x close

ครึ่งหนึ่งของชีวิต




ครึ่งหนึ่งของชีวิต (หนังสือกุญแจความสุข)



มนุษย์เราเกิดมาเพื่อ "ใช้ชีวิต" และ "รอคอยใครสักคน"
ใครบางคน...ที่มีความคิดสอดคล้องกับเราอย่างพอดิบพอดี
และ...ใครบางคน...ที่อยากมีลมหายใจไว้เพื่อยืนอยู่ข้างๆ เราตลอดไป


ฉันเคยได้ยินว่า... "ใครบางคน" นั้น...หมายถึง "ครึ่งหนึ่งของชีวิต"
ที่ถ้าหากเราตามหาเจอ...ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราก็จะไม่เงียบเหงา
ที่ถ้าหากเราตามหาเจอ...
ชีวิตที่เหลืออยู่ของเราก็จะ "อบอุ่น" และ "ปลอดภัย"



ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า...
ณ เวลานี้ ฉันตามหา "ครึ่งหนึ่งของชีวิต" เจอหรือยัง
ถ้ายัง – ฉันมี "ครึ่งหนึ่งของชีวิต" หรือไม่
แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็รู้สึกดีใจ ดีใจ และ ดีใจ
ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวจากคนรอบข้างว่า "ฉันเจอใครบางคนที่รอคอยแล้ว"
 


ฉันไม่ใช่คนที่เชื่อในเรื่องของพิธีการแต่งงาน
แม้ว่าถ้าเอาเข้าจริงๆ แล้วด้วยสังคม...และด้วยครอบครัว
ก็คงทำให้ฉันหลีกเลี่ยงธรรมเนียมปฏิบัตินี้ไปไม่ได้
แต่ฉันชอบบรรยากาศ...และชอบไปงานแต่งงานมากที่สุด
โดยเฉพาะ "งานแต่งงานของเพื่อน"



เพราะนอกจากจะเป็นการรวบรวมเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานแล้ว
กลิ่นของความรักและความสุขของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่ลอยอบอวลอยู่ในงานนั้น....
มันยังทำให้ฉันรู้สึกสดชื่น...และ "ตื่น" จากการหลับใหลในภวังค์ของความเร่งรีบในชีวิต



หลังจากนั้น ฉันจะกลับมาจากงานด้วยรอยยิ้ม
และกลับมาทำงานได้ด้วยกำลังใจที่ถูกเติมเต็มมาแล้วจนล้น



แล้วในคืนวันเสาร์...หลังจากที่วันแรกของปีผ่านไปได้เพียง 19 วัน
ฉันก็ได้พบกับความรู้สึกดีๆ อย่างนั้นอีกครั้ง
ฉันมีโอกาสได้ไปงานแต่งงานของเพื่อนสมัยเรียน



วินาทีแรกที่ไปถึง...วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้าเพื่อน
ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในสมอง
ก็เหมือนกับทุกครั้งที่ได้ไปงานของเพื่อนคนอื่นๆ นั่นคือ...



"ดีจังเลยนะ" ที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักใครสักคน
และใช้ชีวิตมาด้วยกันในคำว่า "เพื่อน"
ยั่งยืนยาวนาน...มาจนถึงวันหนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างได้ทำงาน
ได้เรียนรู้ความเป็น "ผู้ใหญ่"
หากความสัมพันธ์กลับไม่เคยจางหายไปไหน
มันยังคงอยู่ตรงที่เดิม...แม้ว่านานๆ เราจะเจอกันสักที



ยั่งยืนยาวนาน...มาจนถึงวันหนึ่งที่เราได้แสดงความยินดี
ในวันที่เพื่อนมีความสุขที่สุดในชีวิต  และมันจะยั่งยืนยาวนานต่อไป...
จนถึงวันที่ต่างฝ่ายต่างแก่เฒ่า  และเราจะยังเรียกอีกฝ่ายว่า "เพื่อน"



ฉันเดินเข้าไปสวมกออดเพื่อน
และกระซิบเบาๆว่า "ดีใจด้วยนะ"



มันเป็นฉากตอนที่พบเห็นได้ในละคร... 
มันเป็นฉากตอนที่อ่านเจอได้ในนิยาย 
ที่เมื่อยังเล็ก...ฉันเคยคิดว่าในชีวิตจริงคนเราจะทำอะไรน่าอายอย่างนี้ได้ไหม



กระทั่งฉันได้พบในเวลาต่อมาว่า
การสวมกอดเพื่อนและร้องไห้ด้วยความยินดี
เป็นเรื่องที่เมื่อทำแล้ว...ทำให้ฉันเชื่อมั่นในตัวเองว่า...
"ยังคงมีหัวใจ ไว้รู้สึก"
 


ก่อนหน้าวันที่ฉันจะมางานแต่งงานของเพื่อนคนนี้ไม่กี่วัน
ฉันได้ทราบข่าวจากเพื่อนอีกคนว่า
เธอเพิ่งเลิกกับแฟนที่รักกันมานานกว่า 7 ปี
เพราะอะไร...ฉันไม่ได้ถาม
สาเหตุอะไร...ฉันไม่อยากรู้



และฉันบอกกับเธอว่า "ไม่เป็นไรนะ" แทนคำว่า "เสียใจด้วย"
นั่นเพราะฉันเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ "ครึ่งหนึ่งของชีวิต" ของเธอ
"เสียใจด้วย" จึงไม่ใช่คำปลอบที่เธอน่าจะได้รับ
แต่คำว่า "ไม่เป็นไรนะ" ต่างหาก ที่เธอควรจะได้ยิน



และฉันเชื่อว่าเธอคงจะรู้...
ว่าหลังจากประโยคนั้นฉันอยากบอกอะไร



"ใช้ชีวิตและรอคอยใครบางคนต่อไปด้วยรอยยิ้มเถอะนะ
อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใคร
เพราะเธอจะมีฉันเสมอ...ตลอดไป
ตราบใดที่เรายังคงหายใจ และเรียกกันว่า...เพื่อน"







เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

หนังสือกุญแจความสุข สำนักพิมพ์อักขระบันเทิง
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Glitter.kapook.com
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครึ่งหนึ่งของชีวิต อัปเดตล่าสุด 2 กันยายน 2552 เวลา 10:10:22
TOP