"โดมทอง" เปลี่ยนชีวิต "เปรี้ยว" ดังข้ามคืน (ภาพยนตร์บันเทิง)
เรื่อง : Little Smile
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram preawnp
แม้จะเคยฝากผลงานกันมาแล้วในละครเรื่อง "แม่ปูเปรี้ยว" แต่ต้องบอกเลยค่ะว่า ละครเรื่อง "โดมทอง" ทำให้ชื่อของนางเอก "เปรี้ยว" ทัศนียา การสมนุช ขึ้นแท่นเป็นนางเอกที่ทุก ๆ คนรู้จักและหลงรักในความสามารถด้านการแสดง เพราะละครเรื่องนี้บทที่ได้รับทำให้เธอได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ ซึ่งเธอเองก็ออกปากว่านี่คือการเรียนรู้และทำให้เธอได้พัฒนาตนเองกับการทำงานในวงการนี้ต่อไป
ฟืดแบ็กเป็นยังไงบ้างคะ
เปรี้ยว : ก็โอเค.ค่ะ มีคนชมมากกว่าเรื่องที่แล้ว เพราะเหมือนได้เปลี่ยนและพัฒนาอะไรอย่างนี้ เรื่องการแสดงด้วย อย่างเรื่องน้ำเสียง เรื่องนี้ เปรี้ยว ผอมลงด้วยประมาณ 5-6 กิโล เป็นการตั้งใจลดค่ะ ด้วยการกินข้าววันละมื้อค่ะ บางวันก็เป็นผลไม้ แล้วก็ตอนเย็นก็กินเจเล่บิวตี้
โหยไหม
เปรี้ยว : 3 วันแรกทรมานมาก แต่หลังจากนั้นหนูก็ชิน ไม่เบลอไม่มึนนะคะ นี่ก็ยังตั้งใจว่าจะลดต่อไปอีกนิดนึง
ละครเรื่อง "โคมทอง" ให้อะไรกับเราบ้าง
เปรี้ยว : ให้ความอดทนค่ะ เพราะว่าต้องเล่นเป็น 2 ตัวแล้วก็ต้องใช้สมาธิเยอะมาก แล้ว 2 ตัวละครที่เล่นมันแตกต่างกันมาก วิรงรอง ก็คือคนสมัยปัจจุบัน เราก็รู้ว่าคนสมัยปัจจุบันพูดยังไง ท่าทางเป็นยังไง ถ้าคาแรกเตอร์ตัวละครเป็นแบบนี้แล้วเราจะเล่นยังไง แต่ว่าพอเป็นพาร์ตอดีต เราก็งงว่าจะทำยังไง เพราะว่าเราไม่เคยไปอยู่ในสมัยนั้นอ่ะค่ะ แล้วคำพูดหรือการเรียกมันจนแตกต่างกันไปเลย
สิ่งที่ติดคืออะไร ภาษาด้วยไหม
เปรี้ยว : ใช่ภาษาด้วยค่ะ สมัยนั้นเวลาพูดห้ามมีนะหรืออะไรอย่างนี้อ่ะค่ะ ต้องเจ้าค่ะ หรือค่ะอย่างเดียวห้ามมีนะคะไม่ได้เลย กว่าจะเข้าที่ก็ใช้เวลาซักพัก อยู่เหมือนกัน โชคดีที่มี อาโย คอยช่วย อาก็จะคอยบอกว่าค่อย ๆ พูดน้ำเสียงประมาณไหน แล้ว อาดาว ก็ช่วยค่ะ อดีตเนี่ยจะเสียงเนิบ ๆ เลยจะไม่เหมือนปัจจุบัน แล้วด้วยตัว พลับพลึง เป็นคนเรียบร้อยมาก ต้องใช้น้ำเสียงแบบเรียบร้อยสุด ๆ
ถามจริง ๆ เมื่อเข้าไปเล่นทั้ง 2 ตัวละคร แล้วชอบตัวไหนมากกว่า
เปรี้ยว : ตัว วิรงรอง ค่ะ (หัวเราะ)
พลับพลึงก็เรียบร้อย วิรงรองก็ถือว่าไมได้เปรี้ยวปรี๊ดมาก ตัวจริงเปรี้ยวเป็นแบบไหน
เปรี้ยว : เปรี้ยว ว่าน่าจะคล้าย ๆ วิรงรอง ค่ะ เป็นคนที่ยังไงก็ได้ แต่ว่าไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายเราก่อน ถ้าใครดีมาเราก็ดีกลับ ถ้าใครร้ายมาถ้าไม่มากจนเกินไปเราก็เฉย ๆ ยังไงก็ได้ค่ะ
ถ้าสมมติว่าต้องใช้ชีวิต 1 วันเป็นพลับพลึงเลยล่ะ จะเป็นยังไง
เปรี้ยว : ก็คงรู้สึกอึดอัดแน่ค่ะ อย่างชุดที่ใส่ เพราะว่ามันต้องมีสร้อย ผมต้องเยอะ ๆ ผมเป็นลอนเปียก แล้วต้องเดินหนีบ ขาตลอดเวลา แล้วชุดมันก็แคบด้วยค่ะ เวลานั่งก็ต้องนั่งหลังตรงตลอดค่ะ จะว่าไปทำให้รู้เลยว่า ผู้หญิงสมัยก่อนเขามีความอดทนมาก ไม่รู้ว่าเขาใส่ได้ไงทุกวัน ๆ เพราะมันอืดอัดมันร้อนอ่ะ
กับพี่วีเป็นยังไงบ้างในเรื่องนี้
เปรี้ยว : พี่วี ก็โอเค.ค่ะ เป็นพี่ชายที่ดีมาก พี่เขาก็ช่วยเรื่องการแสดงค่ะ ถ้าเกิดซีนไหนหนูอารมณ์ผิดพี่เขาจะคอยบอก
เล่นกับพี่วีกังวลไหม หมายถึงข่าว
เปรี้ยว : ไม่เลยค่ะ เพราะว่าหนูก็ยังเด็ก ก็เพิ่ง 19 ปีเอง พี่วี ก็มีอายุแล้ว (หัวเราะ) ก็ไม่มีอะไรค่ะ พี่เขาก็ดี เขาก็แซวก็เล่นปกติ ก็ไม่ได้มาจีบ
แต่หลายคนก็จับตามอง อนาคตจะเป็นคู่จิ้นกันไหม
เปรี้ยว : ถ้าเป็นคู่จิ้นหนูก็โอเค. เพราะว่าเขาดูละครก็เลยจิ้นเราอย่างนี้ ทำให้เราเล่นแล้ว เราประสบความสำเร็จ คนดูจิ้นอะไรแบบนี้
แต่ถ้าเป็นคู่จริง ๆ ล่ะ
เปรี้ยว : พักไว้ก่อน อารมณ์แบบสวัสดีค่ะ บ๊ายบายค่ะ (หัวเราะ)
จริง ๆ มองก่อนหน้านี้ที่เราบอกว่ากังวลเหมือนกันที่พระเอกเป็นพี่วี สิ่งที่กังวลกับพี่เขาเพราะว่า
เปรี้ยว : พี่เขาอยู่มานานแล้วพี่เขามีฝีมือมาก เปรี้ยว เป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาใหม่ละครก็เป็นเรื่องแรก เกร็งอ่ะ อย่างเล่นกับ พี่อ้วน พี่เขาจะดูซอฟต์ลงมาหน่อย พอมาเล่นกับ พี่วี มันดูแบบ โอ้ย ทำไงดี เราจะเล่นได้ไหม จะเขินไหม หรืออะไรไหม เจอกันวันแรกพี่เขาก็ทำให้หนูผ่อนคลายอ่ะ (หัวเราะ) เขารู้ว่าหนูเครียดอ่ะ
เปรี้ยวปลื้มไหมกับหนุ่ม ๆ ที่มีคาแรกเตอร์แบบพี่วีในเรื่อง
เปรี้ยว : หนูว่าเข้มดีแต่ดูนิ่งไปดูดุไป
งั้นสเปกของเปรี้ยวเป็นแบบไหน
เปรี้ยว : สเปกหนูเหรอคะ หนูชอบ ลีมินโฮ ค่ะ (นักแสดงเกาหลี)
ทำไมถึงชอบลีมินโฮ
เปรี้ยว : ชอบไปเกาหลี ชอบดูซีรีส์อะไรอย่างนี้ อย่างตอนนี้ดู Flower Boy Next Door" ค่ะ
งานอนาคตของเปรี้ยวล่ะเป็นยังไงบ้าง
เปรี้ยว : ก็มีถ่ายเรื่อง "เล่ห์นางหงส์" อยู่ เป็นละครเย็นเล่นกับ พี่โตนนท์ คาแรกเตอร์ก็จะคล้าย ๆ กับ "แม่ปูเปรี้ยว" แต่ก็จะมีนิสัยโตกว่าหน่อยไม่เอาแต่ใจเท่าเรื่องนั้น เหมือนตอนนี้ เราคุมโทนเสียงได้แล้วก็จะเล่นโอเค.มากขึ้นไม่เหนื่อยเท่าตอนนั้น
ตอนแรกที่กังวลคือเรื่องของคุมโทนเสียง
เปรี้ยว : ใช่ค่ะ เรื่องโทนเสียงเพราะว่าตอนเรื่องแรกหนูไม่มีแอ็กติ้งโค้ชแล้วก็ไม่ได้เรียนแอ็กติ้ง ก็เลยคุมเสียงตัวเองไม่ได้ค่ะ เวลาเราโมโหไม่จำเป็นต้องตะโกนก็ได้ แต่หนูก็ตะโกน แต่ว่าตอนนี้ก็โอเค.แล้ว
ตอนนี้เหมือนกับว่าชีวิตเริ่มเปลี่ยนแล้วนะ
เปรี้ยว : ใช่ค่ะ เปลี่ยนแล้ว ชีวิตแบบวัยรุ่นก็ไม่เหมือนเพื่อน เราก็ทำงานทุกวัน
โหยหาบ้างไหม
เปรี้ยว : โหยหานิดนึงค่ะ แต่หนูเป็นคนไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าตอน ม.ปลาย น้าเป็นคนชอบให้เรากลับบ้านเร็ว ต้องกลับไปทำงานบ้านค่ะ
อะไรยังไงบ้าง
เปรี้ยว : ก็มีซักผ้า กวาดบ้าน ถูกบ้าน ล้างจานอะไรอย่างนี้ แล้วก็ทำกับข้าว เมื่อก่อนนี้ทำเองค่ะ ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว เพราะออกมาทำงานนอกบ้านทุกวันเลย อย่างทำกับข้าวเนี่ยสำหรับหนู หนูว่าทำผัดพริกอร่อย เพราะว่าหนูชอบกินเผ็ดมาก ๆ
เผ็ดขนาดไหนเปรี้ยว
เปรี้ยว : ทุกมื้อต้องเผ็ดค่ะ ถ้ามื้อไหนมีข้าวหมูกระเทียมแบบนี้หนูก็กินไม่อร่อย มันไม่น่ากิน ถ้าเกิดมีอย่างนี้หนูก็พยายามจะหาพริกน้ำปลามาเสริม ต้มจืดหนูก็ต้องหาพริกป่นมาใส่อร่อยนะคะ มันเหมือนต้มยำแต่มันหวาน ๆ เค็ม ๆ
ที่กองเขาไม่เชอร์ไพรส์กันเหรอ เพราะนักแสดงส่วนมากพี่เห็นกินแต่อาหารจืด ๆ ไม่ปรุงอะไรด้วยซ้ำ
เปรี้ยว : ใช่ หนูโชคดีที่แม่บ้านทุกกองเขาเป็นคนอีสานเขาจะมีแจ่วบองมาให้ หนูก็จะโอเค. ถ้าไม่มีข้าวที่มันเผ็ด ๆ หนูขอข้าวเปล่ากับแจ่วบองก็ได้
พอกินเผ็ดเวลาเข้าฉากเลิฟซีนแบบนี้ กินแจ่วบองอย่างนี้ ยังไงดีเนี่ย
เปรี้ยว : (หัวเราะ) แปรงฟันค่ะ แปรงฟันก่อน พี่วี ก็ชอบกินส้มตำเหมือนกัน
มาที่เรื่องความรักบ้างดีกว่า สำหรับเรามองว่าเป็นยังไงคะ
เปรี้ยว : ความรักเหรอคะ ก็แค่อย่างเพื่อนเนี่ยหนูว่าคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้เข้าใจกันตลอด ไม่ค่อยมีเรื่องผิดกันเท่าไหร่ มันก็สบายใจคุยได้ทุกเรื่อง
หนุ่ม ๆ ในวงการต้องขายขนมจีบแน่นอน เจอบ้างรึยังเปรี้ยว
เปรี้ยว : หนูก็ไม่รู้ว่ามีใครมาจีบรึเปล่า (หัวเราะ)" เพราะว่าหนูไม่ได้สนใจไม่ได้โฟกัสว่าเขามาจีบรึเปล่า ไม่มีค่ะ มีแบบพี่น้องกันทั้งนั้น หนูก็ไม่รู้ หนูก็คิดว่าทุกคนเป็นพี่ พี่ ๆ ร่วมงาน
วางแพลนชีวิตไว้ยังไงบ้างสำหรับตอนนี้
เปรี้ยว : อนาคตต่อไปก็คงอยากได้รับบทแบบแปลก ๆ ใหม่ ๆ ค่ะ ก็อยากพัฒนาการแสดงให้มากขึ้น ให้ดีมากขึ้นอะไรที่มันบกพร่องก็อยากที่จะปรับ หนูว่าก็ดีที่มีคนทั้งติทั้งชมเราจะได้รู้ว่าตรงไหนเป็นข้อดีของเรา ตรงไหนเป็นข้อเสียของเราจะได้เอามาปรับใช้ได้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือภาพยนตร์บันเทิง ปีที่ 39 วันที่ 7-20 สิงหาคม 2556 Vol.1860