เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สำหรับผู้หญิงแล้วต่อให้อายุล่วงไปมากขนาดไหนในใจก็ยังห่วงเรื่องความสวยความงามอยู่ดี และมันก็เป็นเรื่องที่ดีแน่นอนที่ผู้หญิงอย่างเรายังเอาใจใส่ดูแลตัวเองให้ดูดีตลอดเวลา โดยเฉพาะกับสาวรุ่นใหญ่ในวัย 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ต้องยอมรับว่าผิวพรรณและโครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนแปลงจากสมัยยังสาวไปบ้างไม่มากก็น้อย การดูแลเรื่องผิวพรรณก็ต้องเอาใจใส่ให้ตรงกับความต้องการของผิวมากขึ้น ส่วนการแต่งหน้าก็ต้องแต่งให้เหมาะสมกับวัยด้วย และการแต่งหน้าที่จะทำให้สาวรุ่นใหญ่วัย 50 กว่า ๆ ยังดูสดใสได้จะต้องทำอย่างไรกันบ้าง ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะ
1. เพิ่มความสดใสให้เรียวปากเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ริมฝีปากมักจะบางลง จึงอาจทำให้รอยยิ้มดูไม่สดใสเหมือนเคย เพื่อทำให้ริมฝีปากดูอิ่มเต็มและกลับมาสดใสอีกครั้ง ให้ใช้ลิปไลน์เนอร์สีเดียวกับริมฝีปากเขียนขอบปากให้เห็นชัดเจน จากนั้นทาลิปสติกแล้วตามด้วยลิปกลอสเพื่อเพิ่มความแวววาว นอกจากนี้ให้เลี่ยงการใช้ลิปไลน์เนอร์สีเข้มเกินจริง เพราะจะยิ่งเพิ่มอายุให้ดูแก่ขึ้นนั่นเอง
2. เพิ่มความเด่นชัดให้ดวงตาผู้หญิงหลายคนพบว่าเมื่ออายุมากขึ้นรูปทรงของดวงตาของพวกเธอก็ดูเปลี่ยนแปลงไปด้วย มันดูเล็กลงกว่าเดิม ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส ซึ่งสามารถเพิ่มความคมชัดกลับคืนสู่ดวงตาได้ด้วยการเขียนขอบตา ซึ่งใช้ได้ทั้งดินสอเขียนขอบตาและอายไลน์เนอร์ แต่อย่างไรก็ดี การเลือกผลิตภัณฑ์เขียนขอบตาที่ให้เส้นที่ดูนุ่มนวลจะทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้มากกว่าการกรีดตาคม ๆ ค่ะ
3. เขียนคิ้วให้เต็มเมื่อคิ้วเริ่มบางและจางก็ต้องเติมให้เต็ม ยิ่งคิ้วคมชัดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าดูสดชื่นได้เท่านั้น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นในเฉดที่เข้มกว่าสีผมของคุณหนึ่งเฉด เขียวคิ้วให้ได้รูป และเติมช่วงขนคิ้วที่แหว่งหรือบางให้เต็ม
4. เลี่ยงการใช้อายแชโดว์ที่มีชิมเมอร์ประกายแวววาวที่ดวงตาไม่ได้ทำให้สาวใหญ่ดูเด็กหรือดูสดใสขึ้น ผลที่ได้มักกลับกันคือยิ่งเน้นให้เห็นริ้วรอยและความเหี่ยวย่นที่เปลือกตาได้ง่ายกว่าเดิม เพราะฉะนั้นโบกมือลาอายแชโดว์แบบมีประกายชิมเมอร์ไปได้เลยค่ะ
5. ใช้รองพื้นแต่พอดีต้องยอมรับว่าผิวหน้าของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้วย่อมมีริ้วรอยและความเหี่ยวย่นเป็นธรรมดา และนั่นก็เป็นปัญหาที่คนในวัยนี้ต่างประสบเหมือน ๆ กัน จึงไม่จำเป็นที่คุณจะต้องทารองพื้นทั่วทั้งหน้าเพื่อกลบเกลื่อนปัญหา ให้ใช้รองพื้นเฉพาะบริเวณที่ต้องการปกปิดมาก ๆ เท่านั้นก็เพียงพอ และหันมาใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบเจือสีแทน (tinted moisturizer) สำหรับคุณผู้หญิงในวัยนี้ขอให้ระลึกไว้ว่า less is more ค่ะ แต่งหน้าแต่น้อย ๆ ข้ามขั้นตอนการใช้เมคอัพที่ไม่จำเป็นไป ก็จะทำให้คุณดูสวยมากทีเดียว
6. เติมความสดใสด้วยบลัชออนรูปหน้าของสาวใหญ่จะเริ่มตอบลงและเห็นโหนกแก้มได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในการปัดบลัชออนสำหรับคุณผู้หญิงในวัยนี้ให้ปัดทั่วทั้งพวงแก้มหรือส่วนที่นูนออกมายามที่คุณยกยิ้ม จากนั้นเบลนด์ให้สีดูระเรื่อเข้ากับผิวดี ห้ามปัดเน้นเฉพาะแค่ที่โหนกแก้มเชียว เพราะจะยิ่งทำให้ใบหน้าดูตอบลง
7. ปัดมาสคาร่าแค่ขนตาบนอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเมื่ออายุมากขึ้นดวงตาจะดูเล็กลงเนื่องมาจากหนังตาตก ขนตาก็ดูทิ่มลงและบางลงด้วย เพราะฉะนั้นการปัดมาสคาร่าเป็นไอเดียที่ดีที่จะเพิ่มความสดใสให้แก่ดวงตา เลือกใช้มาสคาร่าสูตรเพิ่มความหนาให้กับขนตา และปัดเฉพาะขนตาบนเท่านั้น เลี่ยงการปัดมาสคาร่าและการเขียนขอบตาที่ด้านล่างเสีย เพราะนอกจากจะทำให้ดวงตาของคุณดูเล็กลงแล้ว มันยังจะเปรอะเปื้อนง่ายด้วย
8. ไพรม์เมอร์ช่วยให้หน้าเปล่งปลั่งก่อนหน้านี้คุณอาจจะไม่เคยใช้ไพรม์เมอร์มาก่อน แต่หากผิวของคุณเริ่มมีอายุมากขึ้นแล้ว นี่เป็นตัวเลือกที่ขอแนะนำเลยค่ะ เลือกไพรม์เมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวดูกระจ่างขึ้น (illuminating primer) นอกจากจะเป็นการเตรียมผิวหน้าช่วยให้เครื่องสำอางติดทนขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างขึ้นแบบไม่หลอกตาด้วย
9. ใช้คอนซีลเลอร์ที่หัวตาและหางตาคอนซีลเลอร์ไม่ได้มีประโยชน์แค่ใช้เพื่อปกปิดจุดด่างดำและรอยคล้ำที่ถุงใต้ตาเท่านั้น คุณสามารถใช้มันแต้มที่หัวตาและหางตาซึ่งเป็นจุดที่ผิวดูคล้ำกว่าส่วนอื่นได้ด้วย (ยิ่งอายุมากยิ่งสังเกตเห็นความหมองคล้ำได้ง่าย เนื่องจากผิวไม่ชุ่มชื้นเหมือนเคย) มันจะช่วยให้รอบ ๆ ดวงตาของคุณดูสว่างขึ้น ทำให้เห็นดวงตาที่สดใสได้ชัดเจน
10. เลือกใช้อายแชโดว์สีบางเบาอายแชโดว์ที่ให้สีสด มีเม็ดสีที่แน่นและชัดเจนอาจไม่เหมาะกับคุณอีกต่อไป ยิ่งอายแชโดว์สีเข้มมากก็จะยิ่งทำให้ดวงตาของคุณดูโหลลึกมากขึ้นไปด้วย ฉะนั้นให้เลือกใช้อายแชโดว์สีอ่อน ๆ ในโทนที่เป็นธรรมชาติ จะได้ลุคที่ดูสดใสและอ่อนเยาว์กว่าค่ะ
ยิ่งอายุมากขึ้นผู้หญิงยิ่งต้องดูแลตัวเองให้พิถีพิถันกว่าที่เคย และยิ่งเป็นเรื่องการแต่งหน้าก็ต้องเลือกวิธีการแต่งที่เหมาะสมกับวัยด้วย รับรองว่าต่อให้อายุมากก็จะยังดูดีได้เสมอเลยล่ะค่ะ
