เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แค่มีสิวผุดขึ้นที่หน้าก็แทบจะกรี๊ดแล้ว แต่พอรักษาสิวจนหาย กลับต้องมารันทดซ้ำสองกับรอยแผลเป็นจากสิวอีก เป็นใครเจอปัญหาแบบนี้เข้าคงจะกลุ้มกันน่าดูล่ะสิ และถ้ากังวลกับรอยสิวมาก แต่ไม่รู้จะหาวิธีไหนมากำราบเจ้ารอยแผลเป็นจากสิวดี วันนี้เราก็มีสารพัดวิธีกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวมาฝาก ถูกใจวิธีไหนก็เลือกใช้กันได้ตามสบายเลยจ้า
เลเซอร์ลบรอยสิว
การรักษารอยแผลเป็นด้วยการใช้เลเซอร์เป็นวิธีใหม่ที่ฮอตฮิตไม่น้อย เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ แต่ถึงแม้แนวโน้มรอยแผลเป็นจากสิวจะจางลงแบบการันตีได้ ก็ยังมีความเสี่ยงจะเกิดรอยแผลเป็นใหม่ได้พอ ๆ กัน เพราะการใช้เลเซอร์รักษารอยแผลเป็นจากสิว จะช่วยลบรอยสิวให้จางลง พร้อม ๆ กับกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ให้เกิดขึ้น หลังการรักษาผิวเลยมีอาการบวมแดงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งช่วงเวลานี้จะต้องพันผ้าพันแผลเอาไว้ที่แผลเกือบจะตลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งก็ยังห้ามโดนน้ำ ห้ามแต่งหน้าจนกว่าแผลจะแห้งด้วย ซึ่งก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ผิวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่พอแผลแห้งเรียบร้อยก็จะเห็นได้ชัดว่ารอยแผลเป็นต่าง ๆ จางลงมาก และผิวก็เรียบเนียนขึ้นด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ค่ารักษาจะมีราคาที่สูงตาม
การบำบัดด้วยวิธีกรอผิวหน้า (Dermabrasion)
เดอร์มาเบรชั่น (Dermabrasion) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี เพื่อให้ผิวชั้นนอกหลุดออกไป จนถึงชั้นผิวหนังแท้ มีไว้สำหรับลบรอยแผลเป็นจากสิว กระลึก และฝ้า วิธีนี้เป็นการผลัดเซลล์ผิวแบบฉับพลัน รอยสิวจึงดูจางลง ซึ่งแม้จะไม่มากนัก แต่ก็สามารถช่วยบรรเทารอยแดงจากสิวลงไปได้บ้าง และถ้าอยากจะกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวให้เกลี้ยง ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่องค่ะ
ลบรอยสิวด้วยครีมและเจล
หากไม่อยากพึ่งวิธีทางการแพทย์อย่างเลเซอร์หรือการผ่าตัด ก็มีตัวเลือกในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวด้วยการใช้ครีมและเจลอยู่ไม่น้อย ซึ่งครีมเหล่านี้มักจะมีส่วนผสมของวิตามินอี และสารอื่น ๆ ที่มีสรรพคุณช่วยลบเลือนริ้วรอยแผลเป็นจากสิวให้จางลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษาถึง 6 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น และผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย
ฉีดคอลลาเจนเติมรอยแผลเป็นหลุมลึก
การฉีดคอลลาเจนเติมเซลล์ผิวให้ตื้นขึ้น เป็นวิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก ซึ่งจะช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแน่นอน แต่ก็เป็นการรักษาแบบชั่วคราวเท่านั้น อีก 6 เดือนให้หลัง ก็ต้องฉีดคอลลาเจนเข้าไปใหม่ ซึ่งค่ารักษาก็มีราคาที่สูงไม่ใช่น้อยเลยล่ะค่ะ
ถ้าเกิดสิวขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมีรอยแผลเป็นจากสิวกันบ้างไม่มากก็น้อย ส่วนใครสนใจวิธีการรักษารอยแผลเป็นจากสิวกันยังไงก็เลือกกันได้ตามสบายเลยนะคะ หรือทางที่ดีก็รักษาความสะอาดบนใบหน้าให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดสิว จัดการตัวต้นเหตุให้อยู่หมัดก่อนเลยน่าจะเวิร์คที่สุดเนอะ