อินดี้ อินทัช เปิดใจครั้งแรกพร้อมครอบครัว ในวู้ดดี้เกิดมาคุย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย

           ฮันนี่ ภัสสร ควงสามี บี๋ ธีระพงศ์ เหลียวรักวงศ์ เผยชีวิตครอบครัว กับชีวิตรักกว่า 20 ปี พร้อมเปิดตัวลูกชายสุดหล่อ อินดี้ อินทัช ในรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย

           หากตั้งคำถามว่าเมื่อสักยี่สิบปีก่อน ใครคือนักร้องที่เซ็กซี่ที่สุดของเมืองไทย? โปรดอย่าได้แปลกใจถ้าหนึ่งในคำตอบนั้นจะมีชื่อของ "ฮันนี่ ภัสสร บุณยเกียรติ" เจ้าของเพลง "เสือ" อันโด่งดัง ที่ปัจจุบันเธอใช้ชีวิตครอบครัวอยู่กับ "บี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์" ช่างภาพชื่อดัง และมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดหล่ออย่าง "อินดี้ อินทัช"  ...ว่าแล้ว รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เลยขอชวนครอบครัวนี้มานั่งคุยกันสักหน่อย

           ก่อนอื่นต้องขอเท้าความความเป็นเซ็กซี่สตาร์ของฮันนี่ ให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันได้รู้จักกันก่อนว่า เธอคนนี้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 23 ปีที่แล้ว และติดอันดับดาราเซ็กซี่คนหนึ่งของเมืองไทย ในยุคนั้น เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก "ฮันนี่ ภัสสร" อย่างแน่นอน

           ชีวิตในวงการบันเทิงของฮันนี่เริ่มต้นด้วยการเข้าประกวดนางสาวไทย ปี พ.ศ. 2531 ปีเดียวกับที่ ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก เข้าประกวดและคว้ามงกุฎไป ส่วนฮันนี่นั้นได้รางวัลขวัญใจช่างภาพติดมือกลับมา ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ที่ฉีกกฎนางเอกทุกรูปแบบ ด้วยการรับบทบาทที่สุดแสนจะเซ็กซี่วาบหวิว จนหลายเรื่องเกือบไม่ได้เข้าฉาย

           "บทบาทที่เล่นเราต้องใช้การแสดงความสามารถทั้งตัว ก็ถือว่าเป็นอีกหน้าที่หนึ่ง ถูกวิจารณ์ค่อนข้างหนัก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่เรียบร้อย เวลามีบทหวือหวา จะแต่งตัว หรือทำอะไรอย่างนัวเนียผู้ชาย ถือเป็นเรื่องไม่สุภาพ ใช้คำว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับเยาวชนได้เลย เพราะฉะนั้นก็เลยโดนวิจารณ์เรื่องนี้" ฮันนี่ ในวันนี้เล่าถึงความรู้สึกในช่วงเวลาที่เคยผ่านบทบาทเซ็กซี่

           แต่คำวิจารณ์ที่แรงที่สุดที่อดีตเซ็กซี่สตาร์ได้รับก็คือ การที่เธอถูกคนมองว่าเธอขายตัว ซึ่งเธอเล่าว่า ตอนที่ประกวดนางสาวไทยนั้นเธอในฐานะที่เป็นลูกทหารก็ถูกคนจับตามองมาก และยกให้เป็นตัวเก็ง แต่เมื่อถึงวันประกวด จู่ ๆ ก็มีคนส่งจดหมายมากระซิบข้างเวทีว่าเธอเคยทำงานอาบอบนวด ซึ่งมันไม่ใช่ความจริงเลย แต่ทว่าการปล่อยข่าวในครั้งนั้นก็ทำให้ประวัติของเธอเสียไปเลย ถึงกระนั้นเธอก็ยืนยันว่าไม่เคยมีใครทาบทามให้เธอไปเป็นเด็กเสี่ย เพราะบุคลิกห้าว ๆ ลุย ๆ อย่างเธอนี่เป็นไม่ได้แน่นอน (หัวเราะ)

           หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2533 ฮันนี่ ก็หันมาจับไมค์ร้องเพลง ด้วยการเปิดตัวด้วยอัลบั้มแรกที่มีชื่ออัลบั้มยาวสุด ๆ อย่าง "ดวงตาข้างขวาของฉันคล้ายมีเนื้อเยื่อพิเศษ" โดยมีเพลงเด่นคือ "เสือ" ดังท่อนฮุคที่ว่า "ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น เผยที่เป็นว่าจะร้ายสักเท่าไหร่ ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น เผยที่เป็นตัวจริงอันน่ากลัว..." ซึ่งฮันนี่วาดลวดลายแม่เสือสาวได้ฮอตทะลุขีดสุด ส่งให้เธอดังเป็นพลุแตก จนกลายเป็นนักร้องหญิงคนแรกของเมืองไทยที่มียอดขายอัลบั้มสูงถึง 5 ล้านตลับ ถือเป็นยอดขายที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการเพลงไทย



           แต่หลังจากโด่งดังได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ จู่ ๆ ฮันนี่ก็ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการเพลง แล้วไปมีครอบครัวกับ บี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ช่างภาพชื่อดังที่มีภาพลักษณ์เป็นหนุ่มเพลย์บอย ซึ่งจนถึงบัดนี้ ก็ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของเธอว่า ทำไมเธอถึงเลือกที่จะหันหลังให้กับเส้นทางซูเปอร์สตาร์ของเธอ...

           อย่างไรก็ตาม ฮันนี่ ในวันนี้ได้บอกว่า ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้ ที่ผ่านมาตัวเองก็ไม่เคยคบใครเป็นแฟน เพราะไม่รู้สึกรักใคร เพิ่งมาเจอคนนี้ (ชี้ไปที่ บี๋ ธีรพงศ์ ที่นั่งให้สัมภาษณ์อยู่ข้าง ๆ) ที่เรารู้สึกรักจริง ๆ และตอนนั้นเขาก็เลิกกับครอบครัวเก่าไปแล้ว หากยังไม่เลิกก็คงไม่เข้าไปยุ่งแน่ ๆ

           การได้รู้จักกันในช่วงแรก ๆ นั้น ฮันนี่ ยอมรับว่าแค่รู้สึกชอบ ส่วน บี๋ ก็บอกว่ารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างให้น่าค้นคว้า และแอบสงสัยกับตัวเองว่าทำไมเธอถึงชอบเอาอกเอาใจเขาเวลาทำงาน อย่างแบ่งพิซซ่ามาให้ เอาข้าว ขนม น้ำมาให้ แถมยังมาชวนเขาไปหาอะไรทานกันด้วย กระทั่งได้รู้จักกันมากขึ้นจึงได้คบหากัน

           ต้องยอมรับว่าในช่วงนั้น บี๋ ธีรพงศ์ ทำงานกับผู้หญิงเซ็กซี่มากมาย แต่ที่ตัดสินใจเลือก ฮันนี่ เป็นเพราะนิสัยใจคอที่เข้าใจกัน และก็ชอบเทคแคร์เอาใจใส่เขาอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาทำให้ขนาดนี้

           แต่การเปิดตัวคบเป็นคนรักในตอนนั้นก็เกิดกระแสขึ้นมามากมายว่าคู่นี้คงไปกันไม่รอด เพราะฮันนี่เป็นผู้หญิงที่มีภาพเซ็กซี่ ส่วนบี๋ก็มีภาพลักษณ์เป็นเพลย์บอย เจ้าชู้ ชอบเที่ยว ซึ่งอดีตเซ็กซี่สตาร์ยืนยันว่า สามีของเธอไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่ใช่คนชอบเที่ยวเลย แต่กลับมีความเป็นพ่อบ้านมาก และทำให้พวกเขาฝ่ามรสุมใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมานานถึง 20 ปีแล้ว

           หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าทำไมคู่รักคู่นี้ถึงครองรักกันมาได้นานขนาดนี้ ฝ่ายหญิงตอบเลยว่า "น่าจะเป็นเพราะความผูกพัน และการที่รู้ใจกันทุกอย่าง" ทั้งนี้ ฮันนี่ ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นหนีออกจากบ้านเหมือนบางคู่ หากโกรธจัด ๆ เธอจะไม่โวยวาย แต่จะร้องไห้ และก็ไม่เคยหวาดระแวงเลยเวลาสามีออกไปถ่ายภาพนางแบบข้างนอก บางครั้งหายไปนานถึง 4 วัน ติดต่อไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก เพราะมองว่าเป็นหน้าที่ แต่ก็แอบหยอกขำ ๆ ว่า "อาจจะมีบ้าง แต่จับไม่ได้" (หัวเราะ)



           และเมื่อถามว่าคบหากันมา 20 ปีแล้ว แต่ละฝ่ายมีอะไรอยากจะบอกอีกฝ่ายบ้าง ฝ่ายชายนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า "บางครั้งอาจจะไม่ได้บอกว่ารัก แต่ก็อยากจะให้รู้ว่ารักตลอด" ทำเอาฝ่ายหญิงซึ้งจนน้ำตาไหล ถึงกับโผกอดเลยทีเดียว ก่อนจะเปิดใจทั้งน้ำตาว่า

           "ที่ผ่านมาได้ดูแลกันมาตลอด มันไม่น่าจะใช่คำว่ารัก มันน่าจะเกินคำว่ารักไปแล้ว เราขาดกันไม่ได้ เรามีอะไรหลาย ๆ อย่างซึ่งเราขาดกันไม่ได้จริง ๆ เช่นถ้าเรามีปัญหากันมากแค่ไหน เราจะร้องไห้อยู่กับตัวเอง และไม่เก็บข้าวของออกจากบ้านไปไหน ดังนั้น รู้สึกว่าคำว่ารักนั้นมันน้อยไป มันเกินคำว่ารัก"

           และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลอดเวลา 20 ปีที่ทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน "อินดี้ อินทัช" ลูกชายคนเดียวคือโซ่ทองคล้องใจ วันนี้ อินดี้ โตเป็นหนุ่มหล่อไม่แพ้คุณพ่อสมัยหนุ่ม ๆ แถมยังได้เข้าวงการบันเทิงแล้วด้วย จึงได้ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกพร้อมกับครอบครัว



           งานนี้ วู้ดดี้ยิงคำถามแรกเอาใจแฟนรายการสาว ๆ ก่อนเลยว่า "อินดี้ มีแฟนหรือยัง" เจ้าตัวยิ้มกว้างแล้วรีบตอบว่า "ไม่มีครับ" แต่อินดี้ก็ยอมรับว่ามีคุย ๆ กันบ้าง ศึกษากันบ้าง ๆ แต่ที่ตกลงคบกันเป็นแฟนยังไม่มี

           ขณะที่คุณพ่อคุณแม่ก็ร่วมวงสนทนาว่าไม่ทราบว่าลูกเคยคบใครบ้าง แต่จะมาทราบก็เมื่อเขาเลิกกันแล้ว ซึ่ง อินดี้ ก็บอกว่า เป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่เคยสอนว่าจะคบใครให้ดูดี ๆ ดูที่นิสัยกันนาน ๆ พอเขาโตขึ้น เขาก็คิดว่างั้นเราคบใครก็ไม่จำเป็นต้องบอกพ่อแม่ก็ได้ เพราะพ่อแม่คงเคารพในการตัดสินใจของเขา

           เมื่อถามว่าอยากเป็นช่างภาพเหมือนคุณพ่อไหม? อินดี้ ตอบว่าบางอารมณ์ก็คิดอยากเป็นเหมือนกัน แต่อาชีพจริง ๆ ที่อยากเป็นคือนักแสดง เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ในสายงานนี้ ซึ่งตอนนี้เขาก็มีโอกาสได้แสดงละครเรื่อง "มาดามดัน" แถมยังได้เล่นกับ "พลอย เฌอมาลย์" ด้วย ซึ่งเป็นไอดอลที่เขาชื่นชอบอยู่แล้ว

           นอกจากนี้ อินดี้ ยังเปิดใจเล่าความลับหนึ่งที่พ่อแม่ไม่เคยรู้ให้ฟังว่า สมัยที่เรียนอยู่สาธิตฯ เขาเคยทำเรื่องไม่ดีไว้ เพราะถูกคนดูถูก และคนนั้นยังต่อว่าไปถึงพ่อแม่ด้วย ทำให้เขาโกรธมาก และเก็บความอัดอั้นมานานถึง 2 ปี ก่อนจะยอมเล่าให้พ่อแม่ฟังในวันนี้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เมื่อได้รู้เรื่องนี้ ก็บอกลูกชายว่าไม่ควรเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว เพราะพ่อแม่นั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำต่อว่าแบบนั้นแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาก็เคยถูกคนด่ามาตลอด

           เมื่อถามว่า อินดี้ อยากบอกอะไรกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง เจ้าตัวได้บอกว่าเขารักพ่อและแม่มาก และรู้สึกโล่งใจมากที่วันนี้ได้สารภาพเรื่องนี้ให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ฟังผ่านรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย

           บอกได้เลยว่า เห็นความรักของครอบครัวเหลียวรักวงศ์นี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชมจะรู้สึกประทับใจและอิ่มใจไปกับความผูกพันของพวกเขามากจริง ๆ