x close

การฉีดโบท็อกซ์ ลดอาการปวดไมเกรน ได้จริงหรือ?




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          สารโบท็อกซ์ (Botox) หรือ โบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) นอกจากจะใช้ฉีดเพื่อเป็นทรีตเม้นท์ในการต่อต้านการเกิดริ้วรอยแล้ว จากบทความในวารสารของหน่วยบริการด้านสุขภาพแห่งชาติ ของประเทศอังกฤษ หรือ NHS (National Health Service) ยังชี้ว่า การฉีดโบท็อกซ์นี้สามารถช่วยลดอาการปวดหัวในผู้ป่วยไมเกรนได้อีกด้วย

          สารโบท็อกซ์ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานที่มากเกินไปของเส้นประสาท อันจะไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการบีบรัดหรือหดเกร็ง สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอย แต่ผลพลอยได้ในผู้ป่วยที่เป็นไมเกรน คือลดการบีบรัดของกล้ามเนื้อ อันจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้เป็นอย่างดี

          ในอังกฤษ บริษัทยา Allergan ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายสารโบท็อกซ์ในการฉีดเพื่อบรรเทาความทุกทรมานจากการปวดหัวอย่างหนักเพราะโรคไมเกรน อย่างถูกต้องมากว่า 2 ปีแล้ว อย่างไรก็ดีตามการรายงานจากเว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ ระบุว่า ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการจากสถาบันความเป็นเลิศทาง คลินิกและสุขภาพแห่งชาติ หรือ NICE (National Institute for Health and Clinical Excellence) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของ NHS สนับสนุนให้ใช้โบท็อกซ์เพื่อรักษาความปวดหัวจากไมเกรน และยังได้ขอให้ทาง Allergan ชี้แจงหลักฐานหรือข้อมูลบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าการฉีดโบท็อกซ์สามารถบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง เพื่อจะได้เปิดไฟเขียวให้ใช้โบท็อกซ์กับผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น

          ทางด้านผู้ป่วยที่ให้คำยืนยันว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นช่วยบรรเทาอาการปวดหัวรุนแรงจากไมเกรนของได้จริง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้อำนวยการของกลุ่มผู้ป่วยโรคไมเกรน(Migraine Action) โจแอนนา แฮมมิลตัน-โคลเคลาจ์ นั่นเอง เธอบอกว่าหลังจากได้ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป ราวกับว่าเธอได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ หาใช่เพราะว่าใบหน้าดูกระชับเต่งตึงขึ้น แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้อนทนตาแข็งนอนไม่หลับเพราะอาการปวดหัว หรือตื่นเช้าขึ้นมาเพราะอาการปวดจี๊ดขึ้นสมองอีกต่อไป นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 40 กว่าปีที่เธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม แต่กระนั้นเธอก็กล่าวว่า วิธีการฉีดโบท็อกซ์เพื่อบรรเทาความรุนแรงของการปวดหัวไมเกรนนั้น อาจไม่ใช่วิธีที่ใช้ได้ผลกับผู้ป่วยทุก ๆ คน และในรายที่ได้ผลก็ไม่ได้ทำให้หายปวดหัวสนิท แต่อาการจะทุเลาลงได้ราว 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยการฉีดโบท็อกซ์จะต้องฉีดที่หน้าผาก ขมับ คอ และไหล่ ทั้งยังต้องฉีดซ้ำทุก ๆ 3 เดือน เพื่อให้ได้ผลอย่างชัดเจนอีกด้วย

          แม้จะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยไมเกรนทุก ๆ คน แต่ก็นับว่าน่าจะเป็นสัญาณที่ดีแก่ผู้ป่วยโรคไมเกรนที่กำลังมองหาวิถีทางในการบรรเทาอาการปวดหัวที่ยากจะเยียวยา ส่วนการตัดสินใจของ NICE ว่าจะสนับสนุนให้ใช้โบท็อกซ์เพื่อรักษาอาการปวดหัวไมเกรนหรือไม่ จะเคาะออกมาในเดือนมิถุนายน 2012 นี้



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
การฉีดโบท็อกซ์ ลดอาการปวดไมเกรน ได้จริงหรือ? อัปเดตล่าสุด 17 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 16:22:28 1,274 อ่าน
TOP