เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
นี่เป็นปัญหาที่เราถกเถียงกันมาตั้งเป็นร้อยปีว่า "ระหว่างหญิงกับชาย เพศใดกันแน่ที่ฉลาดกว่ากัน" และคำตอบที่เราได้ตลอดมาก็คือผู้ชายเป็นฝ่ายที่ฉลาดกว่าอยู่เสมอไป แต่ผลการทดสอบล่าสุดก็เกิดพลิกล็อค เมื่อปรากฏว่าผู้หญิงกลับกลายเป็นฝ่ายทำคะแนนผลการทดสอบไอคิวได้ดีกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในการทำแบบทดสอบในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา!
เว็บไซต์เทเลกราฟและสำนักข่าวเอบีซีนิวส์รายงานว่า ผลการวิจัยและแบบทดสอบชิ้นนี้ทำขึ้นโดยโปรเฟสเซอร์เจมส์ ฟลินน์ จากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบแบบทดสอบไอคิวที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยได้เก็บข้อมูลจากผู้ทำแบบทดสอบไอคิวที่เรียกว่า ราเวน (Raven Test) ทดสอบทั้งหญิงและชาย ฝ่ายละ 500 คน อายุระหว่าง 15-18 ปี จากประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟฟริกาใต้ เอสทัวเนีย และอาร์เจนตินา ผลปรากฏว่าผลคะแนนโดยเฉลี่ยของฝ่ายหญิงมากกว่าฝ่ายชายราว 1/2 - 1 คะแนน ซึ่งต่างจากผลทดสอบไอคิวในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด โดยใบผลการทดสอบเก่า ๆ นั้น ฝ่ายหญิงจะมีคะแนนทดสอบต่ำกว่าฝ่ายชายอยู่ที่ 1-5 คะแนน
หลาย ๆ คนพยายามอธิบายผลทดสอบที่ออกมาเช่นนี้ โดยทฤษฎีหนึ่งได้อธิบายว่า เป็นเพราะช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายสตรีเพศต้องจัดการกับทั้งเรื่องการดูแลครอบครัวและการทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวไปพร้อม ๆ กัน ต่างกับแต่ก่อนที่ผู้หญิงมักเป็นแต่แม่บ้านเท่านั้น ในขณะที่อีกทฤษฎีหนึ่งก็อธิบายว่า ผู้หญิงเองมีความสามารถนี้ซุกซ่อนอยู่มานานแล้ว แต่เพิ่งจะถูกกระตุ้นให้ดึงออกมาใช้เท่านั้นเอง
ทางด้านโปรเฟสเซอร์ฟลินน์ พูดถึงผลการทดสอบนี้ว่า มันสมองของคนในยุคปัจจุบันมีการเติบโตไปต่างจากเดิมมาก มีความสามารถในการปะติดปะต่อเชื่อมโยงข้อมูลที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม จึงทำให้ระดับไอคิวโดยเฉลี่ยสูงขึ้นด้วย โดยในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ผู้คนทั่วในประเทศกำลังพัฒนามีคะแนนไอคิวโดยเฉลี่ยสูงขึ้น 3 คะแนน และเป็นฝ่ายหญิงที่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้รวดเร็วกว่าฝ่ายชาย "หากเป็นประเทศที่ให้สิทธิ์แก่สตรีเทียบเท่ากับผู้ชายแล้วล่ะก็ จะพบว่าพวกเธอก็มีไอคิวเทียบเท่ากับผู้ชายเช่นกัน" โปรเฟสเซอร์กล่าว ส่วนข้อมูลด้านการวิเคราะห์ถึงสาเหตุและความเปลี่ยนแปลงด้านไอคิวนี้จะถูกนำไปอธิบายอย่างละเอียดอีกครั้งในหนังสือของเขาที่จะตีพิมพ์ในเดือนกันยายนนี้
