่ยังคงสาระอยู่ เราก็ต้องไปอบรมที่กรมอุตุนิยมวิทยา 1 เดือน เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นยังไง มันส่งผลยังไงมีเอฟเฟกต์ยังไง




เรื่องเสื้อผ้าของผู้ดำเนินรายการที่มีการเปลี่ยนทุกวันก็สร้างสีสันเรียกกระแสให้กับรายการไม่น้อย

            ปุ้ม เปรมสุดา : ตอนแรกเราตั้งใจเราจะทำยังไงให้คนสนใจ เลยคิดธีมมาให้เราต้องเอาความแปลก เอาสีสันมาเรียกความสนใจ ถ้าสนใจเราแล้วพอมานั่งดูจะเห็นว่าในนั้นมีเนื้อหาอะไรมีข่าวสารอะไรที่เราต้องการนำเสนอ นอกจาก พี่ธนิดา จะเป็นคนวางคอนเซ็ปต์รายการ พี่เอกลักษณ์ ยังคอคิดมุกด้วย เช่น มีวันสำคัญอะไรก็คิดล่วงหน้าจะหาเสื้อผ้าอะไรมาใส่ อย่างวันแม่ วันลอยกระทงก็ใส่ชุดไทย แต่ก็มีที่คิดมาแล้วไม่ได้ใช้ถึงเราจะอัดเป็นเทปแต่เราทำเทปก่อนออกอากาศประมาณครึ่งชั่วโมง เราทำเทปสต๊อกไม่ได้ เพราะอากาศต้องอัพเดตตลอดเวลา คือทุกอย่างจะลิงก์กับสภาพอากาศ ซึ่งฟีดแบ็กดีคนก็ชอบ

เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบ

            ปุ้ม เปรมสุดา : มีบางคนบอกไม่ได้นะมันดูเลอะเทอะเกินไปหรือเปล่า มีช่วงหนึ่งที่ฟีดแบ็กแรงๆ เราเจอคนไม่ชอบก็รู้สึกเหมือนกัน เขาก็ว่าเราแรงนะ เช่น พูดว่าปัญญาอ่อน เฮ้ย...เราก็โตแล้วนะ มาว่าแบบนี้ เราไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ แต่เราจะไปอธิบายให้เขาฟังได้ยังไงล่ะว่าบางทีการทำงานเป็นทีมมันไม่ได้ หรือคุณเห็นที่ออกอากาศ 3 นาที แต่เราเตรียมงานกันแต่เช้า ปุ้มว่าความชอบอาจจะไม่เท่ากัน บางทีเราเล่นแค่นี้ก็ดูเยอะแล้ว แต่บางคนมองเราเล่นขนาดนี้น้อยไปทำไมมันจืด แต่เรารู้สึกว่าอย่างน้อยไม่ว่ามุกของเราจะเป็นยังไงแต่ขอให้ดูเนื้อหาสาระที่เรายังคงไว้เหมือนเดิม ซึ่งเราแบ่งสัดส่วน 20 กับ 80 คือ 20 เป็นมุก แค่เปิดหัวปิดท้าย แต่บางวันมุกอาจจะแรง เช่น แต่งเป็นนางเงือกเนื่องในวันสุนทรภู่ แต่เนื้อหาข่าวก็แรงเหมือนกันแต่เขาอาจจะมองไม่มีสาระ ก็มีหลายอย่าง

           เราพยายามรับฟังทุกความคิดเห็นและพยายามจะปรับ ใครที่บอกว่าดีเราพยายามครีเอตอะไรใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันเราก็พยายามเพิ่มเนื้อหาให้คนที่มองเราไร้สาระว่ามันไม่ได้ไร้สาระนะมันมีสาระ แต่ตอนแรกก็มีหนักใจที่เขาบอกว่าบางคนก็ดูแต่มุก ดูแล้วตลกมากเลยโดยไม่รู้ว่าอากาศเป็นยังไง เราก็ชักจะขำไม่ออกเลย หรือบางคนบอกนั่งรอดูว่าวันนี้เราจะใส่ชุดอะไรเราฟังแล้วก็รู้สึกกังวลก็ปรับอะไรเป็นประเด็นหลัก อย่างตอนนี้น้ำท่วมเราก็ต้องเปิดหัวด้วยเรื่องน้ำท่วมให้รู้เลยว่าตอนนี้น้ำท่วม หรือวันนี้เปิดด้วยมุกที่เกี่ยวกับพยากรณ์อากาศเลยให้เชื่อมโยงมากขึ้น เราตั้งใจทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เปลี่ยนแค่มุกแต่เปลี่ยนเรื่องของกราฟิกด้วยที่ต้องเปลี่ยนทุกวัน เราคิดว่าสักวัน อยากให้คนเห็นว่าสิ่งที่เราทำคือความตั้งใจของทีมงานทุกคน พอหลัง ๆ เริ่มมีคำชมไปถึงข้างหลังว่าชอบนะกราฟิกสวยดี

ตอนนี้กระแสความนิยมของ ปุ้ม เปรมสุดา แห่งฝนฟ้าอากาศกำลังมาแรง

            ปุ้ม เปรมสุดา : ก็ดีค่ะ ล่าสุดเพิ่งไปทำกิจกรรมน้ำท่วมกับช่อง 7 พอไปถึงคนรู้จักเรา แต่ตอนแรกเห็นหน้าเขาไม่รู้จักเราแต่พอเขาประกาศมีเปรมสุดาเขาก็อ๋อ...ฝนฟ้าอากาศ เรารู้สึกไม่เป็นไรหรอก ถึงจะไม่รู้จักหน้าเราแต่รู้ว่าฝนฟ้าอากาศ เปรมสุดามานะก็ดีใจ รู้สึกดีเหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งทำให้งานประสบความสำเร็จนะ ดีใจที่งานผู้ใหญ่มอบหมายและเปิดโอกาสให้เราทำงานอย่างน้อยก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง

ในฐานะเป็นคนข่าวรุ่นใหม่มองยังไงที่วงการข่าวตอนนี้มีการแข่งขันสูง

            ปุ้ม เปรมสุดา : มองว่ามันคือความอยาก แน่นอนงานทุกอย่างถ้ามีความอยากในตัวเองจะเป็นแรงผลักให้เราอึดพอที่จะทนกับแรงปะทะหลาย ๆ อย่างได้ แต่งานนี้มันอืดอย่างเดียวไม่พอ มันอึดแล้วพิสูจน์กันที่ความสามารถด้วย ถึงคุณอึดโดนอะไรปะทะมาคุณสู้ตาย แต่ว่าคุณต้องไม่ท้อ แต่ในขณะเดียวกันคนเก่ง ๆ มีเยอะ คนอยากมาทำตรงนี้ก็เยอะ ถ้าคุณไม่มีความสามารถคุณไม่พัฒนาตัวเองก็ไปต่อได้ยาก งานอ่านข่าวเป็นงานที่เราต้องแข่งกับตัวเองและพัฒนาตัวเองตลอดเวลา

นอกจากงานผู้ประกาศข่าวยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ 7 สีปันรักให้โลก

            ปุ้ม เปรมสุดา : ก็ดีใจค่ะ ที่เขาให้เราเป็นส่วนหนึ่งในทีมพรีเซ็นเตอร์ด้วย เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ๆ และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว นับวันจะรุนแรงมากขึ้น จากเมื่อก่อนเราเห็นว่ามันหนักแล้ว แต่ตอนนี้พอมาเห็นข่าวน้ำท่วม กลายเป็นว่าทุกคนได้รับผลกระทบแล้ว ผลกระทบที่มาถึงตัวเราหมายความว่าคุณทำอะไรกับธรรมชาติไปเยอะถึงได้รับผลกระทบเลวร้ายขนาดนี้ ตอนนี้ต้องเป็นการปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนว่าต่อไปอีก 10 ปีธรรมชาติอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องเริ่มทำตอนนี้ มันเป็นงานที่เสียสละ แต่ไม่ได้เสียสละเพื่อใครแต่เพื่อตัวเราเอง ต่อไปจะได้อยู่บนโลกใบนี้ได้โดยไม่มีปัญหาเลวร้ายไปกว่านี้




ตั้งเป้ายังไงกับงานที่ทำ

            ปุ้ม เปรมสุดา : ตอบยากมาก เหมือนเรามาเดินใหม่ เหมือนชีวิตการทำงานเราเพิ่งเริ่มต้น เพราะทำได้แค่ปีกว่าเรารู้สึกว่าก็ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ได้อย่างที่ใจเราหวัง หลังจากนี้ถ้าเรายังได้รับผิดชอบงานตรงนี้ในหน้าที่นี้ หมายถึง พยากรณ์อากาศ เราคงไม่หยุดเท่านี้ คงมีการพัฒนาอะไรมากกว่านี้ และอยากให้คนดูเห็นความสำคัญเรื่องของข่าวเรื่องของสภาพอากาศมากกว่านี้

เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องงาน

            ปุ้ม เปรมสุดา : ในชีวิตที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญเรื่องงานเป็นอันดับหนึ่งเพราะเป็นคนบ้างาน ให้ทำอะไรทำหมดชอบทำงาน แต่พอมาถึงจุดหนึ่งเพื่อนบอกชีวิตไม่ได้มีแค่งานนะ ยังมีอย่างอื่นอีกนะ แล้วเราเริ่มโตขึ้นเราได้ทำอะไรที่อยากทำเราก็ต้องมีการจัดสรรเวลาของชีวิตมากขึ้น แต่พอมาทำงานตรงนี้เวลาส่วนตัวน้อยลงจริงๆ เพราะงานข่าวเราต้องพร้อมตลอดเวลา เขาบอกให้ไปโน่นมานี่เราก็ต้องพร้อมจะไป แต่ถ้ามีเวลาว่างจากงานหรือเลิกงานไม่ดึกเกินไปก็จะนัดเพื่อนไปทานข้าวดูหนังบ้าง

แล้วมีเวลาให้กับแฟนบ้างหรือเปล่า

            ปุ้ม เปรมสุดา : ก็ไม่ค่อยมี แต่หลังเลิกงานอาจจะได้เจอกันบ้าง ได้ทานข้าว เพราะเขาก็ทำงานมีธุรกิจของตัวเอง แต่เขาก็เคยพูดว่ามาทำงานนี้เวลาน้อยลงนะ คือเขาพูดในแง่เป็นห่วงกลัวว่าเวลาพักผ่อนของเราน้อยลง เราจะพักผ่อนพอเหรอ เขาเข้าใจว่าเราตั้งใจทำงานก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่เคยบ่นน้อยใจ แต่มีประมาณว่า พอเรามาบอกเขามีคนว่าเรานะทำให้เรารู้สึกเสียใจ เขาก็พูดเตือนสติอย่าไปอะไรมากมาย บางครั้งก็มีปัญหามีทะเลาะกันบ้างเพราะเขาไม่อยากให้เราคิดมาก แต่โดยรวมแล้วก็แฮปปี้ดีเพราะเขาก็บ้า ๆ พอกับเรา

เมื่อไหร่จะมีข่าวดี เห็นว่าคบหากันมาก็หลายปีแล้ว

            ปุ้ม เปรมสุดา : คบกันมาได้ 3 ปีแล้วค่ะ เราก็คุยกันว่าอีกสัก 2 ปีน่าจะมีข่าวดี แต่ตอนแรกเราไม่ได้คิดเลย แต่ไป ๆ มา ๆ เริ่มคิดแล้วเพราะคนพูดเยอะทั้งเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว ตอนแรกที่เราไม่คิดเพราะเราบ้างานมีงานอะไรก็อยากทำเหมือนเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน จนเพื่อนที่เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนแต่งไปแล้ว เราก็มาคิดทำไมไม่มาทำงานด้วยกัน ทำไมไม่มาบ้างานด้วยกันแล้ว เพื่อนก็เลยบอกว่าเขาเพิ่งรู้นะว่าชีวิตมีอะไรมากกว่านั้นนะปุ้ม เราก็เลยเริ่มคิดเริ่มคุยกับเขา เขาก็บอกโอเค.อีก 2 ปี



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก


ปีที่ 37 วันที่ 24-30 สิงหาคม 2554 Vol.1805


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จับเข่าคุย ปุ้ม เปรมสุดา ผู้ประกาศข่าว ฝนฟ้าอากาศ อัปเดตล่าสุด 4 เมษายน 2559 เวลา 15:30:40 3,745 อ่าน
TOP