ผิวใส ผมสวยด้วย "ข้าว" (หมอชาวบ้าน)
โดย ภกญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ปราจีนบุรี
เมื่อพูดถึง "ผู้หญิง" ทุกชาติ ทุกยุค ทุกสมัย คงหนีไม่พันเรื่องความสวยความงาม และเครื่องประทินผิว โดยเฉพาะ "แป้ง" และแน่นอนว่าแป้งจากข้าวนั้น เป็นแป้งพื้นฐานที่อยู่คู่กับสาวเอเชียมานาน
ชุมชนมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ มีการทำแป้งข้าวมาตั้งแต่โบราณโดยนำข้าวสารมาแช่ประมาณ 3-4 เดือน หรือ 40 วันเป็นอย่างน้อย ระหว่างที่แช่ต้องเทน้ำทิ้งบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นเปรี้ยว
เมื่อเมล็ดข้าวแตกละเอียดดีแล้วให้กรองด้วยผ้าขาว ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วบิดหรือขยี้ให้แป้งละเอียดก่อนนำไปตากแห้ง จะได้แผ่นแป้งแข็งสีขาว แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
อาจใช้ใบตองมาทำเป็นกรวยขนาดต่าง ๆ แล้วนำแป้งมาหยอด นำไปตากให้แห้ง ก็จะได้แป้งเป็นก้อนขนาดเล็กชาวบ้านจะเรียกแป้งนี้ว่า "แป้งเย็น" ภาษามลายูท้องถิ่น เรียกว่า "บือเดาะซือโย๊ะ" ชาวอิสลามบางคนมักจะพกแป้งเย็นไปเมกะห์ด้วย แป้งเย็นนี้จะใช้ทาประทินผิวและแก้ผดผื่นคัน
สาวไทยสมัยก่อนก็มีการใช้น้ำชาวข้าวล้างหน้า เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวหนังเปล่งปลั่งไร้สิวฝ้า แป้งข้าวเจ้าใช้กล่อมผิว ให้ผิวสวย ไร้ผดผื่นคัน
ยาแก้ฟ้า
สำหรับสูตรยาแก้ฝ้าก็สามารถทำได้ โดยนำต้นไมยราบทั้งห้า (ลำต้นราก ใบ ดอก ผล) 1 กำมือ ข้าวสาร 1 กำมือ ขมิ้นขันหนาดเท่านิ้วโป้ง ตำรวมกันพอแหลก แล้วนำมาพอกหน้าหรือทาก่อนนอน (ก่อนพอกต้องล้างหน้าให้สะอาด) ตื่นเช้าล้างออก
ถ้ามีสีเหลืองของขมิ้นติดผิวอยู่ ใช้น้ำมะขามเปียกล้างออก ทำติดต่อกันจนฝ้าจะจางลง
แป้งข้าวเจ้า "กล่อมผิว"
แวดวงชนชั้นสูงของสาวจีนและไทย มีวัฒนธรรมการกล่อมผิวด้วยแป้งข้าวเจ้า ซึ่งการบดข้าวสมัยนั้นมักจะเป็นข้าวซ้อมมือ โดยจะใช้ข้าวที่บดละเอียดแล้ว ประมาณครึ่งกิโลกรัม เทใส่อ่าง ซึ่งเป็นอ่างน้ำในโรงแรมเช่นเดียวกับในปัจจุบัน หรือถังไม้ของคนจีนที่ใช้แช่อาบน้ำ หลังจากนั้นเติมน้ำลงไป จะได้น้ำสีขุ่น ๆ คล้าย ๆ น้ำซาวข้าว
คนที่จะแช่ต้องทำความสะอาดตัวก่อนแล้วค่อยลงแช่ และไม่ต้องอาบน้ำอีก ให้แป้งเคลือบผิวไว้เลย
ข้าว "รักษาสิวเสี้ยน"
นอกจากนี้ ข้าวยังช่วยรักษาสิวเสี้ยน บำรุงผิว ทำให้ผิวหน้า สดใส ซึ่งทำได้โดยการใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 ล้างหน้า จะช่วยรักษาสิวเสี้ยน และทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นประจำ
ปัจจุบันพบว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ของข้าว ล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะรำข้าว ซึ่งมีแร่ธาตุ กรดไขมัน และวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินอี และแกมมาโอไรซานอล (gammaoryzanol) ปริมาณสูง
แกมมาโอไรซานอลเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวขาวขึ้น
เอนไซม์ที่ได้จากข้าวและรำข้าว สามารถยับยั้งการสร้างเมลานิน และการเกิดเม็ดสีจากรังสี UV ช่วยลดริ้วรอย สามารถยับยั้งการเกิด lipid peroxidation และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (โปรตีนที่ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นหรือหน้าเด้ง) และยังพบอีกว่า สารสกัดจากรำข้าว (rice bran) ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น น้ำมันจากจมูกข้าว (rice germ) ช่วยเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง
ส่วนแป้งข้าวเจ้านั้น มีคุณสมบัติลดอาการระคายเคืองและช่วยดูดซับ เหมาะที่จะใช้ทำแป้งฝุ่น ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์จากข้าวจึงเหมาะที่จะนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวพรรณและปกป้องผิว
คนไทยโบราณมักใช้น้ำซาวข้าวสระผม เพราะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค และมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถใช้แทนแชมพูได้เลย หรืออาจใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ ก็ได้ สำหรับน้ำชาวข้าวที่เก็บไว้หลายวัน หรือที่เรียกว่า "น้ำมวกส้ม" หากนำมาต้มแล้วสระผม จะทำให้ผมสวย เป็นเงางามมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑืเกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมของรำข้าว รักษาความชุ่มชื้น รักษาทรงผมให้ผมเป็นลอนเงางาม และพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักของข้าว จะช่วยเพิ่มการงอกของเส้นผมอีกด้วย
สำหรับวิธีการใช้น้ำชาวข้าวในการดูแลเส้นผม ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ ซึ่งสามารถทำไว้ใช้เองได้ง่าย ๆ เช่น
ยาสระผมน้ำซาวข้าวกับใบหมี่ (ตำรับของคุณอำนวยศิลป์เงินคำ) ให้นำน้ำซาวข้าว ใบหมี่ มะขามเปียก คั้นเอาแต่น้ำใช้สระผมเป็นประจำ
ยาสระผมมะกรูดและน้ำข้าวกล้องปั่น (ตำรับของ สุวรรณี พฤฒินิรันดร์ กรุงเทพฯ) ใช้ข้าวกล้อง 1-2 กำมือ ล้างให้สะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ จากนั้น นำมะกรูด 1 ลูก ต้มให้สุก เมื่อสุกดีแล้วให้แกะเม็ดออก นำมะกรูดไปปั่นรวมกับข้าวกล้อง และน้ำสะอาดเพิ่มอีกเท่าตัว (ถ้าไม่มีเครื่องปั่นสามารถใส่ครกตำแทนได้) ปั่นให้ละเอียด กรองเอาแค่น้ำ แล้วนำมาหมักผมหรือใช้สระผมก็ได้
ตำรับของสาวภูไท ให้นำน้ำมวก (น้ำที่แช่ข้าวเหนียวค้างคืน) ใบหม่อน มะกรูดทั้งเปลือก มาสระผม แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำธรรมดา ทำเป็นประจำผมจะเงางามขึ้น หรือนำน้ำมวก มะนาว ใบหนาด รากว่านสาวหลง (ทุบ) ต้มทิ้งไว้ให้เย็น ใช้สระผม แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า "ข้าว" มีคุณประโยชน์ ทั้งจากการใช้กินเพื่อเป็นอาหารและใช้ในการบำรุงและรักษาผิวพรรณ หรือเส้นผม สามารถเลือกหามาใช้ หรือทำไว้ใช้เองได้ไม่ยาก
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก