

บาร์โฮสต์ คือ อาชีพขายความสุขให้ผู้หญิง วู้ดดี้เกิดมาคุย เปลือยใจสองฝาแฝด เสือ สิงห์ กับอาชีพบาร์โฮสต์ สวรรค์ของสาว ๆ กับความสุขชั่วข้ามคืน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า..สังคมคนเมืองนั้น นับวันความเครียดยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ.. ด้วยการงาน ภาระ หน้าที่ รวมถึงเรื่องครอบครัว ทำให้หลายคนเลือกหาทางออกด้วยการเสพความสุขในรูปแบบต่าง ๆ บ้างก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด บ้างก็ไปนั่งดื่มนั่งชิลหลังจากเลิกทำงาน ขณะที่บางคนก็เลือกท่องราตรีตามสถานบันเทิง... ซึ่งหนึ่งในการท่องราตรีที่รายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" (ออกอากาศวันที่ 15 มิถุนายน 2557) จะพาไปรู้จักวันนี้ คือ "บาร์โฮสต์" ...สวรรค์ของสาว ๆ กับผู้ชายขายความสุขจะเป็นอย่างไร ไปติดตามเรื่องราวของพวกเขากันเลยค่ะ
โดยทางรายการได้นำ 2 โฮสต์สุดหล่ออย่าง "เสือ สิงห์" ฝาแฝดที่ทำอาชีพนี้มาให้ได้รู้จักกัน ซึ่งเขาทั้งสองคนบอกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อในวงการ เพราะต้องตั้งชื่อที่ไม่ซ้ำกับพนักงานในร้านและสร้างชื่อที่จำได้ง่าย ๆ ตอนแรกก็คิดไว้หลายชื่อ ทั้งเมฆ หมอก, เป็ป-ไปป์ แต่มาลงตัวที่ชื่อสิงห์ เสือ เพราะดูดุดันและดึงดูดมากกว่า...
ขอย้อนไปถามว่า... "อะไร" ที่ทำให้เสือกับสิงห์ตัดสินใจมาทำงานนี้ สิงห์กับเสือตอบว่า พวกเราจบ ม.6 ที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านั้น สิงห์ทำงานร้านวิดีโอ ส่วนเสือขายตั๋วหนัง ทำงานได้สักพักเพื่อนสมัยมัธยมก็ติดต่อมา บอกว่ามีงาน ๆ หนึ่งมาแนะนำ เงินดี ได้เงินง่าย แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร ส่วนตัวพวกเขานั้นอยากจะรู้ว่างานที่ได้เงินง่ายคืออะไร เพื่อนบอกแค่ว่าเป็นงานในผับ ก็เลยไปเลย.. ที่ตัดสินใจไปก็เพราะอยากเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต อยากมีรายได้ดี ๆ
เสือกับสิงห์บอกว่า ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าทำไปก่อน เพราะอยากได้เงิน ส่วนงานบาร์โฮสต์หลัก ๆ เลย ก็คือเอ็นเตอร์เทนลูกค้า ให้ลูกค้ามีความสุข และในร้านก็มีกฎเข้ม คือ "ห้ามมีเซ็กส์กับลูกค้า" แต่ถ้าไปกินข้าวไปดูหนังเป็นเพื่อนสามารถไปได้ ซึ่งวันแรกที่ทำนั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่า งานบาร์โฮสต์เนี่ยเป็นงานขายบริการอย่างที่เขาพูด ๆ กันหรือเปล่า แต่พอไปเจอก็พบคำตอบว่า เป็นงานนั่งดื่ม นั่งดริงก์ทั่วไป แต่เปลี่ยนจากผู้หญิงเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง
ส่วนลักษณะวิธีการทำงานนั้น ถ้ามีลูกค้าเข้ามาแล้วต้องการเด็กมานั่งดริงก์ด้วย พี่พีอาร์ก็จะให้หนุ่ม ๆ โฮสต์ขึ้นไปยืนบนเวที ครั้งละประมาณ 5 คน จากนั้นก็ส่องไฟ ซึ่งลูกค้าเรียกคนไหนคนนั้นต้องก็ลงไปคุยกับลูกค้า ส่วนก่อนหน้าที่ไม่มีลูกค้าก็มีนั่งรอ เล่นพลู ปกติ (พิธีกรถามว่า ถ้าไปครั้งแรกเขาให้ขายตัวจะทำหรือเปล่า) ไม่ทำครับ ไม่จำเป็นต้องทำ ทางเลือกอื่นยังมีอีกมากมาย
แล้วครอบครัวล่ะรู้หรือเปล่าว่ามาเป็นบาร์โฮสต์ เสือกับสิงห์บอกว่า ปู่ก็เคยถามเหมือนกันแต่เราไม่ได้บอก ไม่เคยบอกเลยว่าไปเอาเงินมาจากไหน โอเคใช่ งานที่ทำไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่ถ้าบอกปู่ไป ก็กลัวปู่กังวลใจ ว่าเราได้เงินจากการดื่ม ตอนนี้เรามีเงินให้ปู่ เลี้ยงดูปู่ก็พอแล้ว.. ที่ไม่บอกปู่เพราะสังคมยังไม่ยอมรับการทำอาชีพตรงนี้ เรียกได้ว่าแอนตี้ก็ว่าได้ หลายคนมักคิดว่าอาชีพนี้ต้องมีเซ็กส์เพื่อแลกเงิน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ (มีลูกค้าเคยติดต่อไปนอนด้วยไหม) ก็มีนะ บางคนก็บอกให้ไปนอนด้วยครั้งละแสนสองแสน แต่เราไม่ไปเพราะเรามีกฎของร้าน ส่วนลูกค้าก็เข้าใจในจุดนี้

เมื่อถามว่ามีศึกชิงลูกค้ากันหรือเปล่า ด้านเสือกับสิงห์ตอบพร้อมกันว่า ไม่มีครับ เราจะรู้ว่าลูกค้าใครเป็นของใคร สมมติลูกค้าของเพื่อนมา แต่เพื่อนไม่มา เราก็ไปคุยด้วย นั่งดื่มได้ แต่ไม่ถึงกับขนาดแย่งลูกค้ากันแน่นอน... เสือกับสิงห์ เล่าต่อว่า ประสบการณ์ทำงานตรงนี้ก็มีประมาณ 2 ปี ซึ่งจากที่พบลูกค้าที่อายุมากที่สุดก็ประมาณ 50 ส่วนลูกค้าที่อายุน้อยที่สุดอายุ 24 สำหรับหน้าตาไม่ต้องพูดถึง สวย ๆ กันทั้งนั้น และส่วนมากเป็นพนักงานบริษัท ที่ค่อนข้างเครียดเรื่องงาน เรื่องครอบครัว บางคนก็แค่อยากมาสนุกเฉย ๆ มาเพราะอยากมีเพื่อนนั่งคุย ขณะที่บางคนมาเพราะสามีไม่ทำการบ้านก็มี แต่เราก็หยอกเล่นกันแบบขำ ๆ ว่า แก่หรือเปล่า.. กินยาผิดขวดหรือเปล่า เลยไม่ทำการบ้านเนี่ย (หัวเราะ)
นอกจากนี้ เสือกับสิงห์ยังเล่าให้ฟังว่า เคยมีอดีตนางสาวไทยมาเที่ยวบาร์โฮสต์ด้วย แต่ไม่ได้เรียกพวกเขาทั้งสองคน ตอนนั้นเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ามาทำไม.. หรือมาเพราะเหงาใช่ไหม
ส่วนสาเหตุที่ผู้หญิงเลือกที่จะมาเที่ยวบาร์โฮสต์ หลัก ๆ คงเป็นเพราะต้องการเพื่อนคุย ต้องการความสนุก ต้องการระบาย และต้องการคนเทคแคร์เอาใจ แถมมาที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนผู้ชายลวนลามด้วย พูดถึงเรื่องลวนลาม พิธีกรเลยถามเสือกับสิงห์ว่ามีลิมิตในการแตะเนื้อต้องตัวหรือเปล่า ทั้งคู่ตอบว่าไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียด จับแก้ม จับมือ จับตัว ส่วนไอ้ตรงนั้นก็จับได้ ถ้าเกิดอารมณ์มันพาไป เราก็เฉย ๆ แค่ลูกค้ามีความสุขก็โอเค
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้สิงห์กับเสือหลงใหลในงานนี้ ทั้งคู่ตอบเลยว่าหลัก ๆ คือรายได้ ซึ่งจากที่ไม่มีคอนโดฯ ไม่มีรถ ตอนนี้ก็มี จากคนที่ไม่มีอะไรเลย ก็สร้างตัวขึ้นมาได้ ส่วนเงินนั้นได้ 15 วันต่อครั้ง ครั้งละ 3 หมื่นบาท ถ้าดริงก์ก็แล้วแต่ 320,640 บาท ตามตกลง บางเดือนก็ได้เฉียด ๆ แสน
ถามถึงเรื่องแฟนบ้าง.. มีใครเคยเป็นแฟนกับลูกค้าบ้าง ด้านเสือตอบว่าเคย โดยเล่าให้ฟังว่า เป็นเพราะคุยไปคุยมาและเริ่มถูกคอ จึงตัดสินใจคบกัน ตอนคบกันเขาไม่หึง เขาก็เข้าใจงาน แต่เราไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องเทคแคร์ลูกค้า พาลูกค้าไปกินข้าว ซึ่งตอนนี้ตนกับสิงห์ก็โสดทั้งคู่ เพราะไม่ค่อยมีเวลา
แล้วถ้ามีคนติดต่อมาให้ทำงานอื่น คืองานขายบริการ ซึ่งเงินน่าจะดีกว่าตรงนี้ สนใจไหม ทั้งคู่ตอบว่าไม่สนใจ ดูเปลืองตัวเกินไป ส่วนอาชีพนี้จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่นหรือเปล่า พวกเขาคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างเราเป็นคนเลือก เราเป็นคนกำหนดเอง เราคิดว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพสุจริต ไม่ได้ไปขอใครกิน เราทำด้วยตัวเรา ถ้าใครมาบอกว่า "เกาะผู้หญิงกิน" เราก็ขึ้นเหมือนกัน..
แล้วเคยคิดไหมว่าทำไมเราต้องมาทำงานแบบนี้.. เคยถามตัวเองไหมว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ทั้งสองคนก็บอกว่าเคยคิดเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่เคยคิด บางทีก็ถามตัวเองมานั่งทำไมตรงนี้ บางครั้งก็ท้อ แต่ยิ่งคิดยิ่งบั่นทอนตัวเอง ซึ่งเสือตอบว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ทำ เพราะงานนี้เสียสุขภาพ นอนไม่ค่อยเป็นเวลา พักผ่อนไม่เต็มที่ ขณะที่สิงห์บอกว่า คงจะทำอีกสักหน่อย เพราะเงินดี แต่หลังจากนี้ก็ต้องคิดต่อว่าอยากทำอะไร เพราะชีวิตคงไม่มาหยุดตรงนี้ ส่วนสิ่งที่ได้จากอาชีพตรงนี้ก็คือทำให้ลูกค้ามีความสุข ได้คลายทุกข์ให้ลูกค้า เห็นลูกค้ายิ้ม เราก็โอเค ดีใจ..

ขณะเดียวกันสาวมั่นอย่าง "จูน" ผู้ที่ชื่นชอบการเที่ยวแนวนี้ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการ โดยเธอมองอาชีพ "บาร์โฮสต์" ว่าเป็นอาชีพที่ให้ความสุขกับผู้หญิง อย่างเธอที่มาเที่ยวลักษณะแบบนี้ ก็เป็นเพราะต้องการหนีโลกอีกโลกหนึ่ง มาหาความสนุกที่นี่ ยิ่งมากับเพื่อนสาว ๆ เวลานั่งอยู่ในร้านแล้วมีผู้ชายมาคุยด้วยยิ่งสนุก ถึงจะรู้ว่าเขามาคุยกับเราเพราะเงิน หมดเงิน ความสัมพันธ์ก็หมด แต่เธอรับได้ ก็เหมือนกับการที่ผู้ชายไปเที่ยวผู้หญิงแล้วมีเด็กดริงก์มานั่งเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง และเธอก็ไม่ได้มาเพื่อจะมีเซ็กส์ เธอมาเพราะหาความสนุก ผ่อนคลาย เท่านั้น
ส่วนใครจะมองเธอยังไง เธอก็ไม่สนใจ มันไม่ใช่เรื่องผิด ไม่จำเป็นต้องอาย ส่วนคนที่น่าอายน่าจะเป็นผู้ที่ทำเป็นรับไม่ได้กับอาชีพนี้ แต่ลับหลังไปซื้อกินมากกว่า สำหรับอาชีพนี้ใครจะตราหน้าว่าเป็นอาชีพด้านมืดอย่างไร แต่ถ้าสัมผัสจริง ๆ มันไม่เลวร้ายอย่างที่คิด.. แล้วอีกอย่างที่สังเกตเห็นก็คือ สมัยก่อนพวกโฮสต์จะเป็นเด็กที่มีปัญหาทางบ้าน แต่ตอนนี้กลับมาทำงานเพราะอยากรวย อยากสบาย เลยสะท้อนสังคมพอสมควรว่า ตอนนี้สังคมส่วนใหญ่ "บูชาเงิน" มากกว่าสิ่งใด อย่างไรก็ตาม อาชีพนี้ถือว่าสร้างความสุขให้กับผู้หญิง เขาไม่ได้บังคับเรา เราเต็มใจที่จะมา... แล้วสิ่งที่ได้ก็ความสุข ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ บาร์โฮสต์ ชีวิตอีกด้านยามราตรี ที่ไม่ได้มีแค่ในต่างประเทศ แต่มีอยู่จริงในไทย ซึ่งตราบใดที่ยังคงเป็นการหาความสุขแบบมีลิมิต อาชีพนี้ย่อมไม่ผิดกฎหมาย และหากยังมีหญิงสาวที่ขาดแคลนความสุข ต้องการใครสักคนเป็นเพื่อนคุยและหัวเราะไปกับเธออยู่ไม่รู้จบ อาชีพนี้ก็คงดำเนินต่อไปคู่ขนานกับโลกของความเป็นจริง






