
สาว ๆ เลิกกังวลกับสิวได้แล้ว! (Lisa)
อย่าคิดนะว่า ปัญหาเรื่องสิวนั้นจะสร้างความกังวลให้แต่พวกวัยรุ่นเท่านั้น เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่ออายุเข้าเลขยี่สิบแล้ว สิวก็ยังไม่ยอมห่างหายไปซะที โชคดีที่สิวของคนในวัย 20 และ 30 ปีนั้นเป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ แต่ไม่ใช่วิธีจัดการแบบเดียวกับเด็กวัยรุ่น เพราะสาเหตุของสิวนั้นแตกต่างกัน และเพื่อให้คุณจัดการกับสิวได้อย่างถูกวิธี เราก็ได้รวบรวมรายละเอียดและวิธีจัดการกับมันมาบอกคุณแล้ว
สาเหตุหลัก
สิวในวัย 20สาเหตุของสิวในวัยนี้
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเทอโรนยังผันแปรขึ้น ๆ ลง ๆ จึงทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ซึ่งอาจกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
ใช้ผลิตภัณฑ์มากเกินไป แพทย์ผิวหนังบอกว่าผู้หญิงในวัย 20 ปีขึ้นไปนั้น มักจะชอบใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสิวหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน เพื่อจะค้นหาว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ใช้ได้ผลกับคุณมากที่สุด แต่การทาผลิตภัณฑ์มากเกินไป อาจทำให้ผิวหนังอ่อนแอจนนับมือกับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของสิวไม่ไหว
หน้าตาของสิวในวัยนี้
คุณมักจะมองเห็นสิวได้ในบริเวณที-โซน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีต่อมน้ำมันอยู่มากที่สุด คุณจึงมีโอกาสที่จะเจอปัญหาสิวหัวขาวหรือสิวหัวดำได้ง่าย (สิวทั้งสองชนิดนี้ เป็นผลมาจากการสะสมตัวของน้ำมันและเชื้อแบคทีเรีย) ถ้ารูขุมขนเกิดการติดเชื้อลึกลงไปถึงได้ผิว คุณก็อาจมองเห็นสิวอักเสบร่วมด้วย
วิธีจัดการกับสิวในวัยนี้
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยชะลอการผลิตน้ำมัน และฆ่าเชื้อแบคทีเรียไปพร้อมๆ กัน เริ่มจากการล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์ชนิดขัดลอกผิว ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก และแต้มสิวด้วยยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ นอกจากนี้ ก็ควรควบคุมความมันยิ้มบนผิวหน้า ด้วยการใช้มอยสเจอไรเซอร์ชนิดบางเบา ถ้าปัญหาสิวรุมเร้าคุณอย่างรุนแรง คุณก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง
สิวในวัย 30สาเหตุของสิวในวัยนี้
หน้าตาของสิวในวัยนี้
สิวของสาวในวัยนี้มักจะมีให้เห็นตามแนวขากรรไกรและแก้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลออกฤทธิ์ได้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ผิวในบริเวณนี้ก็มักจะเกิดอาการแห้งได้อย่างสุด ๆ ด้วย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งจับตัวอยู่ในรูขุมขนก็อาจทำให้มีตุ่มสีแดงเม็ดเล็ก ๆ เกิดขึ้น ตุ่มสีแดงพวกนี้อาจทิ้งรอยคล้ำไว้ให้ดูต่างหน้าไปอีกสองสามสัปดาห์ เพราะผิวหนังจะสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้นในวัย 30 ปีขึ้นไป
วิธีจัดการกับสิวในวัยนี้
ถึงเวลาที่คุณจะต้องป้องกันสิ่งสกปรกและการอักเสบแล้ว โดยการล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์ชนิดอ่อนโยน ที่สามารถช่วยขัดลอกผิวไปพร้อม ๆ กัน แล้วตามด้วยมอยสเจอไรเซอร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว นอกจากนี้ ก็ควรขัดลอกผิวสัปดาห์ละครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก เพื่อช่วยทำความสะอาดรูขุมขน โดยไม่ทำลายน้ำมันบนผิวหน้ามากเกินไป และพยายามหลีกเลี่ยงความเครียด และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าทำตามวิธีนี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น คุณก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง ซึ่งแพทย์อาจจะรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ หรือสั่งยาบางชนิดอย่าง เรติน-เอ ให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.11 No.37 22 กันยายน 2553






