มาตรวจสุขภาพชีวิตรักของคุณกันดีกว่า (Lisa)
จริงๆ แล้วชีวิตรักก็เหมือนสุขภาพร่างกายของเรานั่นแหละ มันอาจเจ็บไข้ได้ป่วยถ้าไม่ช่วยกันดูแลรักษา และก็เช่นเดียวกับที่เราต้องตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ คุณก็ควรตรวจสุขภาพความรักของคุณอย่างสม่ำเสมอเช่นกันว่า มันยังมันคงแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า และสิ่งที่ควรจะตรวจเช็กในชีวิตรักของคุณ ก็ไม่ต่างไปจากการตรวจสุขภาพทั่วไปสักเท่าไหร่ ตั้งแต่สิ่งที่ควรตรวจเช็ก ไปจนถึงอาการที่ส่งสัญญาณว่า โรคภัยไข้เจ็บกำลังจะมาเยี่ยมเยือนชีวิตรักของคุณ และต้องรีบรักษาเยียวยาโดยด่วน
และนี่คือ 5 เรื่องที่จะบอกได้ว่าสุขภาพของชีวิตรักคุณเป็นยังไงบ้าง1. ตรวจชีพจร
เวลาไปหาหมอ นี่คืออย่างแรกที่หมอจะตรวจ ถ้าเป็นในเรื่องของสุขภาพ ชีพจรของคนที่สุขภาพดีควรจะเต้นสม่ำเสมอ แล้วถ้าเป็นชีพจรของชีวิตคู่ล่ะ มันควรจะเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่า? มันควรจะเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเหมือนกันก็จริง แต่ที่ต่างกันก็คือ ในชีวิตรักชีพจรของคุณควรจะเต้นระรัวบ้างเป็นครั้งคราว ยามที่ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา หรือยามที่ริมฝีปากของเขามาคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอคุณ (โดยเฉพาะสำหรับคู่ที่เพิ่งรักกันใหม่ๆ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นแบบนี้ควรจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งขณะที่คุณกับเขาไม่ได้อยู่ใกล้กัน ประมาณว่ายามได้ยินเสียงเขาทางโทรศัพท์) ชีพจรที่เต้นอ่อนอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าคุณต้องการเติมความโรแมนติกให้กันอย่างแรง ฉะนั้น ลองหาเวลาไปเติมความหวานให้กันสักหน่อยนะ
2. หายใจเข้าลึกๆ
คราวนี้หายใจเข้าช้าๆ หมอมักจะบอกอย่างนั้นใช่มั้ยขณะที่ใช้หูฟังแนบกับหน้าอกของคุณ เอาล่ะ อาการของสุขภาพชีวิตคู่ที่ดีก็คือ คุณควรหายใจได้เต็มปอด รู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ใกล้ๆ คนรักของคุณ ถ้าคุณรู้สึกถึงอาการหายใจติดขัดหายใจไม่ทั่วท้อง หรือความรู้สึกแปลกๆ อะไรก็ตาม (โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้กำลังเครียดเพราะเพิ่งเป็นแฟนกันใหม่ๆ หรือกำลังวางแผนจะแต่งงานกัน ทั้งสองกรณีสามารถทำให้เกิดความวิตกกังวลแบบอ่อนๆ ได้) มันแสดงถึงปัญหาอึดอัดใจบางประการในการอยู่ร่วมกัน คำแนะนำจากหมอรักษาชีวิตคู่ก็คือ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตรักของคุณอย่างจริงจัง หากคุณไม่อาจทำได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ (ก็บรรดาเพื่อสนิทผู้แสนดีของคุณนั่นแหละ) เพื่อพิจารณาดูว่า สัมพันธภาพของคุณกับเขายังมีโอกาสที่จะก้าวไกลไปได้อีกหรือเปล่า
3. ทดสอบการตอบสนอง
ทำไมการที่หัวเข่าของคุณกระดกตอนถูกหมอเคาะถึงสำคัญนักน่ะหรือ? เพราะการตอบสนองในทันทีทันใดโดยไม่รู้ตัวแบบนั้นแสดงให้เห็นว่า กลไกภายในร่างกายยังคงทำงานอย่างราบรื่น และก็เช่นเดียวกัน การตอบสอนงโดยไม่รู้ตัวในบางเรื่อง ก็แสดงถึงสิ่งเดียวกันในชีวิตรักของคุณ เช่น ยามที่คุณหดหู่ ไม่สบายใจ คุณหันไปหาเขาหรือเปล่า? เวลาที่เขานวดหลังหรือจับมือคุณไว้ คุณรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แล่นซ่านไปทั่วหรือเปล่า? เวลาที่เขาเล่าถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของเขา คุณตัวพองด้วยความภาคภูมิใจไปด้วยหรือเปล่า? ถ้าเขาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ โดยไม่มีคุณไปด้วยคุณมีความสุขไปด้วยหรือเปล่าที่เขาได้ไปมีความสุขกับเพื่อนๆ ในสัมพันธภาพที่ดี คุณควรรู้สึกผูกพันและสามารถเชื่อมโยงความรู้สึกถึงกันและกันได้ยินดีที่เขามีความสุข สบายใจที่มีเขาเคียงข้างคอยสนับสนุน มั่นคงในความผูกพันของกันและกัน โดยไม่ต้องอาศัยการคอยยืนยันถึงความรักที่มีต่อกันอยู่ตลอดเวลาเพียงอย่างเดียว
4. กระตุ้นต่อมหัวเราะ
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า หนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดว่าชีวิตคู่จะไปรอดหรือเปล่า ก็คือ การที่คนสองคนสามารถหัวเราะด้วยกันได้ นั่นคือการศึกษาวิจัยซึ่งจัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยซีแอตเติล ฉะนั้น หมอในที่นี้ขอบอกว่าคุณควรหัวเราะด้วยกันให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง ไม่นับการหัวเราะระหว่างดูละครซิทคอมด้วยกัน ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น คุณก็น่าจะหยุดดูทีวีสักพัก แล้วมาทบทวนดูว่าอะไรในตัวคนคนนี้ที่เคยทำให้คุณหัวเราะได้ในตอนเริ่มต้น อาจลองเขียนเป็นรายการของเรื่องที่เขาเคยทำให้คุณหัวเราะอย่างเช่น ตอนที่เขาทำท่าเลียนแบบแม่ของคุณ เป็นต้น พยายามดึงความหรรษาแบบเดิมๆ มาเติมให้ชีวิตรักของคุณซะใหม่ ถ้าคุณยังอยากให้มันไปรอดน่ะนะ
5. ก้มตัวลงแตะปลายเท้า
วิธีนี้จะบอกได้ถึงความยืดหยุ่นของคุณ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตคู่บอกไว้ว่าคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ไปรอดก็คือ การรู้จักโอนอ่อนผ่อนตามคุณต้องรู้จักปล่อยวางความต้องการของตัวเอง แล้วหันไปใส่ใจในความต้องการของเขาบ้าง นั่นหมายถึงว่าคุณต้องเต็มใจที่จะทำทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อรักษาชีวิตคู่เอาไว้ มันแสดงถึงความผูกพันในกันและกัน และความยืดหยุ่น ถ้าคุณสามารถอ่อนลงเพื่อให้เข้ากับเขาได้ และเขาก็ยืดหยุ่นพอที่จะรองรับความต้องการของคุณได้ ก็พูดได้ว่าสัมพันธภาพของคุณอยู่ในสภาพดี และแน่นอน สุขภาพของชีวิตคู่ของคุณก็แสนวิเศษอย่างน่าอิจฉาทีเดียว
