
ดูแลผิวสภาวะพิเศษ (Lisa)
หลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำเพื่อผิว อาจกำลังทำลายผิวโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผิวที่เป็นสิวง่าย ผิวระคายเคืองง่าย หรือผิวในช่วงตั้งครรภ์ที่ฮอร์โมนภายในมีการแปรปรวนสูง
ผิวในสภาวะเหล่านี้จะระคายเคืองง่ายกว่าปกติ อะไรที่คิดว่าเป็นการปรนนิบัติผิว อาจไม่ใช่อย่างที่คิดเมื่อสอบถามจาก นพ.รัฐภูมิ สุเมธิวิทย์ แพทย์ประจำแผนกผิวหนัง รพ.รามาธิบดี
"ผู้หญิงหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าหน้ามันหรือหน้าเป็นสิวง่ายแล้วจะต้องล้างหน้าบ่อยๆ เพราะผิวมีเชื้อโรคเยอะ ที่จริงแล้วไม่ใช่" คุณหมอรัฐภูมิยืนยัน "เชื้อโรคที่ว่า ผิวทุกคนมีเพียงแต่ว่าบางคนมีปัจจัยอื่นทำให้เกิดสิวขึ้น การล้างหน้าบ่อยๆ ไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อเหล่านี้ พวกมันอยู่ในรูขุมขน ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่ได้ลงไปถึงต่อมรูขุมขน การล้างหน้าบ่อยๆ กลับยิ่งทำให้เกิดความระคายเคืองผิว ผิวที่เป็นสิวอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเห่อและอักเสบ"
แม้แต่การขัดถูผิวแรงๆ ขณะล้างหน้า ผิวรอบรูขุมขนก็จะบวม กระตุ้นให้เกิดสิว เลี่ยงการทำทรีตเมนต์อย่างขัดหน้า พอกหน้า ผิวที่มีแนวโน้มจะเป็นสิว จึงควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าชนิดอ่อนโยน วันละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ มองหาคำว่า "Non-comedogenic","Non-ionic" หรือ "PH Balance" คำใดคำหนึ่งที่ผลิตภัณฑ์
"สำหรับสบู่เพื่อผิวเป็นสิวและลดความมันบนใบหน้าโดยเฉพาะ ไม่แนะนำให้ใช้เป็นประจำ เพราะอาจระคายผิว สิวที่เป็นอยู่จะเห่อแดงขึ้น แต่ถ้าใช้เป็นครั้งคราวก็จะช่วยลดความมันลงได้" จึงไม่ควรล้างหน้าบ่อย แต่ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นสิวและเส้นผมกับหนังศีรษะมัน คุณหมอรัฐภูมิ แนะนำให้สระทุกวัน "น้ำมันจากเส้นผมและผลิตภัณฑ์ จัดแต่งทรงผมก็กระตุ้นให้เกิดสิวได้"
"ผิวหน้าเป็นสิว แนะนำอย่าเพิ่งใช้เครื่องสำอาง" ในทัศนะคุณหมอแล้วเห็นว่า เครื่องสำอางเกือบทุกตัวมีส่วนกระตุ้นการอุดตัน แต่ถ้าต้องการใช้จริงๆ เลือกเครื่องสำอางที่ผ่านการทดสอบส่วนผสมว่าไม่ก่อการอุดตันหรือการแพ้ สังเกตจะมีคำว่า "Non-comedogenic", "Hypo-allergenic","Non-allergenic" หรือสูตรปราศจากส่วนผสมของน้ำมันที่เรียก "Oil Free" แนะนำให้ใช้ได้ โดยเฉพาะครีมกันแดดควรเลือกสูตร "Oil Free"
ปัญหาเช่นนี้จะเกิดกับผู้ซื้อยาแก้สิวใช้เอง ยาแก้สิวที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือเพื่อนๆ ญาติๆ แนะนำให้ซื้อมาฝากให้ใช้พวกนี้จะมีสารสเตียรอยด์ บ่อยครั้งที่คุณหมอรัฐภูมิต้องคอยรักษาสิวที่เกิดจากการใช้ยาแก้สิว แรกๆ ใช้เหมือนจะดี เพราะสเตียรอยด์ช่วยลดการอักเสบ แต่ใช้ไปสักพัก (สักพักที่ว่าของแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน) จะเกิดสิวเห่อขึ้น สิวทั่วไปจะเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ แต่สิวที่เกิดจากสเตียรอยด์ ลักษณะจะคล้ายๆ กันทุกเม็ด
ปัญหาไม่ได้มีเพียงแค่นั้น บางคนเป็นสิว เข้าใจว่าผื่นคัน ไปซื้อยาแก้ผื่นคันมาใช้ และมีโรคผิวหนังบางโรคลักษณะจะคล้ายๆ สิว ผิวมีอาการระคายเคืองง่าย โดนอะไรแล้วร้อนวูบวาบ เรื่อๆ แดงๆ มีวิธีรักษาต่างหาก บางคนคิดว่าถ้ายิ่งรักษาสิว ยิ่งนานไปกันใหญ่ ต้องให้แพทย์ผิวหนังดูถึงจะรู้ สิวอาจไม่วินิจฉัยง่ายอย่างที่คิด
มีผู้หญิงที่รู้สึกว่าผิวตนเองแพ้ง่ายเพิ่มขึ้นจากในอดีต "กลุ่มหนึ่งจะเป็นผิวที่แพ้จริง แพ้สารอะไรบางอย่างที่เข้ามาสัมผัสผิว" คุณหมอรัฐภูมิแยกแยะให้ฟัง "แต่อีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่าผิวระคายเคืองง่ายมากว่า ผิวไม่ได้แพ้ แต่เจ้าตัวเคยไปทำอะไรมามากมายกับผิว ผ่านการทำทรีตเมนต์หรือใช้ผลิตภัณฑ์มากมาย ผิวเลยระคายเคืองง่าย"
ผิวทั้งสองกลุ่มนี้ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ที่จะใช้กับท้องแขนก่อนทุกชนิด "โดยทาทิ้งไว้ที่ท้องแขนเช่นเดียวกับทีใช้กับหน้า ถ้าต้องใช้วันละ 2 ครั้ง ก็ให้ทาทิ้งไว้วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ถ้าเป็นสบู่ก็ให้ทาแล้วล้างออกทุกวัน เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ถ้ายังไม่แน่ใจ หลังทดสอบกับท้องแขนให้ทดสอบทาที่ผิวหน้าเป็นวงเล็กๆ อีก 2 อาทิตย์ เพราะบางคนผิวกายไม่ระคาย แต่ผิวหน้าระคาย" และเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์กับผิวได้ทีละชิ้น ผิวสองกลุ่มนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้น้อยชิ้นที่สุด อาจใช้เพียงผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ครีมบำรุงผิวและครีมกันแดด ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่เลือกใช้ควรมีคำว่า "Hypo-allergenic","Non-allergenic" , "Hypo-irritant" คำใดคำหนึ่งบนฉลาก ถ้าไม่จำเป็นไม่แนะนำให้ใช้โทนเนอร์กระชับผิวหรือเครื่องสำอางเลย
แม้แต่สบู่ ถ้าไม่จำเป็น แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าทั้งเช้าและเย็นก็สะอาดเพียงพอ ส่วนครีมกันแดดคุณหมอแนะนำให้เลือกสารกันแดดชนิดเคลือบผิว โดยสังเกตที่ส่วนผสมจะมีคำว่า "Titanium dioxide" และ/หรือ "Zinc Oxide" อาจต้องเลี่ยงสารกันแดดชนิดทำปฏิกิริยาเคมีอย่าง "Oxybenzone" หรือ "Parzol 1789" ฯลฯ
ผิวระคายเคืองง่าย ไม่เพียงแต่จะระคายกับน้ำหอมหรือสารกันบูดในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ยังง่ายที่จะระคายสารป้องกันผิวแก่ก่อนวัยอย่าง AHA BHA วิตามินซีบริสุทธิ์ เรตินอล (Retinol) หรือ ทริตินออิน (Tritinoin)
"โอเค สารกลุ่มนี้ดีต่อสภาพผิว ลดเรื่องริ้วรอยลงได้ แต่เป็นสารที่ระคายเคืองผิวปกติอยู่แล้ว ผิวระคายเคืองง่ายถ้าจะใช้ อาจทาอาาทิตย์ละครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเป็นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือโชคร้ายก็ใช้ไม่ได้เลย" ยังไงผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวแก่ก่อนวัยที่ดีที่สุดก็ยังเป็นครีมกันแดด "แพทย์ผิวหนังทุกคนก็ใช้ครีมกันแดด" คุณหมอย้ำ
ไม่เพียงแต่หน้าอาจหมอง ผู้หญิงตั้งครรภ์อาจเป็นฝ้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะฮอร์โมน ซึ่งคุณหมอรัฐภูมิแนะนำว่า "อย่าเพิ่งรักษาฝ้าเลย เรายังไม่รู้แน่ชัดว่ายาฝ้าบางตัวมีผลต่อเด็กในครรภ์หรือเปล่า อาจจะไม่มี แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน อาจทาครีมกันแดดและพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดก็จะช่วยได้บ้าง" คุณหมอแนะนำให้เลือกครีมกันแดดชนิดเคลือบผิว
ส่วนปัญหาเส้นดำขึ้นเป็นแนวตามตัวในร่มผ้า หรือปัญหาผิวแตกลายตามหน้าอก หน้าท้อง และต้นขาก็เช่นกัน ควรรักษาหลังคลอด อาจทาครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นช่วงที่ตั้งครรภ์ แต่ไม่ยืนยันว่าจะสามารถช่วยได้ จากข้อมูลที่มีคิดว่าไม่ช่วย แต่ก็อาจจะดีกว่าไม่ทาเลย
มีตัวยาจำพวกทริตินออินในกรุ๊ปกรดวิตามินเอ สามารถใช้รักษาสิว ช่วยเรื่องรอยย่น รอยแผลเป็นและรอยแตกลายได้ แต่ควรใช้หลังคลอด เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อบุตรใจครรภ์หรือเปล่า แม้ผลวิจัยจะยืนยันว่าดูดซึมน้อยมาก โดยคิดว่าไม่มีผลก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือแพทย์บางอย่าง เช่น การกรอผิวช่วยในเรื่องรอยแตกลาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก







