เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ลงว่า เมื่ออายุยิ่งมากขึ้นสภาพร่างกายก็ยิ่งถดถอยลงไปทุกวัน ทั้งผิวพรรณความงาม ไม่เว้นแม้แต่เส้นผมที่เมื่อก่อนเคยนิ่มสลวย แต่พอเวลาผ่านไปก็กลับกลายสภาพเป็นผมที่ลีบแบน แห้งหยาบ หาความนุ่มสลวยแทบไม่เจอ แต่อย่าเพิ่งวุ่นวายใจไปเปล่า เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีเคล็ดลับคงสภาพเส้นผมให้ดูมีชีวิตชีวา สวยงามเหมือนสาวแรกรุ่นอยู่เสมอมาฝากกันค่ะ
1. ใช้แชมพูน้อย ๆทราบไหมคะว่าการที่เราสระผมแต่ละครั้ง เราจะสูญเสียน้ำมันธรรมชาติในเส้นผมไปเท่าไร โดยเฉพาะกับคนที่เริ่มมีอายุที่ร่างกายจะลดการผลิตน้ำมันในเส้นผมด้วย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมยิ่งมีอายุมากขึ้น ความเงางามในเส้นผมจึงยิ่งลดลง ทำให้ผมที่เคยเงางามกลับดูแห้งและหยาบกระด้างไม่นิ่มนวลเอาได้ ดังนั้นในเมื่อน้ำมันธรรมชาติที่ร่างกายเราผลิตมีปริมาณน้อยกว่าเมื่อก่อน เราจึงจำเป็นต้องเลี่ยงทุกวิถีทางไม่ให้ผมเราสูญเสียน้ำมันธรรมชาติไปมากกว่านี้ วิธีง่าย ๆ ก็แค่สระผมด้วยแชมพูในปริมาณน้อย ๆ และเน้นสระเฉพาะที่โคนผม เพื่อล้างฝุ่นและความสกปรกส่วนเกินออกจากโคนผม ให้รากผมส่งสารอาหารต่าง ๆ มาได้สะดวกขึ้น และจะดีกว่าหากเลือกใช้แชมพูสูตรที่ผสมมอยส์เจอไรเซอร์ หรือแชมพูสูตรปกป้องสีผม เพราะเป็นสูตรที่ทำลายน้ำมันธรรมชาติในเส้นผมได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ หลังสระผมทุกครั้งต้องล้างแชมพูและครีมนวดออกจากผมให้สะอาดหมดจด อย่าให้เหลือตกค้างบนผมเด็ดขาด
2. อ่อนโยนกับผมเปียกผมที่เปียกเปราะบางและหักง่ายกว่าปกติ เราจึงไม่ควรใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมแรง ๆ ในตอนที่ผมเปียก แต่ควรจะใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ ซับแทนจะดีกว่า หรือจะใช้หวีซี่ห่าง ค่อย ๆ สางผมเพื่อไม่ให้ผมพันกันยุ่งเหยิงก็ได้ นอกจากนี้ควรบำรุงผมอย่างล้ำลึก ด้วยทรีทเม้นท์สูตรเข้มข้นที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันสกัดจากดอกทานตะวัน และน้ำมันสกัดจากมะพร้าวสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างต่ำ เพื่อบำรุงให้ผมสลวยเงางามอยู่เสมอ
3. เลี่ยงความร้อนลักษณะผมที่แห้งเสีย หยาบกระด้าง ไม่นิ่มน่าสัมผัส เป็นผลพวงมาจากการใช้ความร้อนจากไดร์เป่าผม เครื่องรีดผม และเครื่องม้วนผมไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากใช้อุปกรณ์เหล่านี้จัดแต่งทรงผมอยู่ทุกวันก็คงจะมีผมสวยได้ยาก แม้จะโหมบำรุงผมไปมากเท่าไรก็ตาม ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ก็ควรจะเลี่ยงทำร้ายผมด้วยความร้อนจากอุปกรณ์เหล่านี้ หรืออย่างน้อย ๆ ก็เลือกใช้ไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟ 2,000 วัตต์ขึ้นไป และใช้ระดับความร้อนที่ต่ำที่สุดเป่าผม หรือถ้าเป็นเครื่องรีดผม เครื่องม้วนผมไฟฟ้า ก็ควรปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 300 องศา และที่สำคัญก่อนจะจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนให้เส้นผมด้วยทุกครั้งนะคะ
4. ปกป้องสีผมสำหรับคุณผู้หญิงที่นิยมเพิ่มสีสันให้ผมตัวเอง วิธีง่าย ๆ ที่จะปกป้องสีผมไม่ให้ซีดจางดูสูงอายุก็คือ สวมเครื่องกรองน้ำให้ฝักบัว เพื่อให้กรองคลอลีนและแร่ธาตุในน้ำที่สามารถทำลายสีผมให้หลุดหายไปได้ เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และสุดท้าย เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีค่า SPF เป็นส่วนประกอบด้วย เพื่อป้องปกรังสียูวีที่จะทำลายสีผมของเราให้ซีดจางไปได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ก็ควรหมั่นบำรุงผม และล้างสารเคมีให้ผมเป็นประจำทุกเดือนด้วยจ้า
5. เลี่ยงการมัดผมแน่น ๆกำลังฮิตกันเลยกับทรงผมดังโงะ ที่ต้องมัดผมสูง ๆ แล้วขมวดเป็นก้อนกลม ๆ ดูคิกขุอยู่กลางศีรษะ แต่รู้ไหมคะว่า การมัดผมสูง ๆ แบบนี้ก็เป็นการทำร้ายเส้นผมและรากผมอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้รากผมหักงอ และลีบแบนแลดูสุขภาพไม่ดี รวมไปถึงเจลแต่งผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผมที่ทำให้ผมแข็งอยู่ทรงก็ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากไม่อยากมีผมลีบแบนเหมือนสาวสูงอายุ ก็ปล่อยผมให้อยู่สบาย ๆ ตามธรรมชาติบ้าง เพื่อให้รากผมได้พักผ่อน และทิ้งตัวสลวยเหมือนสาวแรกรุ่น
6. หยุดผมหลุดร่วงปัญหาผมหลุดร่วงเป็นปัญหาที่เกิดจากผมเสีย และมักจะเป็นปัญหาที่พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งวิธีที่เราจะหยุดปัญหานี้ได้ก็คือ เลือกใช้แชมพูมีค่า pH ต่ำ เพราะจะช่วยให้รากผมปิดได้เร็วขึ้น ลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้มากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า การหวีผมบ่อย ๆ ไม่ได้ทำให้ผมหลุดร่วงเพิ่มขึ้นอย่างที่เชื่อกันมาตลอด แต่การทำร้ายผมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การดัด ย้อม ยืด ต่างหากที่จะทำให้ผมเสีย และหลุดร่วงได้มากขึ้น
รู้เคล็ดลับดูแลเส้นผมให้สวยงามไม่เปลี่ยนกันแล้ว คราวนี้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปกี่ปี หรือจะมีอายุเพิ่มขึ้นสักเท่าไร ก็ไม่ต้องกังวลว่าสภาพผมจะแก่ชราตามเราไปอย่างแน่นอน
