x close

ชีวิตหลังแต่งงาน วาเนสซ่า - กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์

วาเนสซ่า กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ

วาเนสซ่า - กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์


วาเนสซ่า  กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ (ตี้) (Woman’s Story)

          ฉบับนี้คอลัมน์ Love ขอนำเสนอเรื่องราวความรักความผูกพันของครอบครัวที่ลงตัวกับคำว่า "ใช่"อย่างสมบูรณ์แบบ ครอบครัวที่ว่านี้เป็นครอบครัวน่ารัก ๆ ของ คุณวาเนสซ่า บีเวอร์ สีมานะชัยสิทธิ์ ที่ห่างหายไปจากวงการบังเทิงไปพอสมควร นั่นก็เพราะเธอกำลังสร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่น ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าได้อย่างที่ตั้งใจ และมีพยานรักแล้วหนึ่งคนคือ น้องวินเธอร์ ที่กำลังซน น่ารักเลยทีเดียว อยากรู้ว่าครอบครัวในแบบฉบับที่ "ใช่" สำหรับคุณวาเนสซ่าเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ...

เริ่มแรกมารู้จักกันได้ยังไงคะ

          วาเนสซ่า : เริ่มแรกที่รู้จักกันคือเค้าเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีหนึ่งค่ะ (ยิ้ม) ตอนนั้นก็วัยรุ่นเหมือนไปเที่ยวกัน ไปนั่งกินข้าวอะไรด้วยกัน แล้วเพื่อนก็แนะนำให้รู้จัก เพราะเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งเค้าก็มีแฟนอยู่แล้วนะคะ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เค้าห่างกับแฟน แล้วเราก็ไม่มีแฟน ไม่มีอะไร (หัวเราะ) เค้าก็เลยโทรมาถามเพื่อนว่าเรามีแฟนรึเปล่า หลังจากนั้นเค้าก็โทรมาคุย เราคุยกันทุกวันแทบจะตลอดเวลา คือถ้ามีเวลาว่างต้องโทรคุยล่ะ คุยจนรู้หมดไส้หมดพุงกันค่ะ (หัวเราะ)

          วาเนสซ่า : แล้วด้วยว่าคนเราเวลาที่ชีวิตมันผ่านอะไรมาเยอะ เหมือนกับว่าความคิดความต้องที่จะมองอนาคตมันเหมือนกัน อยากจะเดินไปในเส้นทางนี้ วางแผนอะไรที่มันเหมือนกัน แม้กระทั่งการพูด นิสัยใจคอก็แทบจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง ไม่น่าเชื่อเลย ก็เลยรู้สึกว่าใช่...ผู้ชายคนนี้คือคนที่ใช่ ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ที่เราคุยกันทุกวันแล้วก็เจอกันด้วย จนในที่สุดก็มาคิดเรื่องแต่งงานเรามาแต่งงานกันดีมั้ย เพราะเราสองคนก็ผ่านอะไรมาเยอะแล้วล่ะ เค้าก็อยากจะมีลูกอยากจะมีครอบครัว เหมือนกันเราก็อยากจะเป็นแบบนั้น ความต้องการมันเหมือนกัน ก็เลยมาคุยเรื่องแต่งงานค่ะ

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้คะ

          วาเนสซ่า : ตรงนี้ความรักมันยังไม่ถึงขั้นเกิดนะคะ แต่ว่าความรู้สึกกว่าใช่มันเกิดขึ้นมาก่อน (ยิ้ม) แล้วก็เคยคิดว่าถ้าเกิดเจอผู้ชายเราอยากเจอผู้ชายที่ใช่ แบบใช่จริง ๆ อธิบายไม่ถูก (หัวเราะ) แล้วมันยากนะคะถ้าเกิดเค้าให้เลือกระหว่างคนที่เรารักกับคนที่เรารู้สึกว่าใช่ แต่กับคนที่ใช่สำหรับเรา ไอ้คำว่า “ใช่” มันก็คือดีทุกอย่าง ความรักสำหรับเค้าที่มีกับเรามันก็ดีทุกอย่าง ซึ่งมันดีอยู่แล้ว เคยคิดเหมือนกันว่าถ้ามีคนมาให้เลือกสองคน คิดว่าคงต้องเลือกผู้ชายที่ใช่ เพราะถ้าเป็นผู้ชายที่เรารักเค้าเราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะรักรึเปล่า แต่อย่างน้อยผู้ชายที่ใช่ ก็คือผู้ชายที่ใช่สำหรับเรา รวมทั้งการเทคแคร์ การดูแลทุกอย่าง ความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แหละใช่ มันเกิดมาก่อนความรัก ก็เลยรู้สึกว่าอยากจะเปิดใจต่างคนต่างเปิดใจ พอเปิดกันมาก ๆ มันทำให้เรารู้สึกว่าเฮ้ย! เค้าก็เป็นแบบนี้เหมือนเรานะ เวลาโมโหเป็นแบบนี้ (หัวเราะ) เวลาอารมณ์ดีก็เป็นแบบนี้ คือมันหลายอย่างมันเหมือนกันมาก ๆ

          วาเนสซ่า : บางคนบอกว่าคนที่เหมือนกันมาก ๆ จะคบกันไม่ได้นะ แต่ขอบอกเลยว่าไม่จริงค่ะ เพราะว่าคนที่นิสัยเหมือนกัน ขี้โมโหเหมือนกัน แล้วคนขี้โมโหจะต้องรู้วิธีการที่ทำให้ตัวเองหายโมโหได้ เราจะรู้เลยว่าถ้าเค้าโมโหแบบนี้จะต้องทำยังไงให้เค้าหาย เพราะว่าเราก็เป็นไง (ยิ้ม) แล้วเรามีวิธีที่จะแก้ต่างว่าถ้าเป็นแบบนี้นะ เราต้องเอาตรงนี้มาทำจะได้ดีขึ้น เค้าชอบอย่างนี้เราก็ชอบเหมือนกัน แล้วจริง ๆ อีกอย่างก็มีแฟนมา มีคนรู้จักมาก็เยอะนะ ผ่านคนมาก็เยอะประสบการณ์หลาย ๆ อย่าง มันทำให้รู้สึกว่าอะไรที่มันเป็นปัญหาเล็ก ๆ หรือปัญหาใหญ่กว่านี้ มันต้องใช้อะไรแก้ไข ที่สำคัญที่สุดก็คือเหตุผล แล้วก็ความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องใช้ความใจเย็นด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนวัยรุ่นจะเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน แต่พออายุมันมากขึ้นก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์มากขึ้น ทำให้มองเหตุและผลมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ

หลังจากตกลงคบกันใช้เวลานานแค่ไหนถึงคุยเรื่องแต่งงานคะ

          วาเนสซ่า : พอคุยเรื่องแต่งงานก็จะแต่งเลยนะคะ คบกันเพียง 2 เดือนก็จะแต่งแล้ว (หัวเราะ) เราคบกันตั้งแต่เดือนเมษา แล้วคิดว่าแต่งเดือนตุลามันเป็นช่วงที่เหมาะแล้วนะ ก็ไปดูฤกษ์กับชินแสแล้วเผอิญว่าเราเกิดปีเดียวกันด้วย ซึ่งซินแสก็บอกว่าปีนั้นมันเป็นปีไม่ดี แต่งไม่ได้ ก็เอาแบบนี้แล้วกันให้หมั้นไว้ก่อน เดือนพฤศจิกายน แล้วปีหน้าค่อยแต่งงานกันค่ะ

มีการขอแต่งงานกันอย่างไรบ้างเอ่ย

          วาเนสซ่า : ไม่เคยขอแต่งงานเลยค่ะ (หัวเราะ) แค่คุยกันเฉย ๆ วันที่ขอแต่งงานคือวันที่จัดงานแต่งงานเลยบนเวที เพราะว่าพิธีกรถาม ว่าขอแต่งงานกันยังไง เราก็บอกว่าไม่มีการขอแต่งงาน แฟนก็เลยบอกว่าอย่างงั้นก็ขอแต่งงานตรงนี้เลยล่ะกัน เค้าก็คุกเข่าลงขอแต่งงานเลย เราก็รู้สึกเขินมาก ๆ (ยิ้ม) ขอแต่งงานต่อหน้าคนตั้งสี่ห้าร้อย ซึ่งมองอยู่ แล้วก็พากันปรบมือกรีดกราดกันใหญ่เลยค่ะ (หัวเราะ)

หลังจากแต่งงานแล้วชีวิตคู่เป็นอย่างไรบ้างคะ

          วาเนสซ่า : ครอบครัวสองครอบครัวมันเป็นอะไรที่ต่างกันมาก ๆ ค่ะ เรามีคุณแม่เป็นฝรั่ง ส่วนแฟนเป็นคนจีน ต่างกันแบบสุด ๆ เลย (ยิ้ม) ทุกอย่างคือเราไปอยู่บ้านเค้าแล้วเป็นผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงจะต้องเสียสละอะไรหลาย ๆ อย่างในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสียสละเพื่อครอบครัว ถามเป็นส่วนตัวเสียสละสิ่งที่เราเป็นมาตั้งแต่เกิด ต้องทำเองหมดทุกอย่าง เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านตัวเองก็ค่อนข้างจะเป็นคุณหนู (หัวเราะ) พอมาอยู่บ้านเค้าก็ต้องทำเองหมดทุกอย่าง แฟนเค้าก็ช่วยนะคะ แล้วเค้าจะมีธุรกิจของครอบครัวด้วยซึ่งลูกสะใภ้ก็ต้องมาช่วย ต้องดูแลทั้งครอบครัวตัวเอง แล้วก็ดูธุรกิจของแฟนไปด้วยค่ะ

พื้นฐานครอบครัวต่างกันแบบนี้มีการปรับตัวเข้าหากันอย่างไรบ้างคะ

          วาเนสซ่า : ก็ต้องปรับตัวเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะอย่างเรื่องกินข้าว คือปกติที่บ้านจะกินข้าวกับครอบครัว กินกับคุณแม่นั่งด้วยกัน แต่ว่าบ้านแฟนจะเป็นแบบต่างคนต่างกินค่ะ (ยิ้ม) ก็กินเป็นครอบครัว แค่แยกกันกินค่ะ จนตอนนี้ก็รับได้แล้วแฟนก็เอามากินที่ห้อง เราก็ลงไปกินที่โต๊ะกินข้าว บางทีก็กินกับคุณพ่อคุณแม่เค้า ในเรื่องการปรับตัวเข้ากับที่บ้านเค้าก็ยังไม่มีปัญหาอะไรนะคะ

          วาเนสซ่า : ส่วนตัวเราสองคนก็คงไม่มีอะไรต้องปรับแล้วค่ะ เพราะตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ทำงานก็ทำด้วยกัน ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเป็นคน คนเดียวกันอย่างแท้ ๆ เลย เพราะว่าบางทีเรากลับมานอนบ้าน เค้าไม่ได้นอนด้วย เรายังรู้สึกคิดถึงเค้า บางทีเค้าก็มักจะพูดว่าเวลานอนคนเดียวกันเหงานะ ไม่มีใครนอนด้วย เพราะว่าเราก็เอาลูกมานอนด้วย ซึ่งปกติพูดได้เลยว่าเจอกันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมงค่ะ แทบจะเห็นหน้ากันตลอดเวลา นอกจากว่าเค้าจะออกไปข้างนอกไปหาลูกค้า หรือเราไปซื้อของข้างนอกถึงจะไม่เห็นหน้ากัน นอกนั้นก็เจอกันตลอด (ยิ้ม)

คนสองคนอยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้ เวลามีความขัดแย้งเกิดขึ้นมีวิธีแก้ไขอย่างไรคะ

          วาเนสซ่า : ปัญหาก็มีอยู่บ้างค่ะ ก็ช่วยกันค่อย ๆ แก้ไขไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานค่ะ จริง ๆ แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันแทบจะนับครั้งได้เลยนะคะ ซึ่งพอหลังแต่งงานมายังไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่มีเถียงกัน งอนกันจะมีบ่อยมาก (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่มันอยู่ด้วยกันแล้วมีลูกมาเชื่อม บางทีเวลาเค้างอน เราอุ้มลูกอยู่ ก็เรียกเค้าว่า “ที่รักหยิบอันนั้นให้หน่อย” แค่เราพูดแค่นี้มันเท่ากับว่ามันหายไปแล้วค่ะ เหมือนง้อไปโดยปริยาย หรือบางทีเค้าอุ้มลูกอยู่แล้วลูกจะหาแม่ ลูกก็จะร้องโยเยมาหาเราอะไรแบบนั้นก็กลายเป็นการง้อกันไปในตัว มันก็นิดหนึ่ง (ยิ้ม) เวลาโกรธกัน งอนกันไม่เคยข้ามวันค่ะ มันเหมือนกับลืม! อ้าวเมื่อกี้ฉันงอนอยู่นี่ หรือถึงแม้ว่าจะงอนกันจริงจังยังไงก็ไม่ข้ามคืน เช้าขึ้นมายังไงก็หายงอน ส่วนมากจะเป็นแบบนั้นค่ะ คือตอนนี้จะคิดไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าเราโกรธไป คิดมากไป มันก็จะทำร้ายความรู้สึกของเรา แล้วกำทลายความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวด้วย เราไม่ควรมาคิดจุกจิกเหมือนสมัยก่อน ซึ่งมันก็ทำให้ครอบครัวมีความสุขจริง ๆ ค่ะ

วาเนสซ่า กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์

วาเนสซ่า กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์

โซ่ทองคล้องใจที่ทำให้พ่อแม่รักกันมากขึ้น

          วาเนสซ่า : ใช่ค่ะ (ยิ้ม) เพราะว่าลูกเป็นสิ่งที่เราทั้งสองคนต้องการเหมือนกัน แล้วอยากได้มาก ๆ เหมือนกัน คือพอหมั้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ก็อยากจะให้เป็นแบบเปิดปุ๊บติดปั๊บอะไรอย่างนั้นเลยนะคะ (ยิ้ม) แต่เผอิญว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด คนอื่นเค้าก็บอกว่ามันไม่ได้ท้องกันง่าย ๆ นะ เราก็คิดว่ามันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ทีนี้ก็ยาวเลยค่ะ ไปถึงเดือนมีนาคม เราก็เช็กกับที่ตรวจตั้งครรภ์ เช็กตลอดเดือนละ 5-6 อัน ก็ยังไม่ท้องจนมาถึงช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงแต่งงาน ประจำเดือนงวดถัดมาก็ต้องมาประมาณต้นเดือนมีนาคม แล้วบังเอิญว่าก่อนหน้านั้น เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตัวเองถึงขั้นต้องเย็บ 28 เข็มด้วย ตั้งแต่นั้นก็เลยไม่ได้คิดเรื่องลูกเลย เพราะว่าเกิดอุบัติเหตุกับมีเรื่องงานแต่งงานที่จะต้องจัดเตรียม เราก็ไม่ได้สนใจว่ามันถึงวันแล้วด้วย คือลืมไปเลย

          วาเนสซ่า : จากนั้นแต่งงานวันที่ 9 มีนาคม วันอาทิตย์อีกวันก็ไปฮันนีมูนที่ภูเก็ตกลับมาวันพฤหัส พอมาถึงบ้านก็มานั่งคิดได้ว่ามันเป็นอาทิตย์แล้วนะที่ประจำเดือนยังไม่มา แต่ในใจก็คิดว่าก็คงไม่หรอก เพราะปล่อยมาตั้งสามเดือนแล้วยังไม่ท้องเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองซื้อมาตรวจเล่น ๆ ก็แล้วกัน ที่ไหนได้หมดเป็นพันค่ะ (หัวเราะ) พอตรวจมันก็ขึ้นมาเป็นขีดบาง ๆ ก็เดินออกมาจากห้องน้ำมาถามแฟนว่าแบบนี้เค้าเรียกว่าท้องรึเปล่า เค้าบอกว่าเออ...แบบนี้แหละที่เค้าเรียกว่าท้อง แต่แฟนก็ไม่ได้ทำหน้าตื่นเต้นอะไรนะคะ เพราะเค้าบอกว่าไม่อยากดีใจเก้อ เราก็ยังไม่แน่ใจค่ะ ก็ไปซื้อมาตรวจอีก 3 อัน ก็ปรากฏว่าท้องจริงค่ะ ซึ่งก็ยังคิดไม่ถึงว่าท้อง แต่สรุปคือท้อง เราก็ไปหาหมอ เพื่อฝากท้อง ก็เลยดีใจแล้วก็ตื่นเต้นมาก ทีนี้เค้าจะถือเคล็ดใช่ไหมคะว่า 3 เดือนแรกห้ามบอกใคร นี่ไม่ได้เลยค่ะบอกหมด ฉันท้องแล้วนะ ๆ คือดีใจมากจนเก็บไว้คนเดียวไม่อยู่ค่ะ

ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ประทับใจอะไรในตัวสามีคะ

          วาเนสซ่า : ประทับใจตรงที่เค้าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็เป็นคนที่มีความรักผิดชอบและประทับใจตรงที่เค้าเป็นพ่อที่ดีด้วย ถึงแม้บางทีบางอารมณ์เราอาจจะเหนื่อย เราเลี้ยงลูก แต่เค้านอนตื่นสาย เราก็คิดว่าให้เค้าไปเถอะเพราระเราได้ผู้ชายขนาดนี้ถือว่าดีแล้ว ในสมัยนี้ผู้ชายที่ดีหายากมาก คือผู้ชายที่รักลูกอย่างเค้ามันหายาก แล้วอะไรที่มันเป็นเรื่องไม่ดีนิด ๆ หน่อย ๆ เราก็ให้เค้าไปเถอะ ดีกว่าที่เค้าจะไปมีคนอื่น เพราะส่วนมากตอนที่ผู้หญิงท้อง ผู้ชายจะชอบหาเศษหาเลยออกไปข้างนอก แต่เค้าไม่มีจริง ๆ มันก็มาจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมานะคะ คนเรามันไม่ได้เพอร์เฟคไปร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนสมัยเด็ก ๆ เราก็อยากจะได้ผู้ชายที่ดี ๆ ผู้หญิงทุกคนคิดอย่างนี้หมด แต่ในโลกของความเป็นจริงมันไม่มีได้แค่นี้ก็ดีแล้ว มันต้องหาข้อเปรียบเทียบว่าข้อไม่ดีของเค้ามันก็มีอยู่เท่านี้ แล้วเค้ามีข้อดีอยู่เท่านี้ ซึ่งมันมากกว่าข้อไม่ดี เราก็มองไม่เห็นข้อไม่ดีของเค้าไปซะ แต่ถ้าข้อไม่ดีมันมากกว่าเราก็ต้องมาคิดไตร่ตรองอีกทีหนึ่งแล้วค่ะ

สุดท้าย..คิดว่าความสุขของครอบครัวคืออะไรคะ

          วาเนสซ่า : ความสุขของเราคือความเข้าใจค่ะ แล้วก็ความปล่อยวาง ซึ่งปล่อยวางในสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ และเข้าใจ เอาใจใส่ในสิ่งที่มันจะทำให้เรามีความสุข อะไรที่ทำให้เรามีความสุข ทำให้ลูก ทำให้สามีเรามีความสุข เราก็จะพยายามเอาใจใส่ในสิ่งนั้นให้มากที่สุด แล้วอะไรที่มันเป็นความทุกข์ อย่างความเหนื่อยเราก็ปล่อยวางเหนื่อยช่างมัน เหนื่อยก็พักได้ หรือว่าอะไรก็ตามไม่ว่าจะเรื่องที่ทะเลาะกัน หรือเรื่องอะไรที่มันทำให้เครียดเราก็จะปล่อยวาง ให้จบแค่ตรงนั้นค่ะ เหมือนสมัยก่อนตอนที่ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสแล้วเครียดกับผู้โดยสาร คือปกติแอร์ฯ ก็จะเป็นแบบนี้ทุกคน มันก็เครียดอยู่บนเครื่องแต่พอเปิดประตูปุ๊บ เราก็รู้สึกสบายใจแล้ว ไม่ต้องเจอหน้าเค้าอีกแล้ว เราก็เลยเอาวิธีนี้มาใช้คือเวลาเครียดอะไรก็เอาไว้ตรงนั้นไม่ต้องเก็บเอามาด้วยค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


ที่มา หนังสือWoman’s Story 1-15 ตุลาคม 2552 lssue: 232


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตหลังแต่งงาน วาเนสซ่า - กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์ อัปเดตล่าสุด 4 ธันวาคม 2552 เวลา 14:36:47 2,921 อ่าน
TOP