x close

ประชิดติดลมหายใจไปกับ มอส ปฏิภาณ

มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์

ประชิดติดลมหายใจไปกับ\'มอส\' ปฏิภาณ (คมชัดลึก)
เรื่อง... อารยา มาลัยเล็ก
ภาพ... กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร

          อยู่ในวงการบันเทิง มานานเกือบ 20 ปี จนถึงวันนี้ ชื่อของ "มอส" ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ก็ยังคงอยู่แถวหน้าของวงการบันเทิง และยังครองตำแหน่งขวัญใจของประชาชนไว้ได้เสมอ วันนี้ "คม ชัด ลึก" มีโอกาสได้จับเข่าพระเอกหนุ่มคนนี้ ถึงชีวิตการทำงาน และความรักกับ "น้องเกม" อดีตพีอาร์สาวสวย ในช่วงระหว่างก่อนเริ่มแสดงละครเวที ลมหายใจ เดอะ มิวสิคัล ผลงานชิ้นล่าสุดของเขา ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์

ลมหายใจ เดอะ มิวสิคัล

พูดถึงละครเวที "ลมหายใจ เดอะ มิวสิคัล" หน่อย

          มอส : ตอนแรกผมได้ยินว่าพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) จะนำเพลงของพี่บอย โกสิยพงษ์ มาทำเป็นละครเวที ตอนนั้นก็รู้สึกทำไมเจ๋งจังเลย แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าใครเป็นนักแสดง เท่าที่ทราบก็คือยังไม่มีการวางตัว ก็ผ่านไปประมาณ 1 ปี  ก็ทราบว่าเขาจะมีโปรเจกท์นี้ก็มีการวางตัวนักแสดง แต่ก็ยังไม่มีผม แต่ครั้งแรกที่ได้ยินก็แอบลุ้นว่าถ้าเกิดเป็นเราได้เล่นละครเรื่องนี้ ก็จะเป็นอีกผลงานหนึ่งที่อาจจะเพิ่มประสบการณ์ให้เราได้อย่างดีทีเดียว เพราะว่าเพลงของพี่บอยก็เป็นเพลงที่เพราะอยู่แล้ว ทีมงาน โปรดักชั่นของพี่บอย ถกลเกียรติ ผมเคยได้ร่วมงานอยู่แล้ว ก็น่าจะดี สุดท้ายก็ได้รับการติดต่อ ยิ่งเห็นรายชื่อนักแสดงก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าเล่นมาก

ผู้ร่วมแสดงแต่ละคน เสียงมีพลังมาก กดดันไหม

          มอส : จริง ๆ แล้วผมไม่ได้มองเทียบตรงนั้น ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ แต่เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีแล้วกัน ตรงที่เราได้รับหน้าที่มา ทำให้ดีที่สุด แล้วก็ฝึกฝน

มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต

แตกต่างกับละครเวที บางกอก 2485 และ ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล อย่างไรบ้าง

          มอส : อย่างแรกเลยคือเพลงไม่ได้ถูกแต่งขึ้นใหม่ เป็นเพลงที่มีอยู่แล้ว เรื่องราวก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ฉะนั้นการพูดจา บุคลิกภาพต้องเป็นคนที่อยู่ในปัจจุบัน ยากตรงที่ว่า เพลงไม่ได้แต่งมาเพื่อละครเวที แต่แต่งมาเพื่อให้เป็นเพลงที่เปิดในวิทยุ หรือให้คนอื่นร้อง ฉะนั้นการร้อง ผมก็ต้องปรับใหม่ในบางเพลง เพลงของพี่บอยนี่ร้องยากมาก ถ้าภาษาดนตรี ก็จะมีฐานเสียงที่กว้างมาก ต่ำก็ต่ำมาก สูงก็สูงมาก การร้องก็ร้องยาก ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ด้วย ก็ต้องพยายามฝึกฝนและร้องให้ได้ ส่วนเรื่องราวก็ปกติ มีใจความของมัน มีเรื่องราวที่ดี คือพระเอกตาย ผมมองว่าละครเรื่องนี้ มีเรื่องราวที่แข็งแรงมาก คือ ถ้าเราอยากจะทำอะไรที่เราคิดไว้ ควรจะรีบทำ ก่อนที่เราจะไม่มีลมหายใจ หลายคนกลับไป อย่างเพื่อนผม เขามาดู เขาบอกว่ากลับไปนี่อยากทำอะไรให้ภรรยา ให้แม่ ลูกร้องอยากไปเที่ยวก็พาไป

กระแสตอบรับที่มาถึงตัวมอส

          มอส : บทบาทที่ได้รับ ทำให้คนมองผมว่าโตขึ้น คำพูดต่าง ๆ มันเป็นบทสนทนาของคนที่เข้าใจโลกแล้ว

ย้อนเวลาแก้ไขอดีต

          มอส : ก็คงเป็นเรื่องที่เราควรจะเที่ยวให้น้อยลง แล้วก็พาแม่ไปเที่ยวมากขึ้น เมื่อก่อนอย่างว่า ผมเป็นวัยรุ่น ก็สนใจแต่เรื่องเที่ยว พูดง่าย ๆ เจอหน้าแม่น้อยมาก แล้วมันมีเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ถ้ามันไม่มีลมหายใจ ก็หมดโอกาสที่จะทำอะไรที่คิดไว้ อย่างอยู่ดี ๆ แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็ง แล้วเราก็ตกใจ ก็บวชให้แม่ หันมาใส่ใจแม่มากขึ้น แต่ตอนที่แม่อยู่ดี ๆ ไม่ทำ ต้องรอให้แม่เป็นอะไรก่อน ถึงเตือนสติได้ ตอนแม่ดี ๆ ไม่ทำอะไร ทำไมต้องรอให้อะไรมาสะกิดใจ

แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สาย

          มอส : ใช่ ตอนนี้ผมก็ดูแลแม่เต็มที่ เมื่อก่อนหิวข้าวก็โมโห ว่าทำไมแม่ไม่ทำกับข้าว ก็มีบ้างที่เป็นลูกทรพี (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ดูแลแม่ เพราะเราเป็นผู้ชาย

คิดอย่างมอส

อยู่ในวงการบันเทิงนานขนาดไหน

          มอส : อยู่ตั้งแต่อายุ 17 ครั้งแรกที่เข้ามาคือถ่ายแบบ ตอนนั้นเรียนอุเทนถวาย ถามว่ารักวงการบันเทิงตอนไหน ตอนผมออกเทปชุดที่ 2 ใช้เวลา 5 ปี ถึงจะรู้ว่านี่คือการทำงานจริง ๆ แต่ชอบหรือรักตอนไหน มันบอกไม่ถูก มันคงซึมมาเรื่อย ๆ มั้ง ทำแล้วไม่รู้สึกเขินตัวเอง ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึก ว่าทำไปได้ไง ก็เลยทำมาเรื่อย ๆ ผมจะเป็นอย่างนี้ ถ้ารู้สึกเขินจะไม่ทำ แต่ที่ทำมาทั้งหมดมันไม่เขิน ก็ทำได้ เลยทำมาเรื่อย ๆ

จบวิศวะ แต่ทำไมมาเอาดีด้านงานบันเทิง

          มอส : จริง ๆ ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเอาดีทางนี้ เพราะจริง ๆ เรียนจบมา ก็อยากมีงานประจำทำ แต่ตอนนี้มันเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ถ่ายสามหนุ่มสามมุม ก็มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ ออกเทปก็มีคนจำได้ ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้ แต่ผมก็ยังไม่ได้ทิ้ง ก็เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ชื่อบริษัท พันตาวี ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งมาจากชื่อปฐวี แต่ว่าอ่าน ๆ ไปเร็ว ๆ ก็กลายเป็นพันตาวี แล้วผมก็ชอบรีสอร์ท ส่วนใหญ่จะมีคำว่า พันตา แล้วมันก็มีเกาะชื่อลังกาวี ซึ่งผมก็ฝันอยากจะมีรีสอร์ท ไม่แน่นะ อาจจะเปิดรีสอร์ทชื่อพันตาวีก็ได้ ผมก็ตั้งไว้ก่อน

ทำไมเปิดบริษัทเงียบ ๆ

          มอส : ผมมองว่ามันอาจจะคนละแบบกันมั้ง ผมก็ชัดเจนตรงนี้ ตรงนั้นถ้ามันจะมีคนรู้จัก ผมก็ไม่อยากให้รู้จักโดยมาเกี่ยวข้องกับการที่รู้จักผมอยู่แล้ว เพราะมันจะไม่รู้เลยว่ารู้จักเพราะอะไร รู้จักเพราะการทำงาน หรือรู้จักเพราะมีชื่ออยู่แล้ว ซึ่งก็ทำกับเพื่อนมาหลายปีแล้ว

มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์

คลุกคลีตรงนี้มานาน คิดอยากทำเบื้องหลังไหม

          มอส : ไม่เคยคิดเลย ไม่เกี่ยวกับรักการแสดงนะ แต่ผมไม่มีความรู้สึกจะไปทำตรงนั้น ตัวเองจะบอกได้ ถ้าทำแล้วมีความสุข หรือมีความอยาก แล้วมันจะเอาทุกอย่างเข้ามา แล้วพาไปถึงตรงนั้นให้ได้

มีกำหนดเวลาไหม ว่าจะทำงานในวงการบันเทิงอีกสักกี่ปี

          มอส : ไม่มี เพราะตอนนี้ผมยังรักงานตรงนี้ ยังทำไปได้เรื่อย ๆ

วางตัวอย่างไรไม่ค่อยเจอข่าวฉาว

          มอส : จริง ๆ ก็ใช้ชีวิตปกตินะ หรือว่านักข่าวไม่ค่อยสนใจ (หัวเราะ) ผมก็อยู่วงการนี้มา เราก็มองวงการด้วย ว่าจุดเริ่มต้นกับจุดสุดท้ายมันเกิดขึ้นยังไง ถ้าเกิดจุดสุดท้าย หมายถึงการมีข่าวไม่ดี เราก็จะมองว่าจุดเริ่มต้นคืออะไร และจะไม่พาตัวเองไปจุด ๆ นั้น

ค่อนข้างระวังตัวเองเหมือนกัน

          มอส : ระวังนะ มันก็โชคดีที่ช่วง 10 ปีแรก มันไม่มีอะไรเลย มันก็เลยบีบให้เราอย่ามีดีกว่า เพราะเห็นบางคนมีแล้วมันก็จบเลย เราก็กลัวเหมือนกัน มันคงไม่ดีแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็ตีเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง ถ้าบอกว่ามีหนอนอยู่ข้างใน คนก็ไม่หยิบ เราก็อย่าไปทำให้มันมีสิ่งแปลกปลอมข้างในก็แค่นั้นเอง ทีนี้เราอยู่วงการบันเทิงมา ก็จะรู้แล้วว่า ตรงไหน อะไรยังไง แต่บางคนผมก็เชื่อว่าเขาก็ระวังแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ เพราะมันก็มีโอกาสพลาดบ้าง คนเรามันคิดไม่ได้ทั้ง 360 องศาหรอก มันอาจจะได้แค่ 359 มีหลุดไปสักองศาหนึ่ง แต่ถ้าเราระวัง มันก็จะหลุดน้อยลง

ช่วงเป็นไอดอล กับตอนนี้ที่อยู่ตัวแล้ว ช่วงไหนวางตัวลำบากกว่ากัน

          มอส : ผมไม่ได้มองว่าตอนไหนลำบากกว่า มันก็อยู่ที่ตัวเรา ถ้ามองว่าเมื่อช่วงที่มีสาว ๆ กรี๊ด ตอนนั้นก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าจดจำ แต่พอมาถึงตอนนี้ ความสนุกของการเป็นตรงนั้นน้อยลง แต่ก็มีสนุกอย่างอื่น ว่าวันนี้เราวางความเป็นไอดอลลงไปแล้ว มันเป็นเรื่องของความจริงจัง คนมองอยู่ว่าเราโตขึ้น แล้ว ความโตขึ้น จะบอกยังไงว่าเราโตขึ้น สิ่งที่เราทำไป มันจะบอกคนยังไง ว่าเราโตขึ้น ถ้าเราทำอะไรที่ไร้สาระ เหมือนมอสตอนอายุ 20 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ท้าทายตอนนั้นคือเป็นวัยรุ่นตัวอย่าง แต่ตอนนี้ ก็เป็นอีกแบบ คือเป็นเรื่องหน้าที่การงาน คนจะมองว่า มันจะทำอะไรที่มีคุณภาพได้

คนมองเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

          มอส : ผมก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่ดีใจที่แม่ภูมิใจ เห็นแม่แล้วผมก็ภูมิใจไปกับแม่ด้วย เพราะสิ่งที่ได้ คือแม่รับไป ตัวผมเองก็ภูมิใจ ก็ขอบคุณที่ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดี เป็นมิตรที่ดีกับเรา และสนับสนุนเรามาตลอด

ไม่รักก็บ้าแล้ว

เป็นคนไม่ชอบเปิดเผยความรัก

          มอส : เพราะผมเป็นคนแบบนี้ จริง ๆ ถ้าผมไม่อยู่ในวงการ ผมก็ไม่พูดเรื่องนี้ ผมอาจจะไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเรื่องส่วนตัว มันก็มีหลายเรื่องของผมเป็นเรื่องส่วนตัว แต่พอดีคนอยากรู้เรื่องเดียว ที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม จริง ๆ ผมอาจจะเป็นคนขี้โมโหก็ได้ แต่คนไม่อยากรู้ ไม่ใช่ไม่อยากให้คนรู้เรื่องความรัก แต่ไม่พูดจะดีกว่าไหม เพราะมันไม่จำเป็น

ยุคนี้ปิดยากนะ ไม่ไปไหนมาไหนกับ "เกม" เลยเหรอ

          มอส : จริง ๆ สวนจตุจักรผมก็ไปกับแฟน ไปกินข้าว ไปเดินซื้อของ ไม่ได้ปิด ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ปิด แต่มันมีวิธี ผมอยู่วงการมา 20 ปี ก็จะรู้ว่ามันมีวิธี แล้วคนก็ไม่รู้สึก แต่จริง ๆ ไม่มีข่าวก็ดูเหมือนปิด จริงๆ แค่ไม่พูดเท่านั้นเอง ถ้าพูดได้ ผมจะพูดเรื่องส่วนตัวผมหมดเลยนะ ว่าผมกินข้าวหกเลอะเทอะไปหมดเลย ผมอาจจะสบายใจมากกว่า รู้สึกเท่ที่เราทำงานอย่างเดียว

ตั้งเป้าเรื่องแต่งงานอย่างไรบ้าง

          มอส : ผมเคยตั้งเป้าว่าอยากแต่งงานสักอายุเท่านี้ ๆ แต่มันก็เปลี่ยนมาแล้วหลายครั้ง แต่ตอนนี้ ไม่บอกหรอก บอกก็รู้สิ บอกก็ดูไม่เป็นซูเปอร์แมน ซูเปอร์แมนยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร เปิดหมดมันก็ไม่เท่ (หัวเราะ)
 
          "ซูเปอร์แมน" จะเปิดหน้ากากให้เห็นได้เมื่อไหร่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน


เขาคนนี้ชื่อ ปฏิภาณ ปฐวีกานต์
ชื่อเล่น   มอส
เกิดวันที่   23 มีนาคม 2516
การศึกษา  ปริญญาตรี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะครุศาสตร์ เอกวิศวกรรมโยธา
ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิง ถ่ายแบบนิตยสาร เธอกับฉัน 
ผลงานหนังชิ้นแรก   กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้
ผลงานสร้างชื่อ   กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประชิดติดลมหายใจไปกับ มอส ปฏิภาณ อัปเดตล่าสุด 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา 15:49:29
TOP