x close

อัพเดทเทรนด์ความงามมาแรง รับต้นปี


ศัลยกรรม

4 Beauty Trends อัพเดทเทรนด์ความงามมาแรงรับต้นปี (เฮลธ์ พลัส)

           ถึงแม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะแปรปรวนไปแค่ไหน แต่สิ่งที่ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญ คงหนีไม่พ้นเรื่องความสวยความงาม ยิ่งทุกวันนี้บ้านเราดารานักร้องเข้ามามีอิทธิพลกับการกำหนดเทรนด์ จนเกิดกระแสเลียนแบบการแต่งตัว ท่าทาง ไม่เว้นแม้แต่การศัลยกรรมให้เหมือนคนดังมากที่สุด

           ร่ายมาซะยาว รวม ๆ แล้วกำลังจะบอกว่าฉบับนี้เรามีเทรนด์ความงามฮอต ๆ มานำเสนอ 4 แบบ 4 สไตล์จากปากของแพทย์ความงามแถวหน้าฟันธงกันแบบเห็น ๆ ให้รู้กันไปว่าเทรนด์ทั้ง 4 นี้จะแรงรับต้นปีนี้แน่ ๆ

            ริมฝีปากบางน่าจูจุ๊บอินเทรนด์ระดับ Korean Star

           ผศ.นพ.รนชัย โคมทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง ประจำ ณรวี คลินิก เผยว่า การตกแต่งริมฝีปากให้มีรูปร่างเล็กสวยรับกับใบหน้าเพิ่มขึ้น และการผ่าตัดลดขนาดริมฝีปาก ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดจะเป็นผู้ที่มีริมฝีปากหนากว่าปกติและกลุ่มที่ริมฝีปากบนกับล่างหนาไม่เท่ากันทำให้ไม่มั่นใจ จึงต้องการปรับให้เกิดสมดุล เพื่อรับกับใบหน้า

           โดยธรรมชาติของคนเราริมฝีปากบนควรบางกว่าริมฝีปากล่าง และด้วยปัจจัยอื่น เช่น การเรียงตัวของฟันบนล่าง ขนาดของฟันด้านบนและด้านล่าง ความยาวของกระดูกกรามบนและเหงือก เพราะบางรายเมื่อเวลายิ้มแล้วเห็นเหงือก หากทำการผ่าตัดลดขนาดอาจทำให้เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากขึ้น หรือบางรายฟันมีขนาดเล็กไปหรือใหญ่ไปอาจต้องตรวจวัดฟัน หรือไปทำการรักษาที่กระดูกกรามเสียก่อน

           การผ่าตัดแพทย์จะเริ่มจากการทำความสะอาดบริเวณหน้า ริมฝีปาก ช่องปาก วาดรูปริมฝีปากใหม่ที่บางลงให้ผู้รับการผ่าตัดดูก่อน แล้วให้ทานยานอนหลับอย่างอ่อนและฉีดยาชา เพื่อลดความวิตกกังวลแล้วค่อยทำการผ่าตัด โดยการตัดริมฝีปากส่วนเกินออกตามที่ได้วาดรูปไว้ และเย็บแผลเก็บไว้ด้านในปากตลอดความยาวริมฝีปาก

           หลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมที่ริมฝีปากประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะ 3 วันแรกไม่ควรอ้าปากกว้าง พูดมากหรือยิ้มกว้าง ๆ และเพื่อลดอาการบวม ควรประคบด้วยความเย็นติดต่อกัน 48 - 72 ชั่วโมง ควรนอนให้ศีรษะสูงประมาณ 30 - 45 องศา ทานอาหารที่เป็นน้ำ ๆ ทำความสะอาดช่องปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก เพื่อลดการสะสมของเศษอาหารซึ่งอาจเป็นเหตุให้แผลติดเชื้อได้ อาการเจ็บเล็กน้อยจะค่อยดีขึ้น

           โบท็อกซ์ปรับโครงหน้าแรงจนต้องต่อคิวรอ

           นายแพทย์ รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โรงพยาบาลนครธน แจงว่า โครงหน้าที่เข้ารูปเรียวสวยงาม และไม่หย่อนคล้อยย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกคน ถ้าเป็นสมัยก่อนคงหนีไม่พ้นการศัลยกรรม ซึ่งส่วนมากคนไข้มักจะกลัวการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้น และกลัวว่าถ้าผ่าตัดออกมาไม่สวยจะแก้ไขก็ยากมาก แต่ปัจจุบัน Botulinum toxin เข้ามามีบทบาทมากในการปรับโครงหน้า และส่วนประกอบภายในหน้าให้สวยงามแลสมส่วนมากขึ้น โดยที่นอกจากปลอดภัยแล้ว ยังไม่ต้องพักฟื้น และไม่เสียเวลาอีกด้วย

           สาร Botulinum toxin ใช้ในการปรับกระชับหน้าให้ยกขึ้น โดยอาศัยหลักการที่ว่า กล้ามเนื้อบนใบหน้าเราจะมีกล้ามเนื้อ 2 ชุด จุดแรกเป็นกล้ามเนื้อดึงหน้าให้ยกขึ้น และอีกชุดเป็นกล้ามเนื้อดึงใบหน้าให้ตกลง ดังนั้นเราอาศัยหลักการนี้ในการปรับยกใบหน้า ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงหน้าลงทำงานน้อยลง ผลที่ตามมาคือกล้ามเนื้อที่ดึงหน้าขึ้นจะทำงานได้แรงมากขึ้น จึงส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหางคิ้วที่หย่อนคล้อยให้ยกขึ้นแบบธรรมชาติ เปลือกตาที่ตกห้อยให้เปิดกว้างขึ้น ร่องแก้มที่ลึกก็จะแลดูตื้นขึ้น โหนกแก้มที่หย่อนคล้อยจะยกกระชับได้ มุมปากที่ตกห้อย ก็กลับยกกระชับขึ้น แก้มที่ตกหย่อนคล้อยตามอายุที่มากขึ้น ก็กลับไปยกกระชับได้อีกครั้ง ขอบกระดูกขากรรไกรที่ถูกแก้มที่คล้อยห้อยลงมาบังก็กลับมาเห็นเป็นแนวชัดขึ้น คาง 2 ชั้นที่เกิดจากผิวที่คล้อยลงไปกองที่คอก็ลดน้อยลง คอที่คล้อยก็กลับมากระชับเรียวงามมากขึ้น ซึ่งเดิมเราทราบอยู่แล้วว่า Botulinum toxin สามารถลดกล้ามเนื้อกรามให้หน้าเรียวเล็กลงได้ การที่ใช้เทคนิคยกกระชับด้วย Botulinum toxin นี้ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้หน้าดูเรียวเล็กลงได้

           เทคนิคใหม่ในการฉีดสาร Botulinum toxin นี้นอกจากจะปรับหน้าให้เข้ารูป ให้สวยงามและดูอ่อนเยาว์แล้ว ยังช่วยปรับแต่งทรงคิ้ว ให้ได้รูปตามที่ต้องการไม่ว่าจะให้คิ้วโค้ง คิ้วโก่ง เปิดปลายคิ้วขึ้น หรือจะให้คิ้วที่โก่งกลายเป็นคิ้วตรง ก็สามารถทำได้เพื่อให้เข้ากับโครงหน้า และความต้องการของผู้รับการรักษา โดยต้องอยู่บนพื้นฐานให้แลดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และต้องให้คิ้ว หรือโครงหน้า 2 ด้านเท่ากันมากที่สุด เพราะผู้รับการรักษาบางคนเดิมใบหน้า ทรงคิ้ว ทรงหน้า หรือทรงปาก 2 ด้านอาจไม่เท่ากัน ซึ่งการฉีด Botulinum toxin ต้องประเมินและดีไซน์การฉีดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย

           รู้จักสเต็มเซลล์จากเลือดเพื่อความงาม

           พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ อเมริกันบอร์ดด้านศัลยศาสตร์ผิวพรรณและเลเซอร์ผิวหนังประจำ apex profound beauty เมื่อเราถามคุณหมอไปว่า Stem Cell จากเลือด นำมาใช้เพื่อความงามได้จริงหรือ พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ กล่าวว่าตัวที่นำมาใช้ได้ง่าย ๆ ก็เห็นจะเป็นจากเลือดและจากไขมัน แต่โดยปกติแล้วในร่างกายคนที่แข็งแรงทั่ว ๆ ไป ปริมาณ Stem Cell ที่วนเวียนอยู่ในกระแสเลือดจะมีปริมาณน้อย ดังนั้นการที่จะนำมาใช้ให้ได้ผลดี ก็ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดเซลล์จำนวนมากขึ้น หรือใช้การเจาะเลือดแล้วนำ Stem Cell ไปเพาะเลี้ยงให้ขยายจำนวน เพื่อประโยชน์ในการรักษา ในกรณีที่ต้องการนำมาใช้เรื่องความงาม เราสามารถดูดเลือดออกมาผสมกับสารกระตุ้น หรือที่เรียกว่า Growth Factor บางชนิดแล้วฉีดกลับไปบนผิวหนัง ซึ่ง Stem Cell นั้นก็จะทำหน้าที่ในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นมาในบริเวณที่เราฉีดนั้น ทำให้ผิวพรรณดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้น เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดเป็นเซลล์ที่มีชีวิตและสามารถทำให้เซลล์ผิวโดยรวมอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ส่วนประสิทธิภาพหรือผลลัพธ์ที่ได้นั้น ก็อาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารกระตุ้นซึ่งมีมากมายในท้องตลอดกว่า 10 กว่า ชนิดซึ่งจะสามารถกระตุ้น Stem Cell ให้มากน้อยต่างกันไป

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อัพเดทเทรนด์ความงามมาแรง รับต้นปี อัปเดตล่าสุด 13 ธันวาคม 2553 เวลา 17:47:32
TOP