x close

กำราบปัญหาความงามด้วย 13 เทคโนโลยีสวยทันใจ

ศัลยกรรม




กำราบปัญหาความงามด้วย 13 เทคโนโลยีสวยทันใจ (Lisa)

          หน้าคล้ำ ผิวยาน แก้มย้วย ขนยุ่บ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่กวนใจคุณอยู่ สมัยนี้เขามีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้คุณทิ้งปัญหาความงามไว้เบื้องหลัง โดยไม่ต้องกลัวมีดหมอ!


      ผิวหน้าหย่อนคล้อยไร้ความกระชับ

          เมื่ออายุมากขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่ผิวจะไม่เต่งตึงอีกต่อไป แต่ นพ.โกสินทร์ แจ่มเพชรรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ มีคำตอบสำหรับปัญหาผิวหย่อนคล้อย ดังนี้

          1. ไหมละลาย

          ในสมัยก่อนไหมละลายที่นำมาเย็บแผลนั้นจะสลายตัวไปค่อนข้างเร็ว แต่ในปัจจุบันไหมเหล่านี้อยู่ได้นานขึ้นถึง 6 เดือน ในขณะนั้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นมาพันรอบก่อนที่ไหมจะสลายไป ทำให้ผิวมีการดึงรั้ง กระชับ และยังช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณ ดังกล่าวได้ดี จึงช่วยฟื้นฟูสภาพผิวไปพร้อมกัน

          ร้อยไหมอย่างไร

          หลังจากการฉีดยาชา แพทย์จะใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปที่ระหว่างชั้นผิวหนังแท้กับชั้นใต้ผิวหนัง โดยไม่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เสร็จแล้วจะรู้สึกตึงผิวหน้าและมีรอยแดงช้ำตามแนวไหม เห็นผลภายใน 1-2 เดือน แต่จะเห็นชัดที่สุดภายใน 6 เดือน และจะอยู่ได้นาน 1-3 ปี อย่างไรก็ตาม หลังจากร้อยไหมแล้ว คนที่ผิวบางอาจพบว่ามีรอยช้ำบ้าง ซึ่งจะหายไปในเวลาไม่นาน

          2. Yello Toning

          คือ Ligth Laser ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเลเซอร์และ IPL มีข้อดีคือออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับเลเซอร์ แต่ในการรักษาหนึ่งครั้งจะเหมือนกับการใช้สามเครื่องยิงพร้อมกันคือเลเซอร์ทับทิมที่มีจุดเด่นเรื่องยิงฝ้าและกระ เลเซอร์ใดโอดที่มีจุดเด่นในการยกกระชับผิว และอเล็กซานไดรต์เลเซอร์ที่เด่นในเรื่องกำจัดขนอยู่ในเครื่องเดียว แล้วแต่ว่าคนนั้น มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ดี Yello Toning ปลอดภัยกว่าสำหรับคนผิวคล้ำที่การใช้ IPL อาจทำให้ผิวไหม้ดำได้ง่าย

          หลังทำจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที โดยจะสังเกตได้ว่ารอยฝ้าและกระจางลง ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น สามารถทำได้สัปดาห์ละครั้ง หรือกรณีต้องการเร่งการรักษาสามารถทำได้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในกรณีที่ผิวไม่แห้ง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีปัญหาฝ้าและกระควรทำอย่างน้อย 10 ครั้ง โดยจะเห็นได้ชัดในครั้งที่ 8-10 และยังมีข้อดีอื่น ๆ คือจะช่วยยกกระชับใบหน้าพร้อมกับแก้ปัญหารูขุมขนกว้างได้ด้วย

      ใบหน้าหมองคล้ำ

          ไม่ว่าจะเป็นหน้าหมองจากแดด หรือมีฝ้า กระ กวนใจ พญ.ณัฐฐาภณิตา รพีพงษ์พัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ บอกว่าเทคโนโลยีช่วยได้

          3. Mesoradiance

          มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวขึ้น เพราะมีสารต่าง ๆ เช่น กลูต้าไธโอน, SOD Lightocean ที่ช่วยในเรื่องการป้องกันแสงแดด ทำให้ผิวเราไวต่อแสงน้อยลง เวลาเราฉีดลงไปจึงไม่ค่อยคล้ำ พร้อมกับทำให้ผิวกระจ่างใส เหมาะกับคนที่ผิวไวต่อแสง เช่น คนผิวคล้ำคนที่ออกแดดแล้วคล้ำง่าย และคนที่เล่นกีฬากลางแจ้ง

          ลักษณะในการผลักยาจะมีหลายแบบ แต่การใช้เข็มสะกิดยาลงบนใบหน้านั้น ยังไม่รับการอนุญาตในเมืองไทย (แต่อนุญาตเฉพาะตัวยา) จึงมีมีวิธีอื่น ๆ เช่น Skin Needing คือทำผิวให้เป็นแผลคล้าย Dermaroller แล้วก็ใส่ตัว Radiance ให้ผิวซึมซับเข้าไป อย่างบางคนกลัวเข็ม ไม่อยากมีรอยเข็มบนหน้า ก็ใช้วิธีการผลักยาโดยไม่ใช้เข็ม แต่ประสิทธิภาพของสองแบบแรกจะเห็นผลชัดเจนกว่า โดยต้องทำ 3-4 ครั้ง เว้นระยะ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง จึงเห็นผลชัดเจน

          4. Homeopathy

          คือหลักการรักษาโดยใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง ซึ่งในที่นี้คือใช้มาเดและคอลลาเจน โดยมาเดคือตัวสกัดจากวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินรวม สารอาหาร สารไวเทนนิ่ง รวมกับคอลลาเจน มาผสมผสานกับศาสตร์การฝังเข็ม 16 จุด เพื่อกระตุ้นให้เห็นเอฟเฟ็กต์ทั้งใบหน้า ซึ่งก็คือการล้างพิษออกจากเซลล์ผิว เพื่อเตรียมพร้อมให้เซลล์ผิวรับการรักษาอื่น ๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส ปัญหาสิวลดลง ปัญหาฝ้าและกระดีขึ้น ริ้วรอยต่าง ๆ ก็ลดน้อยลงด้วย

     อวบเป็นปล้อง ๆ

          จะอ้วนลงพุง จะแขนใหญ่ หรือขาใหญ่ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีกำจัดไขมันมีอยู่มากมายกับ พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ผิวพรรณ

          5. SmartLipo Laser

          คือการละลายไขมันโดยใช้แท่งไฟเบอร์ออพติกค่อย ๆ แทงเข้าไปทำให้เซลลูไลต์ที่เป็นก้อนอยู่แตกตัว แล้วไขมันจะถูกขับออกมาได้ง่ายขึ้น เราอาจลดได้สัก 1-7 เซนติเมตร สามารถทำได้ทุกส่วนที่ต้องการ อย่างเช่น ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขา

          ในขั้นตอนจะต้องมีการฉีดยาชา และมีอาการฟกช้ำบ้างเพราะแท่งไฟเบอร์ออพติกอาจไปสะกิดตรงเส้นเลือดจนทำให้ช้ำได้ แต่เป็นเรื่องปกติที่ไม่อันตราย คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที แต่ควรเลี่ยงกีฬาที่ใช้กำลังหักโหม งดการอาบน้ำอุ่น และหลีกเลี่ยงการนวด

          ข้อดีก็คือ ทำครั้งหนึ่งแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ถ้าเน้นเรื่องการรักษาสุขภาพกับการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ก็จะอยู่ได้นานไม่มีปัญหา

          6. Zeltiq

          คือการแช่แข็งไขมันโดยการส่งคลื่นความเย็นติดลบ 5 องศาเซลเซียส จนทำให้มันทำลายตัวเองแล้วถูกกำจัดออกตามกระบวนการธรรมชาติ

          ข้อดีคือ ไม่ต้องมีการใช้ยาชา ไม่ต้องใช้เข็ม บริเวณที่ทำการรักษานั้นจะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้และใช้เพลตเย็นประคบ หลังจากการรักษาอาจจะรู้สึกชา แต่ถ้ามีผื่นแดงขึ้นไม่หายก็ควรไปพบแพทย์ จะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังการรักษา 2-3 เดือน โดยปริมาณไขมันสะสมอาจลดลง 10-11% อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้เหมาะเฉพาะกับไขมันส่วนเกินในบางบริเวณ เช่น ใต้ปีกหลัง ท้องแขน สะโพก ต้นขา หน้าท้อง สำหรับคนที่เพิ่งคลอดลูก แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วนมาก ๆ


     ริ้วรอยมาเยือนบนใบหน้า

          เมื่อเส้นเล็ก ๆ หรือเส้นลึก ๆ มาเยือนใบหน้า เราจะพึ่งอะไรดี มาพบคำตอบกับ พญ.ปิยวดี จิตะสมบัติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง

          7. Botox

          หรือ Botulinum Toxin A ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังจะขัดขวางการส่งสัญญาณที่ทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหว และเมื่อกล้ามเนื้อขยับไม่ได้ ก็จะไม่เกิดเป็นรอยย่น

          Procedure & Effect

          ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อที่เป็นปัญหา อย่างเช่น รอยย่นที่คอ รอยย่นที่หน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว หรือตีนกา เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว และรอยย่นหายไป จะเห็นผลภายใน 3-7 วัน และแต่ละทรีตเมนต์ อาจมีผลประมาณ 3-8 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ดี นอกจากรอยช้ำ จากการฉีดยังอาจมีผลข้างเคียง อย่างเช่น ปวดศีรษะ คลื่นเหียน ปวดคอ บวม ชา ดังนั้น แม้เราจะเคยชินกับโบท็อกซ์ แต่ก็ประมาทไม่ได้และต้องอยู่ในมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ

          8. Filler

          คือสารที่เติมเต็มเข้าไปเพื่อให้ผิวนูนขึ้น ที่ใช้กันมากที่สุดก็คือกรดไฮยาลูรอน ใช้รักษาร่องแก้มที่เป็นรอย ใต้ตาโบ๋เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า แต่อาจใช้เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น เช่น ใช้ฉีดสารเติมเต็มเพื่อยกคิ้วขึ้นมา เดินขมับให้เต็ม ฉีดจมูกให้โด่ง เป็นสัน ทั้งนี้ กรดไฮยาลูรอนที่มีความเข้มข้นต่ำ ๆ อาจมีระยะเวลาออกฤทธิ์ประมาณ 6 เดือน บางชนิดมีผล 3-5 ปี แต่ก็ต้องจำไว้ว่ายิ่งมีระยะเวลานานเท่าใดก็ยิ่งมีผลข้างเคียงมากเท่านั้น เพราะร่างกาย เราอาจเห็นว่ามันเป็นสิ่งแปลกปลอมจนเกิดการต่อต้าน และทำให้เกิดอาการอักเสบ กลายเป็นก้อนแดง ๆ หรือว่าระคายเคือง


      แก้มย้วยเป็นพวงใหญ่

          สำหรับคนแก้มยุ้ยจนเลยคำว่าน่ารัก นพ.วรพล สุขีวัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวพรรณและความงาม จะมาตอบว่าสมัยนี้มีนวัตกรรมที่จะช่วยลดขนาดแก้มให้พอดีได้

          9. Mesofat

          Meso หมายถึงการฉีดสารอาหารหรือวิตามินเข้าไปใต้ผิวหนัง โดยใช้ปริมาณน้อย ๆ เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการในกรณีนี้ Mesofat จะทำให้ปริมาณไขมันลดลงด้วยการฉีดสารละลายไขมัน เช่น แอล-คาร์นิทีน, ฟอสฟาทิดิล-โคลีน หรือ PPC เข้าไป ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่ค่อยต่างกัน แต่ถ้าเป็นฟอสฟาทิดิลโคลีนคนไข้อาจจะมีปฏิกิริยาบวมแดงหลังจากฉีด 1-2 วัน

          กระบวนการฉีด

          จะฉีดเข้าไปบริเวณชั้นไขมัน ไม่เจ็บ โดยแพทย์จะประคบน้ำแข็งก่อน เดินยาช้า ๆ คนไข้จะรู้สึกหน่วง ๆ เล็กน้อย ซึ่งไขมันจะสลายไปทางระบบต่อมน้ำเหลือง ออกทางปัสสาวะหรือเหงื่อ ประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วค่อยมาฉีดใหม่ แต่ว่าบางทีต้องมาฉีดซ้ำ ขึ้นอยู่กับว่ามีปริมาณไขมันเยอะขนาดไหน ถ้าเยอะก็ต้องฉีด 3-5 ครั้ง ส่วนคนที่ไม่เยอะครั้งเดียวก็ลดลง

          10. Thermage

          เทอร์มาจ คือการส่งคลื่นวิทยุที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปยังชั้นผิวหนังแล้วลงสู่ชั้นไขมัน ทำให้ไขมันบางส่วนสลายไปความจริงเทอร์มาจจะถูกใช้ในการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่กลับพบว่าทำให้ไขมันบนหน้าลดลงด้วย โดยยิงครั้งเดียวจะอยู่ได้ถึง 1-2 ปี ในสมัยก่อนค่อนข้างเจ็บ แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาจึงทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลง


     รอยปานกวนใจ

          ถ้าผิวสวย ๆ ของเรามีรอยปานที่ไม่พึงประสงค์ จะมีเทคโนโลยีอะไรที่จัดการได้? พบคำตอบกันกับ พญ.ศิริวรรณ ตั้งเจริญชัยชนะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม

          11. Pigment Laser

          ใช้กับรอยปานที่มุ่งเป้าจับที่เม็ดสีเพื่อให้เม็ดสีแตกออก แล้วให้เซลล์ภูมิต้านทานนำออกจากร่างกาย ก็จะทำให้รอยปานจางลง หรืออาจใช้คู่กับยาที่ช่วยชะลอการผลิตเม็ดสีร่วมด้วย

          ข้อจำกัด คือขนาด ความลึก และประเภทของปาน ถ้าใหญ่มากก็อาจรักษาได้ไม่หายขาด แต่ก็สามารถช่วยให้ดูดีขึ้น และสีจางลงได้

          12. V-Beam Laser

          ใช้กับปานเส้นเลือด โดยยิงเพื่อให้เส้นเลือดถูกปิด และไม่มีเลือดไหลผ่าน เพื่อให้รอยแดงจางหายไป ซึ่งผลการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับความลึกและขนาดเช่นกัน แต่อาจมีการแดงกลับขึ้นมาใหม่ได้ จึงอาจต้องมีการรักษาซ้ำ


     +1 แผลเป็นหลุมสิว?

          ใช้ยารักษาไม่เพียงพอจริงหรือ?

          ในการรักษาหลุมสิว เราจะแบ่งหลุมสิวได้คือ 1) Ice Pick Scar หลุมสิวจิกลึกขอบแคบ ขนาดเล็ก รักษายากที่สุด 2) Box Scar จะเป็นหลุมรอยกว้าง ขอบยกเห็นชัด ซึ่งเกิดจากสิว หรือคนที่เป็นอีสุกอีใสแล้วตอนเด็ก ๆ ชอบไปแกะ 3) Rolling Scar เป็นรอยหลุมแบบแอ่งเว้า

          การรักษาหลุมสิวต้องใช้ความอดทนอย่างมาก และใช้เวลา โดยจะมีวิธี เช่น

          1. แต้มกรด TCA เหมือนเราไปคลินิกที่แพทย์จะใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มกับหลุมสิว ซึ่งจะทำให้เกิดการเร่งเซลล์ผิว หลังทำจะเป็นสะเก็ดดำหลุดไปเอง ต้องทำซ้ำทุกหนึ่งสัปดาห์

          2. การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี คือการใช้ผงอะลูมิเนียมออกไซด์พ่นโดยใช้สุญญากาศ ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ต้องทำหลายครั้งถึงจะได้ผลดี

          3.Dermapoint คือการใช้เข็มเล็ก ๆ จิ้มบริเวณหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่จึงทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ได้ผลค่อนข้างดี แต่มีข้อเสียคือ ค่อนข้างเจ็บ และต้องประคบยาชา

          4.Subcision คือการใช้เข็มเข้าไปแซะที่ก้นหลุมเพื่อแซะพังผิดออก เหมาะกับคนที่มีหลุมไม่มากและมีขนาดใหญ่ อาจจะใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่นเพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้น

          5. ใช้เลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser (หรือที่รู้จักกันในชื่อการค้า เช่น Fraxel, Fine Scan, E-Matrix) เป็นการรักษารอยหลุม ริ้วรอย ให้ได้ผลชัดเจน หลักการก็คือ ปล่อยคลื่นแสงอนุภาคเล็ก ๆ ทำให้เกิดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนัง จากนั้น ผิวก็ซ่อมแซมตัวเองโดยการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่

          การรักษาหลุมสิวต้องใช้วิธีต่าง ๆ มาผสมผสานกัน โดยที่แพทย์จะใช้วิธีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน สำหรับยาที่มีขายตามท้องตลาด, IPL และการใช้ยารับประทานไม่ได้ผล ยาทาแผลเป็นอาจจะช่วยได้กับรอยดำสิว แผลเป็นนูน ส่วน IPL ก็จะช่วยให้หน้าใสขึ้น นพ.วรพล สุขีวัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวพรรณและความงาม












เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กำราบปัญหาความงามด้วย 13 เทคโนโลยีสวยทันใจ อัปเดตล่าสุด 27 เมษายน 2555 เวลา 16:41:24 1,062 อ่าน
TOP