
Walk Rally แผนที่แม่ท้อง 12 ด่าน (Mother&Care)
Start จุดเริ่มต้นเส้นทางเดิน
จุดเริ่มต้นที่ควรทํา คือ การฝากครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกในครรภ์ คุณแม่จะได้รับการดูแลจากแพทย์ที่ทําการตรวจครรภ์เป็นประจํา อาจมีการตรวจพิเศษบางกรณี ซึ่งมักเป็นการตรวจความผิดปกติของโครโมโซม เพื่อค้นหาความผิดปกติของทารก ส่วนจะมีการตรวจพิเศษอะไรบ้าง มาเริ่มเดินทางไปแต่ละจุดเลยค่ะ
จุดที่ 1 ด่านตรวจน้ำคร่ำ ค้นหาโครโมโซมผิดปกติวิธีนี้ใช้ในแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป แม่ที่เคยคลอดลูกที่มีโครโมโซมผิดปกติ มีประวัติการแท้งบ่อย ได้รับการตรวจโดยวิธีการ ชีวเคมีจากการตรวจเลือดแม่แล้วได้ผลผิดปกติ ตรวจพบความพิการ ภายนอกของทารก ตรวจพบว่าทารกในครรภ์เติบโตช้า ตรวจหาโรคที่มีความผิดปกติของกระบวนการดูดซึมของร่างกาย การตรวจ ดีเอ็นเอ การติดเชื้อในทารก ตรวจความสมบูรณ์ของปอด ที่สําคัญแม่ที่อายุมากมักเกิดอาการแทรกซ้อน ความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ เบาหวาน ทําให้โครโมโซมผิดปกติจนเกิดภาวะ Down Syndrome ซึ่งเป็นปัญหาสําคัญของทารกที่ต้องแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ
จุดที่ 2 ด่านตรวจปลายโครโมโซม โดยใช้เทคนิค FISH เป็นการตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมในร่างกายเพื่อบําบัดรักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ และป้องกันการเกิดซ้ำ โดยใช้เทคนิค Fluorescence in situ Hybridization หรือ FISH แม่ที่คลอดลูกที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม มีญาติเป็นภาวะนี้ แล้วถ้าตั้งครรภ์อีก จะสามารถตรวจได้ว่าทารกจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติ ซ้ำหรือไม่ เพียงเจาะเลือดแม่ส่งตรวจ โดยใช้ชุดน้ำยาตรวจสอบความผิดปกติของโครโมโซม ที่เรียกว่า FISH probe แล้วนําไปวิเคราะห์การเรืองแสงด้วยกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ ก็จะทราบว่าโครโมโซมของแม่มีความผิดปกติหรือไม่
จุดที่ 3 ด่านตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ ของทารกเป็นการตรวจเพื่อให้รู้ผลการมีชีวิตของทารก การคํานวณอายุครรภ์ การวินิจฉัยความผิดปกติของมดลูกและปีกมดลูก ดูตําแหน่งที่รกเกาะ เลือกตําแหน่งที่เหมาะสมในการตรวจ เช่น เลือกตําแหน่งรกในการเจาะเลือดจากสายสะดือ บอกทิศทางตําแหน่งของปลายเข็ม ติดตามการเต้นของหัวใจทารก ติดตามทารกในครรภ์ วินิจฉัยภาวะแทรกซ้อน
จุดที่ 4 ด่านตรวจ Embryoscope และ Fetoscope ส่องกล้องดูความผิดปกติของทารกในครรภ์ เป็นวิธีวินิจฉัยความผิดปกติของทารกอย่างหนึ่ง ที่ใช้เทคโนโลยีการส่องกล้องดูทารกในครรภ์ แพทย์จะใช้เข็มติดกล้อง ขนาดจิ๋วที่ส่วนปลาย แล้วสอดผ่านปากมดลูกเข้าไปดูตัวอ่อนในโพรงมดลูก หรือใช้วิธีเจาะผ่านผนังหน้าท้อง โดยทําเป็นแผลเล็กๆ บริเวณเหนือหัวหน่าว แล้วใช้กล้องขนาดประมาณ 0.8 มม. เจาะผ่านผนังหน้าท้องเข้าไป ทําให้เห็นภาพจริงของทารก สามารถ มองเห็นรายละเอียดของทารก วิธีนี้ตรวจหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในไตรมาสแรก
จุดที่ 5 ด่านตรวจ Pre implantation diagnostic เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของไข่ เป็นการตรวจสําหรับแม่ที่ต้องการมีลูก หรือตนเองมีโรคประจําตัว เช่น ธาลัสซีเมีย แต่ต้องการจะมีลูก สามารถใช้การตรวจนี้ได้ เพื่อดูว่าลูกมีโอกาสจะเป็นโรคเดียวกับแม่มากแค่ไหน
จุดที่ 6 ด่านตรวจเลือดจากสายสะดือ เพื่อดูความผิดปกติของทารก วิธีนี้ใช้เพื่อวินิจฉัยหาโครโมโซมที่ผิดปกติ และประเมินสุขภาพโดยรวมของทารก แพทย์ยังตรวจด้วยวิธีนี้ในรายที่ทารกในครรภ์มีภาวะซีดและโลหิตจาง รวมทั้งเมื่อจะต้องถ่ายเลือดให้ทารกผ่านทางสายสะดือ ซึ่งเป็นการเก็บตัวอย่างเลือดทารกในครรภ์โดยตรง

จุดที่ 7 ด่านตรวจเนื้อเยื่อรก เพื่อวิเคราะห์โครโมโซมของทารกในครรภ์การตรวจนี้จะช่วยวิเคราะห์โครโมโซมของทารกได้ในครรภ์อายุน้อย มักตรวจในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการมีลูกเป็นดาวน์ซินโดรม ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเม็ดเลือดแดงผิดปกติ
จุดที่ 8 ด่านตรวจ Triple screen เจาะเลือดหาค่าชีวเคมีเป็นการเจาะเลือดตรวจหาค่าชีวเคมี เพื่อคัดกรองความเสี่ยงในการให้กําเนิดทารกที่เป็นดาวน์-ซินโดรมหรือมีความ พิการจากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 28 รวมทั้งโรคเกี่ยวกับประสาทที่เรียกว่า นิวรอน ทิว ดีเฟกต์ (Neural tube defect) สําหรับแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุ 35 ปี ตรวจโดยการเจาะเลือดในช่วงอายุครรภ์ 15-21 สัปดาห์
จุดที่ 9 ด่านตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เป็นการใช้เครื่องตรวจการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์ ปกติขณะที่ทารกหลับ หรือดิ้นอยู่ในครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลง การเต้นของหัวใจทารก มักใช้วิธีนี้ตรวจเมื่อแม่มีอายุครรภ์เกินกําหนด ทารกในครรภ์เติบโตช้า มีความดันโลหิตสูง มีความดันโลหิตสูงเรื้อรัง แม่เป็นเบาหวาน ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง และน้ำคร่ำ ลดน้อยลง อายุครรภ์ที่เริ่มตรวจควรอยู่ระหว่าง 30-32 สัปดาห์
จุดที่ 10 ด่านตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Fetal Biophysical Profile (FBP)
จุดที่ 11 ด่านตรวจอัลตร้าซาวนด์ เพื่อติดตามการเติบโตทารกแม่ที่ทําอัลตราซาวนด์เพื่อวัดอายุครรภ์ที่ถูกต้อง ดูความผิดปกติ ขณะตั้งครรภ์ เช่น ท้องนอกมดลูก หรือเมื่อสงสัยว่ามีการแท้งบุตร ตั้งครรภ์แฝด ส่วนลูกใช้ตรวจดูท่าและตําแหน่งที่เกาะของรก ดูสภาพของทารกและรกกรณีที่ตั้งครรภ์เกินกําหนด ดูท่าของทารกเมื่อใกล้ครบกําหนดคลอด ดูความผิดปกติอื่น ๆ เช่น กระดูกสันหลังไม่ปิด และใช้ร่วมกับการตรวจอื่น ๆ
จุดที่ 12 ด่านคําถามส่งท้าย "การตรวจ Triple Test และการตรวจน้ำคร่ำอะไรดีกว่ากัน"การตรวจทั้งสองชนิดนี้มีการใช้เครื่องมือในการตรวจร่วมกัน และมีความเหมาะสมด้วยกันทั้งสองชนิด ดังนั้น ควรพิจารณาอายุของแม่ การเจาะน้ำคร่ำจะใช้ตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมเหมาะกับแม่ที่อายุมาก มีความเสี่ยงสูง และยังสามารถวิเคราะห์โครโมโซมทุกโครโมโซมทั้ง 23 คู่ รวมถึงโครโมโซมเพศด้วย ส่วน Triple Test เหมาะกับการใช้ในแม่ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น แม่ที่มีอายุน้อย แล้ววิธีนี้ ยังสามารถใช้ตรวจกรองทารกที่มีความเสี่ยงเฉพาะอาการ 3 อย่างเท่านั้น คือ ทารกที่เสี่ยงต่อภาวะดาวน์ซินโดรม (มีความผิดปกติโครโมโซมคู่ที่ 21), ทารก Edward (มีความผิดปกติโครโมโซมคู่ที่ 18) และกลุ่มกระดูกสันหลังไม่ปิด (Neural Tube Defect) เป็นต้น
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก






