
ทดสอบภูมิแพ้ เพื่อแก้ให้ตรงจุด (M&C แม่และเด็ก)
การทดสอบภูมิแพ้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเด็กที่มีปัญหา หรือกำลังสงสัยว่าเค้าจะเป็นภูมิแพ้ เพราะถ้าคุณแม่ทราบว่าลูกน้อยแพ้อะไร เช่น อาหาร อากาศ หรือแมลง เรามีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยง และง่ายต่อการรักษาด้วยค่ะ
ภูมิแพ้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ


เมื่อจะทดสอบภูมิแพ้
การทดสอบภูมิแพ้ ไม่มีการกำหนดอายุในการทดสอบค่ะ สามารถทดสอบได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะทดสอบในเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะพบการแพ้อาหาร อย่างเช่น แพ้ไข่ เป็นต้นค่ะ ซึ่งการทดสอบที่มาตรฐาน มีการใช้เทคนิคที่เหมาะสม น้ำยาที่มาตรฐาน แพทย์มีความชำนาญ ผลการทดสอบย่อมได้มาตรฐาน และน่าเชื่อถือค่ะ
ดังนั้นก่อนการทดสอบจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนค่ะ ซึ่งวิธีการทดสอบมีด้วยกัน 3 วิธี คือ



ดังนั้นโดยมาตรฐานส่วนใหญ่แล้วนิยมใช้การทดสอบด้วยการสะกิด ที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาน้อย ค่าใช้จ่ายไม่มาก และผลการทดสอบก็น่าเชื่อถือค่ะ
ได้อะไรจากการทดสอบ
อย่างน้อยที่สุดคุณแม่จะได้รู้ว่า ลูกน้อยเป็นภูมิแพ้จริงหรือไม่ และถ้าแพ้จริงจะได้ทราบว่าลูกแพ้อะไร เพื่อที่จะหาทางรักษาและหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ และในกรณีที่เค้าเป็นภูมิแพ้เรื้อรัง พยายามรักษาและหลีกเลี่ยงสารที่แพ้แล้วก็ยังไม่หาย คุณแม่ก็จะสามารถหาทางรักษาที่เหมาะสมต่อไปได้ค่ะ
ในเด็กที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือทางการแพทย์เรียกว่า อนาฟัยแลกซิส ซึ่งต้องหาสาเหตุสิ่งที่แพ้ให้เจอ เพราะอาการแพ้ที่รุนแรงถ้าได้รับสารที่ทำให้แพ้ อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ค่ะ แต่ถ้าได้รับการตรวจที่ถูกต้อง อย่างน้อยก็จะป้องกันได้ในเวลาฉุกเฉิน เช่น การพกยาประจำตัวทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
การเตรียมตัว
คุณแม่ที่ตัดสินใจที่พาลูกมาเข้ารับการทดสอบภูมิแพ้ ต้องโทรปรึกษาแพทย์เพื่อนัดวันและบอกวิธีการเตรียมตัวค่ะ คือจะมีการหยุดยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด และต้องอยู่ในช่วงที่ร่างกายแข็งแรง อยู่ในช่วงที่อาการสงบ ไม่กำเริบ
มีคุณแม่หลายท่านที่มีความเข้าใจเรื่องภูมิแพ้ โดยคิดว่าการทดสอบภูมิแพ้เป็นเรื่องที่น่ากลัว และอันตราย ซึ่งความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ ถ้าแพทย์มีความชำนาญและเชี่ยวชาญจริง ๆ และอีกในกรณีหนึ่งคือ พ่อแม่มักคิดว่า ให้ลูกโตเสียก่อนค่อยทดสอบก็ยังได้ แต่ถ้าลูกมีลักษณะอาการของภูมิแพ้ และเป็นไม่หายสักที โดยที่ไม่ทราบแท้จริงว่าแพ้อะไร การพาลูกมาทดสอบตั้งแต่ยังเล็ก ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเค้ามากกว่านะคะ อย่างน้อยจะได้หาทางเลี่ยงสารที่แพ้และรักษาได้ถูกต้องค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
