เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kevindjakpor.blogspot.com
การศัลยกรรมทำให้เราดูดีขึ้น ..และบางครั้งทำให้ก็ดูดีเสียจนรู้สึกติดอกติดใจและยากที่จะยอมรับในสิ่งใด ๆ ที่จัดว่าไม่เพอร์เฟคท์สำหรับตัวเอง กรณีนี้คงไม่ต่างไปกับกรณีของ เจนนี่ ลี คุณแม่ลูกสองชาวอเมริกัน ผู้เริ่มเป็นที่รู้กจักในวงกว้างจากการออกรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ ในปี 2004 ในฐานะหญิงผู้หนึ่งที่พาตัวเองผ่านการศัลยกรรมต่าง ๆ ถึง 26 ครั้ง และตอนนี้เธอได้รับเชิญให้กลับมาออกรายการอีกครั้งในรายการ Where Are They Now ? ของพิธีกรคนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือรูปร่างที่สังเกตเห็นได้ชัดว่าอ้วนขึ้น รวมถึงจำนวนการศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้นอีก 33 ครั้ง เธอรู้ดีว่ากำลังจะให้การศัลยกรรมเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตมากเกินไป และในตอนนี้เธอกำลังพยายามรักในสิ่งที่ตัวเองเป็นในปัจจุบันให้ได้ แม้ว่ามันจะยากมากสำหรับเธอเหลือเกิน
ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมลระบุว่า เจนนี่ค่อนข้างขาดความมั่นใจและไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาตั้งแต่วัยแรกรุ่น และนั่นกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอทำศัลยกรรมรวมถึง 26 ครั้ง ในช่วงวัยก่อน 28 ปี ไม่ว่าจะเป็นเสริมหน้าอก ยกกระชับ ฉีดปาก แก้รูปจมูก จนกลายเป็นสาวสวยด้วยมีดหมอที่ถูกรับเชิญไปออกรายการของพิธีกรชื่อดังในปี 2004 ในเวลานั้นเธอยอมรับว่าไม่รู้สึกรักในสิ่งที่ตัวเองเป็นเลย
"ฉันพยายามจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น แต่เมื่อได้มองดูตัวเองในกระจก ฉันก็ยังไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ดี ทั้งที่ฉันรู้ดีว่าหากแค่โอเคกับตัวเองที่เห็นในนั้น ฉันก็จะมีความสุขกว่านี้มาก" เจนนี่กล่าว
ความรู้สึกนี้ทำให้ภายหลังจากปี 2004 เธอนำพาตัวเองเข้าไปสู่กระบวนการศัลยกรรมอีกถึง 33 ครั้ง รวมกระบวนการศัลยกรรมที่เธอผ่านมาแล้วตลอดชีวิตจึงมากถึง 59 ครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้เธอพอใจกับตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะส่วนของจมูกที่เธอทำมารวมทั้งหมด 4 ครั้ง และรู้สึกว่ามันเพอร์เฟคท์มากที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายที่เรื่องอื่น ๆ กลับไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ
หนึ่งในเรี่องนั้นก็คือความกังวลว่าลูกสาวคนโตจะซึมซับสิ่งที่เธอเป็นเข้าไป เพราะตลอดเวลาที่ลูกเติบโตขึ้นมานั้นเธอยังคงเข้า ๆ ออก ๆ คลินิกและโรงพยาบาลเพื่อทำศัลยกรรมเป็นว่าเล่น ลูกไม่เคยเห็นหน้าตาธรรมชาติที่แท้จริงของเธอเลยหากไม่ใช่ในภาพถ่ายเก่า ๆ แม้กระทั่งหลังจากคลอดลูกคนที่สองแล้ว เธอก็ยังตัดสินใจที่จะยกกระชับให้เนื้อตัวกลับมาเฟิร์มเหมือนเดิม แต่ในที่สุดเจนนี่ก็รู้ตัวว่าเธอจะถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เธอหยุดการศัลยกรรมทุกอย่าง และคิดบวกให้พอใจแล้วกับสิ่งที่ตัวเองเป็น ทว่าก็เป็นเวลาเดียวกับที่อาการของโรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) หรือโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังรุมเร้าเธออย่างหนัก มันไม่เพียงทำให้เธอรู้สึกปวดล้าทั่วร่างกายอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังส่งผลข้างเคียงให้เธออ้วนบวมขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันส่งผลถึงสภาพจิตใจที่พยายามจะรับให้ได้ในสิ่งที่ตัวเป็นอย่างร้ายแรง
ไม่ว่าจะรู้สึกย่ำแย่กับรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างไร คิดถึงตัวเองตอนที่ยังดูดีกว่านี้มากแค่ไหน เจนนี่ก็ตั้งใจเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ขอกลับไปพึ่งมีดหมออีก อย่างน้อยก็เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกสาว โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่เธอพร่ำสอนอยู่เสมอว่าโปรดจงรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น อันเป็นคำสอนเดียวกับที่เธอบอกกับตัวเองอยู่ทุกวัน โชคดีที่มีสามีคอยอยู่เคียงข้างและรักเธอเช่นเดิมเสมอมาไม่ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร ในตอนนี้จึงนับว่าเธอมีความสุขมากที่สุดแล้วโดยไม่ต้องมีการศัลยกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตแม้แต่น้อย และหวังว่าวันเวลาจะทำให้เธอเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ และรักในเงาสะท้อนของตัวเองที่เห็นในกระจกได้อย่างหมดหัวใจเสียที
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ