
วันนี้ของทายาทตำนานเพลง เก็บตะวัน (ไทยรัฐ)
ชีวิตวัยเด็กของลูกสาว อิทธิ พลางกูร ในวันนี้แตกต่างจากเด็กเมืองกรุงอีกหลายคน เพราะต้องทำงานดิ้นรนเพื่อให้มีบ้านอยู่..
วันเด็กปีนี้อาจจะไม่เหมือนปีก่อน ๆ สำหรับบุตรสาวสามคนของ อิทธิ พลางกูร อดีตนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ เพราะบุตรสาวคนกลาง เกด-ปริญากร พลางกูร วัย 18 ปี ต้องรับจ้างเป็นพิธีกรงานวันเด็กในพิพิธภัณฑ์เด็ก ย่านจตุจักร ในขณะที่น้องสาว เกียร์-ภริชยา ต้องช่วยแม่ขายไก่ทอดในตลาดนัด ส่วน แก้ว-ญาดา พี่สาวคนโตแม้จะเรียนในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องทำงานร้องเพลงตามร้านอาหาร หารายได้ช่วยครอบครัวอีกแรง
เกด-ปริ ญากร พลางกูร นักเรียนชั้นม.6 โรงเรียนในฐานะเจ้าของตำแหน่งเด็กดีกรุงเทพฯซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งมาหมาดๆ เผยกับผู้สื่อข่าว ไทยรัฐออนไลน์ ในชุดนักเรียนที่โรงเรียนบดินทร์เดชาก่อนวันเด็กไม่กี่วันว่าการที่พ่อของเธอเสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนทำให้ชีวิตวัยเด็กของเธอหายไป และจากชีวิตที่สมบูรณ์แบบเป็นคุณหนูเมื่อ 5ปีก่อน วันนี้เธอกลับต้องโหนรถเมล์ไปโรงเรียนและต้องช่วยงานแม่สารพัด อาทิขายของ และรับงานทุกอย่างเพื่อเป็นค่าอาหารที่โรงเรียน
ในขณะที่ น้องเกียร์-ภริชยาน้องสาวคนเล็กวัย 11 ขวบ อยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยก็ไม่แตกต่างกันต้องประหยัดอดออมทุกบาททุกสตางค์เพื่อที่จะมีเงินเก็บเป็นค่ารถค่าอาหารในวันต่อไป เรียกว่าเป็นครอบครัวที่ต้องดิ้นรนในเมืองหลวงสมบูรณ์แบบ
น้องเกด เผยต่อไปอีกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน ครั้งที่พ่ออิทธิ ยังมีชีวิตอยู่ ตนและพี่แก้วมีพี่เลี้ยงสองคนดูแลเรียกว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้แต่วันนี้แม้แต่บ้านยังถูกยึด แถมยังต้องหาเงินด้วยลำแข้ง ที่เจ็บปวดที่สุดในใจของเกดก็คือ อยากเรียนดนตรีแต่ก็ไม่มีเงิน
"ที่ทำให้น้อยใจมาก ๆก็เป็นเรื่องที่เราเป็นครอบครัวนักดนตรี พ่อคืออิทธิ พลางกูรแต่เราไม่มีปัญญาหาเงินเรียนดนตรีทุกวันนี้ความรู้ด้านดนตรีที่ได้ก็ต้องครูพักลักจำเรียนรู้เอาเองจากประสบการณ์ที่ไปร้องตามงานต่างๆถามเพื่อนพ่อบ้างตามประสา ถามเกดว่าอะไรที่เป็นแรงใจให้สู้ก็คือเพลงของพ่อ ทุกครั้งที่ท้อใจ ทำไมเราถึงลำบากก็ให้มองไปที่คนลำบากกว่าเรา แล้วก็นึกถึงเพลงเก็บตะวันของพ่อ"
เกด-ปริญากร บอกต่อไปอีกว่า 5 ปีที่ผ่านมาต้องปรับตัวอย่างหนัก วัยเด็กตั้งแต่ 13 ขวบมาถึงวันนี้ต้องผ่านความลำเค็ญพอสมควร
"ถามว่าวัยเด็กของเกดทำอะไร ทำงานอย่างเดียวช่วยแม่ขายไก่ทอดตามตลาดนัด ไม่เคยได้เที่ยวเลยไปเดินห้างยังรู้สึกว่าทำผิด เวลาจะใช้เงิน คิดแล้วคิดอีกไปเดินห้างอยากได้อะไรก็ต้องคำนวณดูว่ามีเงินพอไหมเรียกว่ายิ่งกว่าชีวิตพอเพียง เพราะเราอยู่ในกรุงเทพฯต้องใช้เงินทุกวัน แต่หาได้ไม่มาก เคยไปเที่ยวกลับมาเห็นแม่ไม่มีความสุขน้ำตาจะไหล ไม่อยากทำให้แม่เป็นทุกข์ จะคิดเสมอว่าวันหนึ่งเราคงได้เที่ยวได้กินของอร่อยๆ กับเขาบ้าง"
สำหรับน้องเกดอนาคตของเธอจากนี้ไป ยังไม่แน่แม้อยากจะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องสอบชิงทุนเพราะเป็นช่องทางเดียวที่เธอมีอยู่และตั้งใจไว้อีกว่าจะหารายได้เสริมอีกทางช่วยส่งน้องที่ยังเรียน ม.1
"ไม่เคยน้อยใจเลยคิดเสมอว่ามีแม่เป็นแรงใจให้สู้เอาจากพี่สาวเป็นตัวอย่างเพราะพี่สอบได้ทุนของมหาวิทยาลัยรังสิตได้เราต้องทำได้บ้าง ที่ได้ทำเรื่องขอทุนไปก็ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมส่วนงานร้องเพลงนั้นบอกตรง ๆ ว่าอยากทำมาก อยากเดินตามรอยเท้าพ่อแต่ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสในอนาคตเพราะวันนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องสู้ดิ้นรนตามประสา"
น้องเกดน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงบ้านที่ถูกยึดไปว่าจะหาทางช่วยแม่ให้ได้อยากมีงานทำแม้จะยังเรียนไม่จบเพราะเมื่อมีงานก็รายได้จะขอกู้ธนาคารเพื่อช่วยไม่ให้บ้านถูกยึด
"พี่แก้วกับเกดต้องการรายได้ประจำเพราะจะทำเรื่องขอกู้แบงก์เราไม่อยากให้บ้านหลังนี้หลุดไปเพราะเป็นสิ่งที่พ่อสร้างขึ้นมา แม่ตั้งใจว่าจะไปประมูลมาใหม่เพราะเราเป็นหนี้แบงค์แค่ 2.7 ล้าน ในขณะที่มูลค่าบ้านมีสูงถึง 6.7 ล้านคือเราต้องการประนอมหนี้ และจะขอสู้ถึงที่สุด" เธอเผย

ด้าน แก้ว-ญาดา พี่สาววัย 19ปีเล่าประสบการณ์ชีวิตระหว่างร้องเพลงเพื่อช่วยแม่ว่าทุกวันนี้จะรับงานดูโอ คือ เป็นคู่หากเป็นงานในมหาวิทยาลัยเธอจะร้องเพลงเองแต่หากเป็นงานอีเว้นท์ก็จะให้น้องเกดไปด้วย
"รายได้อาจจะไม่มาก แต่สำคัญมากสำหรับครอบครัวเราถ้าน้องเกดได้ทิป น้องก็จะเก็บเอาไว้อย่างทะนุถนอม ถามว่าหนักไหมบางคืนไม่ได้นอนเพราะงานร้องเพลงบางทีก็ต้องดึกโชคดีที่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเข้าใจ เพื่อนของน้องเกดเข้าใจช่วยเหลือกันตลอดเรื่องการเรียน" แก้ว เล่า
มาวันนี้ถามถึงรายได้จากคอนเสิร์ต อิทธิ พลางกูรที่ผ่านมา แก้ว-ญาดาบอกว่าได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆ ศิลปินหลายคน ก็ตื้นตันใจแล้วแม้คอนเสิร์ตจะมีคนดูน้อยน่าผิดหวังก็ตาม
"ไม่เป็นไร แค่เห็นพี่ๆเพื่อน ๆ ศิลปินของพ่อมาช่วยก็สุขใจมีเพื่อนศิลปินของพ่อแต่งเพลงให้ครอบครัวเราร้องชื่อว่า แรงบันดาลใจเสมือนเป็นเครื่องบอกแก่เราเหมือนกันว่าให้สู้ อย่าเพิ่งท้อคงเหมือนเพลงของพ่อ เก็บตะวัน เพราะฟังเพลงนี้หรือร้องเพลงนี้ทีไรทำให้เรามีหวังและศรัทธาในชีวิต"
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก







