ปรับใบหน้าให้สมบูรณ์แบบด้วยเทคนิค "ฉีดไขมัน" (Lisa)
อยากเติมเต็มข้อบกพร่องบนใบหน้า แต่ไม่กล้าผ่าตัด ทั้งยังกลัวฉีดฟิลเลอร์ ลองรู้จักการฉีดไขมันของตัวคุณเองดูมั้ย รับรองว่าไม่มีแพ้
ข้อดี
เซลล์ไขมันเป็นเนื้อเยื่อของเรา ไม่มีการแพ้ ไม่มีปฏิกิริยาระยะยาว หลังจากฉีดเข้าไปจะเชื่อมติดกลายเป็นเนื้อเยื่อธรรมชาติของชั้นใต้ผิวหนัง และช่วยเพิ่มคุณภาพของผิวด้วย
ค่ายาไม่ได้คิดตามปริมาณ เนื่องจากไขมันเป็นของเราเอง ต่างจากฟิลเลอร์ที่คิดเป็น ซี.ซี.
ไขมันเป็นสีเหลืองไม่โปร่งแสง เมื่อฉีดผิวจึงดูสว่างขึ้น ในขณะที่ฟิลเลอร์นั้นมีลักษณะใส เมื่อฉีดอาจเห็นเป็นรอยดำถ้าผิวหนังบาง
หากฉีดมากเกิน หรือเป็นรอยก็สามารถนวดให้หายไปได้ไม่ยาก
ปลอดภัย เพราะใช้เข็มทู่ โอกาสจะเข้าไปในเส้นเลือดหรือเกิดปัญหาแทรกซ้อนมีน้อย
ข้อเสียและความเสี่ยง
เซลล์ไขมันมีชีวิต เมื่อเราอ้วนขึ้นหรือผอมลงขนาดก็จะเปลี่ยนตาม เพราะฉะนั้นควรมาทำในขณะที่เราไม่คิดลดหรือเพิ่มน้ำหนัก
เส้นประสาทใบหน้าอาจกระเทือนชั่วคราว จนหน้าเบี้ยว ชา 2-3 สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นจะหายเป็นปกติ
ถ้าไม่ใช่เทคนิคแบบใหม่ ไขมันจะหายไปเยอะ อาจเกิดอาการตะปุ่มตะป่ำ และถ้าไม่สะอาดอาจเสี่ยงกับการติดเชื้อ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
อยากเติมเต็มข้อบกพร่องบนใบหน้า แต่ไม่กล้าผ่าตัด ทั้งยังกลัวฉีดฟิลเลอร์ ลองรู้จักการฉีดไขมันของตัวคุณเองดูมั้ย รับรองว่าไม่มีแพ้
Facial Fat Graft หรือ เทคนิคการปรับรูปหน้าด้วยการย้ายไขมัน เป็นเทคนิคที่มีการพัฒนามาหลายสิบปี แต่ในอดีต
จะมีปัญหาตรงที่ย้ายตำแหน่งแล้วไขมันหายค่อนข้างมาก จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
ภายหลังเมื่อยุคการแพทย์ปรับเปลี่ยนเป็น Regenerative Medicine มีความคิดว่าไขมันเป็นเนื้อเยื่อที่มีระบบภายในในการรักษาสภาพ
คือเป็นเซลล์ที่มีไขมันอยู่ข้างใน และมีเปลือกซึ่งมีสเต็มเซลล์อยู่
เป็นตัวที่รักษาไขมันเอาไว้ และงอกไขมันแทนที่ไขมันเก่าที่ตาย
เพราะฉะนั้นการย้าย จึงต้องคำนึงว่าต้องย้ายเซลล์ที่รักษาตัวมันด้วยติดมา เติมอินซูลิน หรืออาจเติม Growth Factor บางชนิด บางครั้งอาจจะเติมเซลล์เปลือกของไขมัน การอยู่รอดของไขมันจึงเพิ่มขึ้นเป็น 70%
ทำกันอย่างไร
หลังจากวิเคราะห์ใบหน้า บางตำแหน่งอาจใช้ Blunt Cannula เซาะให้เป็นโพรงก่อนฉีดไขมันเข้าไป (อย่างเช่น การเสริมจมูก) จากนั้น จึงเลือกตำแหน่งไขมันที่จะดูด คือหน้าท้องส่วนล่าง หรือต้นขาด้านนอก แล้วฉีดยาชาก่อนเจาะรูประมาณ 3 มิลลิเมตร แล้วฉีดสารน้ำซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างยาชา น้ำเกลือ และอะดรีนาลีนทิ้งไว้ 15-30 นาที จากนั้น จึงดูดไขมันออกมา หากต้องการดูดเปลือกเซลล์ด้วยจะต้องดูดไขมันเพิ่มเป็นสองเท่า แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ก่อนใช้เข็มขนาดเหมาะสมฉีดตรงตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งทำได้ทั่วไปหน้า ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม หางตา หน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ริมฝีปากล่าง หรือลบรอยตีนกา
เห็นผลแบบไหน
เนื่องจากไขมันเป็นเนื้อเยื่อของเรา เมื่อฉีดแล้วจึงให้ความเป็นธรรมชาติมาก หากจับจะรู้สึกนุ่ม ๆ เหมือนผิวหนังทั่วไป แต่อาจมีอาการบวมไม่เท่ากันบ้างภายในหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงแรกห้ามนวดเด็ดขาดเพราะไขมันจะหายไป หลังจากนั้นจะคงที่ภายใน 6 สัปดาห์ และจะต้องมาฉีดซ้ำอีก 2-3 ครั้ง จึงคงรูปร่างสมบูรณ์
ทำกันอย่างไร
หลังจากวิเคราะห์ใบหน้า บางตำแหน่งอาจใช้ Blunt Cannula เซาะให้เป็นโพรงก่อนฉีดไขมันเข้าไป (อย่างเช่น การเสริมจมูก) จากนั้น จึงเลือกตำแหน่งไขมันที่จะดูด คือหน้าท้องส่วนล่าง หรือต้นขาด้านนอก แล้วฉีดยาชาก่อนเจาะรูประมาณ 3 มิลลิเมตร แล้วฉีดสารน้ำซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างยาชา น้ำเกลือ และอะดรีนาลีนทิ้งไว้ 15-30 นาที จากนั้น จึงดูดไขมันออกมา หากต้องการดูดเปลือกเซลล์ด้วยจะต้องดูดไขมันเพิ่มเป็นสองเท่า แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ก่อนใช้เข็มขนาดเหมาะสมฉีดตรงตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งทำได้ทั่วไปหน้า ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม หางตา หน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ริมฝีปากล่าง หรือลบรอยตีนกา
เห็นผลแบบไหน
เนื่องจากไขมันเป็นเนื้อเยื่อของเรา เมื่อฉีดแล้วจึงให้ความเป็นธรรมชาติมาก หากจับจะรู้สึกนุ่ม ๆ เหมือนผิวหนังทั่วไป แต่อาจมีอาการบวมไม่เท่ากันบ้างภายในหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงแรกห้ามนวดเด็ดขาดเพราะไขมันจะหายไป หลังจากนั้นจะคงที่ภายใน 6 สัปดาห์ และจะต้องมาฉีดซ้ำอีก 2-3 ครั้ง จึงคงรูปร่างสมบูรณ์
เซลล์ไขมันเป็นเนื้อเยื่อของเรา ไม่มีการแพ้ ไม่มีปฏิกิริยาระยะยาว หลังจากฉีดเข้าไปจะเชื่อมติดกลายเป็นเนื้อเยื่อธรรมชาติของชั้นใต้ผิวหนัง และช่วยเพิ่มคุณภาพของผิวด้วย
ค่ายาไม่ได้คิดตามปริมาณ เนื่องจากไขมันเป็นของเราเอง ต่างจากฟิลเลอร์ที่คิดเป็น ซี.ซี.
ไขมันเป็นสีเหลืองไม่โปร่งแสง เมื่อฉีดผิวจึงดูสว่างขึ้น ในขณะที่ฟิลเลอร์นั้นมีลักษณะใส เมื่อฉีดอาจเห็นเป็นรอยดำถ้าผิวหนังบาง
หากฉีดมากเกิน หรือเป็นรอยก็สามารถนวดให้หายไปได้ไม่ยาก
ปลอดภัย เพราะใช้เข็มทู่ โอกาสจะเข้าไปในเส้นเลือดหรือเกิดปัญหาแทรกซ้อนมีน้อย
ข้อเสียและความเสี่ยง
เซลล์ไขมันมีชีวิต เมื่อเราอ้วนขึ้นหรือผอมลงขนาดก็จะเปลี่ยนตาม เพราะฉะนั้นควรมาทำในขณะที่เราไม่คิดลดหรือเพิ่มน้ำหนัก
เส้นประสาทใบหน้าอาจกระเทือนชั่วคราว จนหน้าเบี้ยว ชา 2-3 สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นจะหายเป็นปกติ
ถ้าไม่ใช่เทคนิคแบบใหม่ ไขมันจะหายไปเยอะ อาจเกิดอาการตะปุ่มตะป่ำ และถ้าไม่สะอาดอาจเสี่ยงกับการติดเชื้อ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก