นัตตี้ นัทธมณ เน็ตไอดอลคนดัง เผยชีวิตรันทดก่อนโกอินเตอร์ ในรายการตีสิบ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดยคุณ ThaiTV19 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, Instagram Nuttynuttiiz 

          นัตตี้ นัทธมณ เน็ตไอดอลสุดฮอตแห่งโซเชียลแคม กับยอดผู้ติดตามเกือบ 2 ล้านคน ที่เปลี่ยนชีวิตของเธอจากตกอับสุด ๆ กลายเป็นนักร้องสาวที่กำลังจะไปโกอินเตอร์ที่เกาหลี พร้อมเผยเรื่องราวสุดรันทดในรายการตีสิบ 

          นัตตี้ นัทธมณ คงจักร์ เน็ตไอดอลคนสวยที่เรียกได้ว่าฮอตที่สุดคนหนึ่งในโซเชียลแคมเลยทีเดียว เพราะมีผู้ติดตามในโซเชียลแคมมากเกือบ 2 ล้านคน ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ บวกกับใบหน้าสวย ๆ และความเปิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวนัตตี้ ก็ทำให้หลายคนตกหลุมรักสาวน้อยวัย 20 ปี คนนี้อย่างง่ายดาย แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าชีวิตของเธอเปรียบเสมือนกับนิยาย จากชีวิตคุณหนูที่ครอบครัวร่ำรวยสุด ๆ กลายเป็นคนตกอับถึงขั้นไม่มีแม้แต่บ้านจะอาศัยอยู่ 

          ซึ่งเธอได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตให้ได้ฟังกัน ในรายการตีสิบ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยสาวนัตตี้ ได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตของเธอให้ฟังว่า ชีวิตของเธอเหมือนกับนิยายมาก ๆ ถึงขั้นพูดได้ว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เพราะเธอเกิดมาจากครอบครัวที่รวยมากจนคิดว่าใช้เงินยังไงก็ไม่หมด โดยคุณแม่ทำกิจการร้านคาราโอเกะ เป็นเจ้าแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บ้านมีรถยนต์ 14 คัน และตัวเธอเองมีพี่เลี้ยงถึง 22 คน และเธอเคยคิดว่าอยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำงานอะไรก็ยังได้ ไปโรงเรียนก็มีพี่เลี้ยงคอยดูแล คอยใส่รองเท้าให้แทบจะไม่ต้องโดนพื้นดินเลย ต่อมาเมื่อเธอเริ่มโตขึ้นเธอก็เริ่มงอแงไม่ให้คุณแม่ไปดูแลกิจการ ทำให้คุณแม่ต้องฝากพนักงานคอยดูร้านแทนจนร้านเจ๊งล้มละลาย จากปกติที่มีรายได้ต่อคืนตกคืนละ 2 แสนบาท ก็พลิกผันไปทันที มีเงินเหลือแค่เงินเก็บเท่านั้น 

          ต่อมาแม่ก็กลับมารับเธอไปอยู่ด้วย ไปช่วยกันถือตะกร้าเดินไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อไปนวดเท้าเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน ใช้ชีวิตนอนตามบ้านลูกค้าที่ไปนวดเพราะไม่มีที่อยู่ ลูกค้าชาวมาเลเซียใจดีมากให้นอนที่บ้านเพราะเขาสงสารและบริจาคจักรยานมาให้ 2 คัน สักพักก็เก็บเงินซื้อรถจักรยานยนต์มือ 2 และรถยนต์มือ 2 มาขับได้ จนเมื่อเธออายุ 13 ปี ก็มีมหาเศรษฐีอายุ 48 ปี มาขอเธอแต่งงาน โดยเขาให้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องตัวเธอเลย สุดท้ายเขาก็ไม่ทำตามสัญญาพยายามจะมีอะไรกับเธอ จนเธอต้องขอร้องอ้อนวอนกราบเท้าเขา ก็เลยรอดมาได้

          ด้านคุณแม่ของนัตตี้ เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ทำกิจการคาราโอเกะ จะมีรายได้ต่อคืน 30,000-200,000 บาท ตกเดือนละ 2 ล้านบาททุกเดือน ในช่วงที่นัตตี้เกิดมานั้น มีพี่เลี้ยงมาแล้วจำนวน 22 คน ไม่เคยต้องอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวเองเลย ในตอนนั้นเรารวยมาก เราก็คิดว่าจะต้องทำงานเก็บเงินจนเห็นเงินในบัญชีให้ได้ 50-100 ล้านบาท แต่ก็ไม่เคยถึงเพราะนำไปเล่นหุ้นหรือไม่ก็ให้คนยืมหมด แต่เมื่อชีวิตพลิกผันเราต้องพาลูกย้ายไปอยู่ที่มาเลเซียและมีมหาเศรษฐีมาขอลูกแต่งงาน ซึ่งตอนนั้นน้องยังเด็กมาก แต่เขาก็ให้สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรลูก แต่เราก็รู้สึกเหมือนผลักลูกไปจนเห็นน้องเริ่มเครียดเป็นไมเกรน เป็นลมบ่อยมาก เราก็กลัวว่าลูกจะหนีออกจากบ้าน จึงพาลูกหนีมาอยู่ที่พัทยา ซึ่งเขาก็ตามมา ตอนนั้นเธอมีเงินอยู่ 2 ล้านกว่าบาท ก็นำเงินไปคืนให้เขาทั้งหมดและขึ้นศาลเด็กที่ประเทศมาเลเซียเพื่อหย่ากันเรื่องจึงจบ

          

          โดย สาวนัตตี้ เล่าต่อว่า จากนั้นเธอกับแม่ก็ย้ายกลับมาตั้งหลักอยู่ที่พัทยา กลับมาเริ่มจากศูนย์เหมือนเดิม เป็นเด็กเสิร์ฟ เด็กเข็นของ ซึ่งตอนนั้นเองเธอก็ได้รู้จักกับโซเชียลแคมเป็นครั้งแรก เพราะเห็นคนเขาเล่นกันสนุก ๆ จึงลองเล่นดูบ้าง ก็ลงคลิปเหมือนคนทั่วไป พูดอะไรเรื่อยเปื่อย จนวันหนึ่งเราก็เลยคิดว่าร้องเพลงดีกว่าไหม เพราะส่วนตัวชอบร้องเพลงอยู่แล้วด้วย ก็เลยร้องเพลงที่คิดถึงเพราะรักเธอใช่ไหม แล้วก็มีคนชอบมากดไลค์เยอะ จากนั้นก็มีคนเข้ามากดไลค์และแชร์ไปยังเพจต่าง ๆ ในเฟซบุ๊ก ทำให้ปัจจุบันมีผู้ติดตามโซเชียลแคมของเธอเป็นจำนวนถึง 1,855,914 คน ซึ่งเธอก็บอกว่ารู้สึกแปลกใจมาก ๆ เหมือนกัน เราก็เคยถามหลายคนว่าทำไมถึงติดตามเรา ก็น่าจะเพราะความที่เราเป็นคนเปิ่น ๆ ฮา ๆ ไม่ห่วงสวย ใครอยากให้ทำอะไรเราก็ทำได้หมดทั้งร้องเพลง เต้น ลิปซิงค์ ทำท่าฮา ๆ  เราก็เลยร้องเพลงอื่นลงไปอีกเรื่อย ๆ  

          เมื่อถามว่าได้ข่าวว่า นัตตี้ กำลังมีแพลนจะโกอินเตอร์ สาวนัตตี้ก็ตอบว่า มีพี่แฟนคลับคนหนึ่งที่ติดตามเธอในโซเชียลแคม มีแฟนเป็นชาวเกาหลี ซึ่งเพื่อนของแฟนพี่เขาเป็นเจ้าของค่ายเพลงที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้ดูคลิปร้องเพลงของเธอในโซเชียลแคม จึงติดต่อให้เธอลองมาออดิชั่นดู จากนั้นก็ได้ทำการเซ็นสัญญากัน โดยเธอจะขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวที Dream Concert ที่จัดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับเกาหลีใต้ ซึ่งบนเวทีนั้นมีคนไทย 2 คน คือ เธอและเจมส์ จิรายุ และถ้าทางค่ายเห็นว่าเธอพร้อมแล้วก็จะให้เธอออกซิงเกิลแรก