เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไทยรั้งตำแหน่งประเทศแห่ง CEO ที่มีผู้บริหารหญิงจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับแรกของโลก ตามการรายงานจากแกรนท์ ธอร์นตัน บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำระดับโลก ซึ่งได้เปิดเผยโผนี้ในวันที่ 8 มีนาคม อันเป็นวันสตรีสากล โดยตำแหน่ง CEO ในประเทศไทยถึง 49% เป็นของสุภาพสตรี ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลก
นอกจากนี้ หากดูตามสถิติเฉลี่ยรวมผู้ดำรงตำแหน่งระดับซีเนียร์ เมเนเจอร์ ที่เป็นผู้หญิงจากทั่วโลก ในปี 2013 นั้นอยู่ที่ 23% กระเถิบขึ้นมาจาก 21% และ 20% ในปี 2012 และ 2011 ตามลำดับ โดยงานด้านสารธารณสุข คือสายงานที่มีผู้จัดการระดับซีเนียร์ เมเนเจอร์ เป็นผู้หญิงมากที่สุด (45%) และสายงานที่น้อยที่สุดคือการก่อสร้างและทำเหมือง (19%)
จีนเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้หญิงดำรงตำแหน่งซีเนียร์ เมเนเจอร์ มากเกินครึ่ง คืออยู่ที่ 51% นอกจากนี้ยังพบว่า ประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตจะมีความหลายหลากในด้านทีมซีเนียร์ เมเนเจอร์กว่าประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างมาก โดยในโซนอาเซียน และเอเชีย-แปซิฟิก มีสัดส่วนผู้จัดการหญิงระดับซีเนียร์ เมเนเจอร์ ที่ 32% และ 29% ตามลำดับ ในขณะที่ไทยก็ไม่น้อยหน้า มีอัตราส่วนอยู่ที่ 36% ทางด้านกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วกลับมีสัดส่วนผู้จัดการที่เป็นเพศหญิงอยู่ต่ำกว่ามาก เช่น กลุ่ม G7 (แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ) อยู่ที่เพียง 21% เท่านั้น และเมื่อแยกออกเป็นแต่ละประเทศ สองยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างอังกฤษและอเมริกา กลับตกไปอยู่ในกลุ่ม 8 อันดับสุดบ๊วยของโผ คือมีสัดส่วนของซีเนียร์ เมเนเจอร์ผู้หญิงเพียง 19% และ 20% ในขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งประเทศพัฒนาแล้วในโซนเอเชียแต่ยังมีค่านิยมเรื่องชายเป็นใหญ่ปนอยู่ ก็ยิ่งต่ำกว่าคืออยู่ที่เพียง 7% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนนี้น่าจะมีนัยเกี่ยวข้องกับอัตราการเติบโตของ GDP ที่ต่ำเตี้ยของทั้งสามประเทศในปีที่ผ่านมาด้วย โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ -0.1%, 2.2% และ 1.9% ตามลำดับ ทิ้งให้ประเทศมหาอำนาจใหม่ของโลกอย่างจีน มี GDP แซงหน้าไปที่ 7-8%
ผลจากการสำรวจครั้งนี้จึงชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่า เพศหญิงกลายเป็นผู้มีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษกิจในประเทศกำลังพัฒนา รวมไปถึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทั้งยังคอยถ่วงดุลการอนุมัติ หรือกระบวนการใด ๆ ภายในองค์กร และยังทำให้สภาพการบริหารและการทำงานเป็นไปอย่างนุ่มนวลอีกด้วย
