วันที่ 26 กันยายน 2559 ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Tanny Warinton ได้โพสต์ข้อความระบุใจความว่า ตนเองได้ไปใช้บริการร้านตัดผมแห่งหนึ่ง เมื่อถามว่า สระ-ซอย ราคาเท่าไร แต่ช่างไม่ตอบ กลับชวนคุยเรื่องอื่นแทน และเมื่อทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้วทางร้านก็คิดราคา 800 บาท ซึ่งตนก็ได้ถามราคาไปตั้งแต่แรกแล้วแต่ช่างไม่ตอบ และรู้สึกว่าราคานี้แพงเกินจริง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้สอบถามไปยังเจ้าของเรื่อง ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าของเรื่องเพิ่งย้ายมาอยู่พัทยา จึงไม่รู้ว่าร้านนี้หากินแบบนี้ ลูกค้าหลายรายไปแจ้งความเรื่องก็เงียบ โดยวิธีการคือ เจ้าของร้านจะชวนคุยเพื่อหาข้อมูลว่าลูกค้าฐานะเป็นอย่างไร เช่น ทำงานอะไร มีครอบครัวหรือยัง เมื่อถามราคาก็ชวนคุยเรื่องอื่น ถามกี่รอบ ๆ ก็หันไปคุยเรื่องอื่น
เจ้าของเรื่องระบุอีกว่า มีลูกค้าบางรายใช้บริการอบไอน้ำ ถูกคิดราคา 1,500 บาท บางคนไม่มีเงินจ่ายก็นั่งร้องไห้ อย่างตนเองใช้บริการสระ ไดร์ และเล็มผมเล็กน้อย ก็ถูกฟันไป 800 บาท สำหรับการออกมาเปิดเผยครั้งนี้เพราะไม่อยากให้ใครไปใช้บริการ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะโดนแบบที่ตนเองโดน อีกอย่างการที่มีลูกค้าไปแจ้งความแล้วเรื่องเงียบ คิดว่าเจ้าของร้านคงเส้นใหญ่มาก โกงมาหลายปีไม่มีใครทำอะไรได้
ด้าน ร.ต. ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ระบุว่า ร้านที่ไม่ติดป้ายบอกราคาลูกค้านั้น ผิดกฎหมายอยู่แล้ว โดยมีโทษปรับ ส่วนเรื่องของการเอาเปรียบผู้บริโภคนั้นเรื่องนี้ถ้ามีการร้องเรียนเข้ามา ทาง สคบ. ก็จะมีการเชิญผู้ประกอบการมาพูดคุยว่าใช้มาตรฐานอะไรในการคิดราคา และพิจารณาเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ซึ่งอาจจะใช้ของดี ราคาแพง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
สำหรับกรณีที่เจ้าของร้านบ่ายเบี่ยงไม่ตอบราคานั้น ร.ต. ไพโรจน์ ระบุว่า เป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ เพราะร้านค้าต้องติดป้ายราคาเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ ส่วนที่มีการกักขังลูกค้าหากไม่ยอมจ่ายตามราคาที่เจ้าของร้านกำหนดนั้น ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายอาญา การไม่จ่ายเงินเป็นเรื่องทางแพ่งไม่มีสิทธิ์กักขังหน่วงเหนี่ยว และยึดของของลูกค้า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tanny Warinton
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก