8 วิธีกำจัดขน ส่วนเกินที่หลายคนไม่ต้องการ

วิธีกำจัดขน



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          แม้เรื่อง "ขน" จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่มันก็เป็นอุปสรรคความงามแก่ผู้หญิงไม่ใช่น้อย บางทีสีเข้มไป หนาไป ยาวไป หรือดันขึ้นในบริเวณที่อยากให้ผิวเนียนเรียบ เมื่อเป็นเช่นนี้วิธีกำจัดขนสารพัดแบบจึงถูกงัดขึ้นมาใช้ เพื่อกำจัดขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่แขน ขา รักแร้ ขนคิ้ว ขนจมูก หรือขนหน้าอกในคุณผู้ชาย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอหยิบวิธีกำจัดขน 8 แบบ ตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ซึ่งคุณทำได้เองไปจนถึงวิธีกำจัดขนถาวรแบบถอนรากถอนโคนมาฝากเลยค่ะ เผื่อว่าคุณจะได้เก็บไว้พิจารณาใช้กันนะคะ

       1. ถอน

          การถอนเป็นวิธีกำจัดขนแบบดั้งเดิมที่สุด อุปกรณ์มีเพียงแหนบเท่านั้น สามารถกำจัดขนได้สิ้นซากไปทั้งราก ทำให้ผิวเรียบเนียนได้นานกว่าขนชุดใหม่จะงอกออกมา แต่ว่าไม่เหมาะกับการกำจัดขนปริมาณมาก ๆ อย่างเช่น ขนหน้าแข้ง หรือแม้แต่ขนรักแร้ ซึ่งแม้จะถอนเองได้จริง แต่ก็เมื่อยคอและปวดตาน่าดู

       2. โกน

          วิธีกำจัดขนยอดนิยม ที่ทั้งถูก ง่าย สะดวก และทำได้รวดเร็ว คงไม่มีอะไรเหนือไปกว่าการโกน เพื่อรักษาผิวที่เรียบไร้เส้นขนได้สม่ำเสมอ คุณอาจต้องโกนทุก ๆ 2-3 วัน เพราะขนสามารถงอกกลับได้ไว อย่างไรก็ตามการโกนทำให้เสี่ยงกับอาการอักเสบของผิวจากการใช้ใบมีดโกน หรือ razor burn นอกจากนี้ขนที่งอกออกมาหลังการโกนยังมีลักษณะเหมือนเสี้ยน แทงผิว บางคนอาจมีอาการคัน บ้างประสบปัญหาขนคุด แถมขนที่ขึ้นมาแล้วยังดูดำ และหนากว่าการถอนแบบธรรมดาด้วย

       3. แวกซ์

          การแวกซ์เป็นการกำจัดขนที่ให้ผลที่น่าพึงพอใจ คือกำจัดขนได้ถึงราก มีผิวเรียบเนียนได้นาน (บางรายอาจนาน 1-2 เดือนเลยทีเดียว) แต่ก็มีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือความเจ็บขณะถูกแวกซ์นั่นเอง อย่างไรก็ดีจะเจ็บอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น (เพราะหลังจากนั้นมักชา ^^") เพื่อให้การแวกซ์ได้ผลดี ควรปล่อยขนให้ยาวอย่างน้อย 1 เซนติเมตร จะเหมาะสมต่อการกำจัดขนด้วยวิธีการนี้ที่สุด

วิธีกำจัดขน

       4. แวกซ์น้ำตาล

          วิธีการกำจัดขนด้วยน้ำตาล (sugaring) หรือที่เรียกว่าแวกซ์น้ำตาลนั้น มีหลักการเหมือนการแวกซ์ แต่การแวกซ์น้ำตาลจะเป็นแวกซ์ร้อนเท่านั้น โดยส่วนผสมหลักของแวกซ์มาจากการนำน้ำตาล น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวจนข้นและหนืดเหนียว ทิ้งให้พออุ่น ๆ จึงนำมาทาผิวใช้เป็นแวกซ์ได้ โดยวิธีการนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แถบผ้าสำหรับแวกซ์ เพราะตัวน้ำตาลเองมีความหนืดมากอยู่แล้ว เพียงปาดหนา ๆ ไปบนผิวแล้วลอกออกมา ขนก็จะหลุดติดออกมาด้วย วิธีการนี้อาจทำให้รู้สึกเจ็บกว่าการแวกซ์ปกติ (เพราะแวกซ์น้ำตาลจะลอกออกทีละนิด ไม่ได้ดึงรวดเดียวหมดแบบแวกซ์) แต่ก็อ่อนโยนกับผิวมากกว่าแวกซ์แบบธรรมดาเช่นกัน

       5. ครีมกำจัดขน

          การใช้ครีมกำจัดขนเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากทำวิธีการไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บ และได้ผิวที่เรียบเนียนน่าพึงพอใจ วิธีใช้แค่ทาลงบนผิวและทิ้งไว้ตามระยะเวลาตามที่ผลิตภัณฑ์แนะนำ สารเคมีในครีมจะกัดกร่อนเส้นขนให้อ่อนตัว เมื่อครบเวลาจึงสามารถเช็ดหรือล้างออกได้โดยง่าย แต่ก็มีข้อพึงระวังที่ไม่ควรทิ้งเวลาไว้นานกว่าที่ผลิตภัณฑ์แนะนำ ผิวอาจไหม้จากส่วนประกอบเคมีในครีมได้ นอกจากนี้ครีมกำจัดขนส่วนใหญ่ยังมีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนด้วย

       6. ถอนขนด้วยเส้นด้าย

          วิธีการถอนขนด้วยเส้นด้าย (threading หรือ หมังหมิ่ง ในภาษาจีน) เป็นวิธีการที่ใช้กันมาแต่โบราณถือกำเนิดในภูมิภาคเอเชีย มักใช้กำจัดขนที่ใบหน้า และสามารถใช้กันคิ้วได้ด้วย หลักการคือการเกลียวเชือกกับเส้นขนบนใบหน้าแล้วดึงออกอย่างรวดเร็ว หลังการทำผิวหน้าจะเนียนและลื่นมือขึ้น เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงที่มีไรหนวดที่มุมปาก หรือมีไรขนอ่อน ๆ ขึ้นบนใบหน้า

       7. เลเซอร์

          การเลเซอร์เป็นการกำจัดขนระยะยาว แต่ขนก็สามารถขึ้นกลับมาบาง ๆ ได้ในภายหลัง (2-5 ปี) หลักการคือใช้เลเซอร์ทำลายรากขน ซึ่งต้องทำหลายครั้งจึงจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจน เมื่อรากขนอ่อนแอ ขนก็จะมีสีอ่อนลง บางลง ไปจนถึงหยุดเติบโต อย่างไรก็ดีวิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ และใช้ได้ผลดีที่สุดกับคนผิวขาวที่มีขนสีเข้ม

       8. จี้ขนด้วยคลื่นวิทยุ

          การจี้ขนด้วยคลื่นวิทยุเป็นการกำจัดขนแบบถาวร โดยใช้เข็มขนาดเล็กมากสำหรับส่งคลื่นวิทยุสอดลงไปที่รูขุมขน และปล่อยคลื่นออกไปจี้ทำลายรากขน วิธีนี้เป็นการทำลายรากขนแบบถาวร เมื่อรากขนโดนทำลายไปแล้วขนเส้นนั้นก็จะไม่งอกขึ้นมาอีกเลย อย่างไรก็ดีเป็นวิธีที่เจ็บที่สุด (เจ็บทุกครั้งที่เข็มสอดลงไป เว้นแต่มีการฉีดยาชา หรือประคบผิวให้เย็นจัด) และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่ก็นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า เพราะสามารถกำจัดขนได้ถอนรากถอนโคน และได้ผลถาวรนั่นเองค่ะ












เรื่องที่คุณอาจสนใจ
8 วิธีกำจัดขน ส่วนเกินที่หลายคนไม่ต้องการ อัปเดตล่าสุด 10 กันยายน 2558 เวลา 14:41:16 20,193 อ่าน
TOP
x close