x close

ชีวิตคู่ที่ยาวนานของพ่อรอง-แม่ทุม

รอง เค้ามูลคดี



ชีวิตคู่ที่ยาวนานของพ่อรอง-แม่ทุม อยู่ได้เพราะ "รัก" (Momypedia)
โดย: พาคำ

รัก..คำเดียวเท่านั้นเอง

          ใครต่อใครในวงการแสดงต่างยอมรับว่า แม่ทุม กับ พ่อรอง หรือปทุมวดี และรอง เค้ามูลคดี นักแสดงอาวุโสเป็นคู่ชีวิตที่ยืนยง ชนิดที่หากเห็นหน้าพ่อรองที่ไหน ผู้คนก็ต้องถามหาแม่ทุมที่นั่น แต่เบื้องหลังชีวิตคู่ยืนยงนั้น เราเกิดคำถามว่า... อะไร...ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถอดทน ให้อภัยกับความพลั้งพลาดหลายต่อหลายครั้งของผู้ชายที่เป็น "สามี" ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด และสามารถประคับประคองชีวิตครอบครัวให้ยืนยาวมาจนทุกวันนี้ 

          "กว่าลูกจะโตมาจนทุกวันนี้ ทุกข์ก็เคยทุกข์ถึงที่สุด สุขก็สุขจนล้นปรี่ จนเอามาเขียนเป็นนิยายเล่มใหญ่ได้เลยล่ะ (หัวเราะ) ... 

          "คือเราเริ่มคบกันจากความเป็นเพื่อนก่อน ตอนนั้นแม่ร้องเพลงแล้วพ่อก็ทำงานทีวีอยู่ช่อง 4 บางขุนพรหม ก็ไปออกรายการ เจอกันก็คุยกับเหมือนเพื่อน แล้วความที่บางครั้งแม่ก็เป็นคนโผงผาง เพราะสมัยก่อนทำค่ายมวยด้วยค่ายฟุตบอลด้วย ก็ออกจะเป็นผู้ชาย พูดตรง ๆ มันก็ค่อย ๆ ซึมซาบจากความเป็นเพื่อน สนิทกันเรื่อย ๆ จนพ่อบอกขอแต่งงาน ซึ่งก็แปลกนะ เพราะตอนนั้นเราก็มีคนมาจีบ พ่อก็มีคนมาจีบเยอะ แต่ทำไมเราถึงแต่งงานกัน และอยู่กันมาจนป่านนี้"... แม่ทุมเล่าอย่างอารมณ์ดีและว่า กว่าจะมีลูก ก็ใช้ชีวิตคู่อยู่หลายปีเหมือนกัน เพราะต่างฝ่ายต่างสนุกกับงานการ จนเริ่มมีปัญหาเข้ามาในชีวิตคู่... 

          "นิสัยของพ่อรองเขาเป็นคนสนุกสนาน เริงรื่น ชอบเที่ยวกลางคืน แล้วก็ผู้หญิงเยอะ... ล้านเจ็ด... แต่ตอนที่แต่งงานใหม่ ๆ แม่ยังไม่คิดมาก เพราะยังไม่มีลูก แล้วตอนนั้นชีวิตแม่พร้อมด้วย หนึ่ง คือชีวิตแม่มีความสุข อบอุ่น พ่อแม่ยังอยู่ มีบ้านเป็นของตัวเอง มีหน้าที่การงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ... มีหมด จะมีปัญหาก็แต่เรื่องพ่อรอง ความรู้สึกหวงไม่มี แต่โกรธต้องมีเป็นธรรมดา เราก็เฉย ๆ ไม่คิดตามด้วย กลับมาเอง (หัวเราะ)... 

          "มีอยู่ครั้ง เขาขอเลิกกับเรา แล้วหายไปเกือบปี... เสียใจแค่ช่วงเดียวนะ ที่เสียใจมาก ๆ แบบลึก ๆ จะกินยาตายเลย แค่วูบเดียว แต่ก็ไม่กิน เพราะตอนนั้นความอบอุ่นคนรอบข้างเรามี ร้องเพลงทำงานไป ถึงไม่ทำงานก็มีพ่อมีพี่ชายเลี้ยง บ้านช่องรถราก็มี จะไม่ค่อยคิดมาก ลูกก็ไม่มี..." 

          "..แล้ววันหนึ่งเขาก็กลับมา แล้วจะมาหยิบใช้ข้าวของซึ่งเขาทิ้งไว้ก่อนไป แม่ก็บอกเลยว่า "อย่ามาแตะต้องของพวกนี้นะ นี่มันของผัวฉัน" (เน้นเสียง) ซึ่งจริง ๆ ก็ของเขานั่นแหละ แต่ที่เราพูดอย่างนั้นเราถือว่าเราบริสุทธิ์ใจไง ก็ของผัวฉันจริง ๆ เธอจะคิดว่าฉันไม่ใช่เมียก็ช่าง แต่นี่...ของผัวฉัน (พูดยิ้ม ๆ)... แม่จะเป็นคนตรง ๆ แบบนี้ล่ะ" 

          หลังจากจับเข่าคุยกัน มรสุมชีวิตลูกแรกก็ผ่านไป กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง จนกระทั่งมีลูก แม้ว่าพ่อรองยังไม่เลิกเที่ยว แต่น้อยลง ซึ่งแม่ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมดาของคนเพื่อนเยอะ ต้องมีสังสรรค์กันบ้าง จนบางครั้งก็มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาให้ยุ่งยากใจ... 

          "พอมีลูกแม่เริ่มคิดมาก เวลามีปัญหากันจะเริ่มโกรธมาก แล้วเราเป็นคนที่เสียใจมากกว่า...(นิ่งไปพักหนึ่ง) จะเป็นคนที่ทนอดและอดทน คือทนมากขนาดที่ถ้าเป็นคนอื่นก็คงตายไปแล้ว" 

          "แล้วแม่จะโดนเรื่องคนหักหลังมาตลอดชีวิตนะ... ไม่ว่าเด็ก (ลูกน้อง) ไม่ว่าเพื่อน โดนมาสารพัด ทำตัวเลว ๆ กับสามีเราก็มี เราก็พยายามยั้งใจ คิดในทางที่ดีไว้ก่อนว่า เอ๊ย! เดี๋ยวมันก็หยุดน่า... คิดแต่อย่างเนี้ย แล้วก็ลืมไง แล้วความที่เราคิดกับทุกคนในทางที่ดีหมด ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย มากินมานอนที่บ้าน จะเอาอะไรก็เอาไป แต่ก็ไม่เชื่องจนได้ ยังมีคนถามแม่เลยว่า ทนได้ยังไง... ก็นั่นน่ะสิ แม่ทนได้ยังไง มีเหมือนกันนะที่บางครั้งแทบทนไม่ได้ แต่แม่พยายามทำใจ ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวก็หาย พอมันไม่หายเข้าจริง ๆ ก็อยากจะเอาให้ตายเหมือนกัน แต่มีบุญอยู่อย่างว่าเหมือนกับมีอะไรคอยดึงรั้งเรา... จากหนักก็ค่อย ๆ คลายลง .. จะเป็นอย่างนี้ตลอด 

          "แล้วก็ตลกมากเลย เรามีเรื่องทะเลาะกับพ่อจนแทบจะฆ่ากันตาย อยู่ ๆ ก็มีเพื่อน ๆ น้อง ๆ 4-5 คนมานั่งพูดถึงปัญหาครอบครัว ร้องไห้มีปัญหากันหมด แรง ๆ ทั้งนั้น จนเราต้องหยุดทะเลาะกันก่อน (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่ฟังเขานะ แต่ช่วยเขาด้วย... โอ้ย...แปลกมาก มาในจังหวะที่เราอ่อนแอที่สุด จนกระทั่งผลที่สุด ความที่เราไปรับรู้เรื่องคนอื่นมันก็ทำให้เรื่องของเรากลับมาดีเอง แม่ว่ามนุษย์แต่ละคนมีชะตาของตัวเอง บางทีไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่ทำไมต้องมาเป็น ใครอยากเจ็บ ใครอยากไข้ ใครอยากตาย ไม่มีหรอก ทุกคนอยากมีเงินมีชื่อเสียง มีเกียรติยศกันทั้งนั้น แต่ทำไมล่ะ" 

          แม้จะฝากเหตุผลของการกระทำส่วนหนึ่งไว้กับชะตาชีวิต แต่สิ่งที่มองเห็นคือความอดทนและความเป็นคนมองโลกในแง่ดีที่ทำให้แม่ทุมผ่านมรสุมลูกแล้วลูกเล่าในชีวิตคู่มาได้โดยลำดับ... 

          "ปกติแล้วเวลามีปัญหา แม่จะไม่ชอบพูดกับใคร จะนั่งอยู่คนเดียว ซึ่งก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรนะ เพราะจริง ๆ เราแย่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะพูดเพื่ออะไร พูดยังไง ซึ่งเมื่อเทียบกับแม่กับพี่สาวแล้ว เรายังเข้มแข็งน้อยกว่าเขาเยอะ คือเรามีแม่เลี้ยง (เมียน้อยของพ่อ) อยู่ในบ้านเดียวกันมาตั้งแต่เกิด แม่ก็ยังอดทน ยังอยู่กับเรา เลี้ยงเราให้ความรักเราได้ จนเราแต่งงานมีหลานซึ่งแม่ก็ตามมาดูแล เขารู้ว่าเรามีปัญหา แต่จะไม่เข้ามายุ่ง มีแต่เห็นใจเราทั้งแม่และพี่สาว 

          "เวลาที่มีปัญหา จะไม่ให้ลูก ๆ รู้ จะพยายามทำตัวปกติ ไม่งั้นป่านนี้ลูกเรียนไม่จบปริญญาโทกันทั้งสองคนแน่ ก็มีอยู่ครั้งนึง ลูก ๆ นั่งไปในรถกัน 3 คน ตอนนั้นคนโตยังไม่เสียนะ ก็ร้องไห้กัน 3 คนเลย... ยุ้ยด้วย ทั้งที่เขาไม่รู้อะไรเลย แค่เราเงียบไป แล้วก็บอกเขาว่าไม่มีอะไร... จนลูกโตพอจะรับรู้แล้ว เขาก็จะมาคอยปลอบ บอกให้เราใจเย็น ๆ อดทนก่อนนะ พยายามไม่ให้เราคิดมาก ในฐานะลูก เขาจะเข้ามาช่วยประสานความเป็นครอบครัวเยอะมาก บางทีก็จะโทร.หาพ่อ ถามพ่อกลับกี่โมง พ่ออยู่ไหน วันนี้ไปกินข้าวกันมั้ย จะเป็นอย่างนี้ตลอด" 
 
         ... ด้วยกำลังใจบวกความเข้าใจของคนรอบข้างนี่เอง ที่ช่วยเสริมความอดทนของแม่ทุมให้ไร้ขีดจำกัด แม้จะมีปัญหาหนักหนาสักเพียงไร... คราวนี้ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง แต่เป็นปัญหาซึ่งเกิดจากนิสัยรักเพื่อนพ้องและใจดีกับทุกคนของพ่อรอง 

          "อันนี้เราถือว่าเป็นอุบัติเหตุของครอบครัว คือพ่อไปเซ็นค้ำประกันให้เพื่อนให้ลูกน้องไว้เยอะ นานแล้วล่ะ แต่จำนวนเงินมันเยอะไง ทุกวันนี้เราก็ยังต้องหาเงินใช้หนี้อยู่ วันนั้นเขามาขนของไปหมดบ้าน ตอนแรกก็ตกใจ แล้วคิดเสียว่า ไม่มีก็ไม่มี อยากเอาไปก็เอาไป ไม่เป็นไร หาใหม่ได้ ขออย่างเดียวให้ครอบครัวมีความสุข คนในครอบครัวต้องรักกัน... 

          "ถึงได้บอกว่าถ้าไม่รัก ก็คงไม่ทนมาจนถึงทุกวันนี้... 

          "ปกติพ่อรองจะเป็นคนที่ดีมาก มีจิตใจเมตตา อะไรก็ได้ แล้วก็เป็นคนรักลูกรักเมีย รักทุกคน ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร ด่าก็ด่า แต่ถ้าเรื่องอิจฉาริษยา แบบไปแข่งกับคนนู้นคนนี้...ไม่ คือจิตใจส่วนหนึ่งเขาบริสุทธิ์ ตรงนี้ล่ะที่ทำให้เราบอกตัวเองว่า อดทนหน่อยน่ะ ข้อดีเขาเยอะมาก "และความห่วงใยของพ่อนี่ล่ะที่ทำให้แม่ประทับใจ... เหนื่อยมั้ย หรือว่าเราไม่สบายก็จะเข้ามาถามแล้ว เป็นอะไร หายหรือยัง เหนื่อยหรือเปล่า ไปไหน ไปกับใคร จะกลับยังไง... ถามตลอด จนบางทีเรารำคาญก็มี (หัวเราะ) 

          "แล้วบ้านเราทุกเช้านี่ต้องหอมกันนะ ถึงทะเลาะกันก็ยังหอม แม่ซะอีกบางทีงอน โกรธ เขาก็รู้ แต่ก็ยังหอม ลูกก็หอม ไอ้ตัวเล็กสองคนก่อนไปโรงเรียนก็หอม... นี่เป็นสิ่งที่ครอบครัวเราทำกันทุกวัน" 

          "ถ้าตอนนี้พ่อมาพูดคำว่า "..จะไปแล้วนะ"... แม่ร้องไห้เลยนะ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่ร้อง แต่เดี๋ยวนี้พอเรามีปัญหาในครอบครัว ได้ยินหรือได้เห็นปฏิกิริยาของลูกหรือสามีแล้วเสียใจ ... นี่ไม่ใช่เพราะความที่เรารัก อยากให้ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ แล้วเราก็อยู่กันมาจนลูกคนโตสามสิบแล้ว ยุ้ยก็จะสามสิบอยู่แล้ว... มันกี่ปีมาแล้ว ...ใช่มั้ย 

          "แม่ถึงได้บอกว่า ถ้าไม่รัก เราก็ไม่อดทนมาจนถึงทุกวันนี้หรอกนะ (หัวเราะ) อย่างถ้าเรารักเพื่อนคนหนึ่ง บางทีเพื่อนไม่เข้าใจเรา เราก็ยังทนได้ แล้วนี่ยิ่งเป็นสามีเรา เป็นลูกเรา ความรักมันไม่ยิ่งมากไปกว่านั้นเหรอ จริงมั้ย..." แม่ทุมหัวเราะและว่า ..."นี่ล่ะ คำตอบสุดท้าย"

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตคู่ที่ยาวนานของพ่อรอง-แม่ทุม อัปเดตล่าสุด 8 มีนาคม 2553 เวลา 14:25:27 6,116 อ่าน
TOP