เผาผลาญไขมันได้ด้วยการนอนหลับให้มีคุณภาพ การนอนช่วยเผาผลาญได้ยังไง และต้องนอนยังไงถึงสุขภาพดี เรามีคำตอบมาฝาก
ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าการเผาผลาญไขมันที่ดีและรวดเร็วคือการออกกำลังกาย แต่หลายคนก็มักมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา ทำงานหนัก เหนื่อย เพราะไลฟ์สไตล์ที่รีบเร่งทำให้พอกลับถึงบ้านปุ๊บก็หมดแรง อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ ดังนั้นเรามาเปลี่ยนการนอนหลับให้มีคุณภาพดีกว่า เนื่องจากการนอนช่วยเผาผลาญได้ มาดูกันว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ทั้งสุขภาพที่ดี แถมควบคุมน้ำหนักได้ด้วย
การนอนสามารถเผาผลาญไขมันได้จริงเหรอ ?
การนอนหลับมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเผาผลาญและการจัดการน้ำหนักของร่างกาย เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แต่ยังส่งผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวและความอิ่ม เช่น เลปตินและเกรลิน ดังนั้นการนอนหลับที่เพียงพอสามารถช่วยลดความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้
การนอนหลับสามารถเผาผลาญไขมันได้สูงสุดกี่แคลอรี่ ?
การเผาผลาญแคลอรีขณะนอนหลับขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักตัว เพศ อายุ และมวลกล้ามเนื้อ โดยเฉลี่ยแล้ว ร่างกายจะเผาผลาญแคลอรีประมาณ 40 – 55 แคลอรีต่อชั่วโมงในระหว่างการนอนหลับ ดังนั้น หากนอนหลับ 8 ชั่วโมง จะเผาผลาญได้ประมาณ 320 – 440 แคลอรี ยิ่งคนที่มีน้ำหนักตัวมากก็จะยิ่งเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น โดยอาจถึง 91 แคลอรีต่อชั่วโมง หรือประมาณ 728 แคลอรีใน 8 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นการประมาณการทั่วไป และอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยส่วนบุคคล
กระบวนการเผาผลาญไขมันขณะนอนหลับทำงานยังไง ?
ในขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ในช่วงที่นอนหลับลึก (Slow-Wave Sleep) การเผาผลาญจะลดลงเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ในช่วง REM (Rapid Eye Movement) การเผาผลาญจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ การนอนหลับยังช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิวและการเผาผลาญ เช่น การเพิ่มขึ้นของเลปตินและการลดลงของเกรลิน
วิธีการนอนหลับที่สามารถเผาผลาญไขมันได้
มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนอยากรู้ว่า แล้วจะนอนหลับยังไงให้เผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ค่
1. นอนหลับให้เพียงพอ (7–9 ชั่วโมงต่อคืน)
การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความหิวและการเผาผลาญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ตั้งเวลานอนและตื่นให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
การรักษาตารางเวลานอนที่สม่ำเสมอจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนและส่งผลดีต่อการเผาผลาญพลังงาน
3. หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน
คาเฟอีนและแอลกอฮอล์จะไปรบกวนคุณภาพการนอนและส่งผลเสียต่อการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
4. นอนในอุณหภูมิที่เย็นเล็กน้อย
การนอนในห้องที่เย็นสามารถกระตุ้นการทำงานของไขมันสีน้ำตาล (Brown Fat) ซึ่งช่วยเผาผลาญแคลอรีได้
5. หลีกเลี่ยงการกินอาหารหนักก่อนนอน
การกินอาหารหนักก่อนนอนจะทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาย่อย จึงไปรบกวนการนอนและกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนอีกด้วย
การนอนหลับที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แต่ยังส่งผลดีต่อการเผาผลาญไขมันและการควบคุมน้ำหนัก ดังนั้นถ้าใครอยากลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนนิสัยการนอนหลับของตัวเองด้วยนะ






