x close

รักหวานฉ่ำของ กุลสตรี & นิตตินันท์ อินทรศักดิ์

กุลสตรี - นิตตินันท์ อินทรศักดิ์

กุลสตรี - นิตตินันท์ อินทรศักดิ์


รักหวานฉ่ำของคู่รักนักบินกับแอร์โฮสเตสสาวคนดัง กุลสตรี & นิตตินันท์ อินทรศักดิ์ (Woman’s Story)

          ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่หล่อเลี้ยงหัวใจของคนมีรักให้พองโต...แต่ใครจะเชื่อว่า คนสองคนที่แตกต่าง จะโคจรมาเจอกัน...และรักกัน...นี่แหละที่เค้าเรียกว่า "พรหมลิขิต" Love Story ฉบับนี้จะพาไปสัมผัสกับเรื่องราวความรักที่อุบัติขึ้นบนฟากฟ้า ของคู่รักนักบินกับแอร์โฮสเตส อดีตนางเอกสาวสวยที่ได้วาดลวดลายการแสดงเอาไว้มากมาย นิ้ง -กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา และสามีผู้แสนดี ใหญ่-นิตตินันท์ (ไพรรัตน์) อินทรศักดิ์ พรหมลิขิตขีดเส้นให้ทั้งคู่มาพบเจอกันได้อย่างไร แล้วเรื่องราวความรักที่น่ารัก หวานชื่นครั้งนี้จะน่าอิจฉาเพียงใด ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยค่ะ...

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักอันหวานชื่นครั้งนี้มีความเป็นมาอย่างไรคะ

          นิ้ง กุลสตรี : เราสองคนเจอกันครั้งแรกที่บริษัทฯ ไทยแอร์เอเชีย นี่แหละค่ะ (ยิ้ม) พี่ใหญ่ เค้าเป็นนักบินรุ่นแรก แล้วก็ทำงานโอเปอร์เรชั่นด้วยตอนนั้น แล้วนิ้งก็เข้าไปเรียนเป็นลูกเรือรุ่นที่ 5 อืม...มันจะมีการเทรนในบริษัทหลาย ๆ อย่าง แล้วบางทีก็เทรนในคลาสเดียวกัน เรียนห้องเดียวกัน เพราะสมัยนั้นทั้ง 5 รุ่นก็มีไม่กี่คน ก็เลยได้เจอกัน ก็ได้คุยกัน แล้วบังเอิญเพื่อนของพี่ใหญ่ที่เป็นแอร์ฯ ก็เป็นเพื่อนกับนิ้งด้วย กลายเป็นว่ามันกลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไปเลย แต่ตอนแรกมันเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่า เพราะต่างคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จะมีคุยกัน ไปกินข้าวกันเป็นกลุ่ม เพราะส่วนใหญ่เวลาที่ลง flight มา แล้วมาเจอกันก็จะชวนกันไปกินข้าวกันอะไรแบบนี้ ก็เลยสนิทกัน เป็นกลุ่มเพื่อนเดียวกัน ก็คุยกันเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา

          นิ้ง กุลสตรี : จนมีวันนึงอยู่ ๆ เค้าโทรมาหา แล้วบอกว่า เฮ้ย...อย่าขับรถเร็วนะ แล้วมันทำให้นิ้งรู้สึกดีเหมือนกันนะ (ยิ้ม) รู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วง แล้วเค้าก็มักจะแซวนิ้งแบบเจ็บ ๆ ชอบหยอกเล่น อย่างเวลาเข้าไปเสิร์ฟ เมื่อก่อนเครื่องโบอิ่ง 737 มันจะเตี้ย นิ้งจะต้องนั่งยอง ๆ เข้าไปเสิร์ฟ เค้าก็จะแซว เฮ้ย...ระวังขาเสีย ซึ่งตอนนั้นนิ้งก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร...เออ!! เค้า ก็จะโทรมาถามเรื่องราวของนิ้งตลอด ตั้งแต่เริ่มสนิทกัน แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นเหมือนเพื่อนที่ห่วงใยกันมากกว่า แล้วนิ้งก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าจีบนะ เค้าเองก็บอกว่าเค้าไม่ได้จีบนิ้งเหมือนกัน

          นิ้ง กุลสตรี :
เค้าก็ใช้เวลาโทรมาแบบนี้เป็นปี ๆ เลย แล้วนิ้งก็จะรู้เรื่องราวของเค้ามาตลอด เพราะเค้าโทรมาคุย นิ้งก็รับฟัง แล้วจริง ๆ นิ้งเป็นคนที่ส่วนลึกข้างในต้องการใครซักคนที่จะมาคอยรับฟังความรู้สึกเหมือนกัน ทั้งที่ภายนอกคนอาจจะมองว่านิ้งเข้มแข็ง จริง ๆ แล้วไม่เลย เพราะนิ้งต้องการคนที่นิ้งสามารถจะร้องไห้กับเค้าได้ เป็นที่ปรึกษาของนิ้งได้ เพราะสมัยอยู่ในวงการก็จะมีพี่ที่อาร์เอสดูแลอยู่ แล้วพอนิ้งผันตัวเองมาทำอาชีพนี้ มันเปลี่ยนกันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย แต่ก่อนจะมีคนคอยดูแลเรา แต่ตอนนี้เราต้องคอยเทคแคร์คนอื่น มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องการที่ระบาย ต้องการคนที่จะรับฟังเรา

          นิ้ง กุลสตรี : ก็โชคดีที่ได้รู้จักพี่ใหญ่ เวลาที่ไม่เข้าใจเรื่องบินนิ้งก็จะโทรไปหาเค้า ก็จะคุยกัน ปรึกษากันตลอด จนเพื่อนนิ้งก็สะกิดนิ้งว่าแบบนี้เค้าเรียกว่าจีบนะ นิ้งก็เลยไปถามเลยว่า พี่จีบหนูหรือเปล่า เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ได้จีบนะ เป็นเพื่อนกัน คุยกันเฉย ๆ นิ้งก็อืม ๆๆ ไม่จีบก็ไม่จีบ(หัวเราะ) เพราะมาลองคิดดูแล้วถ้าเค้าจีบ นิ้งอาจจะเขิน ไม่กล้าคุย แต่เป็นแบบนี้ทำให้เราสามารถคุยกันได้ทุกเรื่องเลย คุยแล้วก็สบายใจด้วย (ยิ้ม)

แล้วครั้งแรกที่เจอกันความรู้สึกเป็นอย่างไรคะ

          นิ้ง กุลสตรี : ครั้งแรกก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่ปิ๊งนะ รู้สึกว่าเค้าเป็นนักบินธรรมดาคนหนึ่ง (ยิ้ม) คือครั้งแรกมันเจอกันในห้องเรียน ไม่ได้สนใจอะไร เพราะตอนที่เรียนเราจะเจอกันแต่ไม่สนใจกัน มารู้ทีหลังว่าเรียนด้วยกัน ตอนนั้นพี่เค้าได้เป็นกัปตันก็จะมีการเลี้ยงฉลองให้กัปตัน เราก็ไปกันหมด แต่ก็ยังไม่ค่อยสนใจนะ แล้วไม่รู้ว่าเป็นโชคชะตาหรืออะไรที่ทำให้มันต้องมีโอกาสได้เจอกันบ่อย ๆ ทำให้มีคลาสเรียนด้วยกันเยอะขึ้น เริ่มมีการจับกลุ่มกันมากขึ้น ทำให้มันสานสัมพันธ์กันต่อไปได้มากขึ้น จนสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เป็นแฟนกัน


กุลสตรี - นิตตินันท์ อินทรศักดิ์

กุลสตรี - นิตตินันท์ อินทรศักดิ์

คบกันนานแค่ไหนถึงตกลงเป็นแฟนกันคะ

          นิ้ง กุลสตรี : นิ้งเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนกันตอนปี 2549 เป็นเพื่อนคุยกันมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึง วันวาเลนไทน์ ปี 2549 เค้าก็ถามนิ้งว่าชอบดอกไม้อะไร นิ้งก็บอกว่าชอบดอกกุหลาบ แล้วนิ้งก็ถามย้อนไปว่า อ้าว!! ไม่ได้จีบแล้วจะให้ทำไม เค้าก็บอกว่าไม่ได้ให้ นิ้งก็เลยรู้สึกหน้าแตกอีกแล้ว (หัวเราะ) พอตอนกลางวันก็มีแมสเซนเจอร์มาส่งดอกกุหลาบให้ช่อหนึ่ง เป็นช่อแรกที่เค้าให้ นิ้งก็เฮ้ย...หมายความว่าไง ก็เลยโทรไปถาม เค้าก็บอกว่าที่ส่งให้เพราะเห็นว่านิ้งชอบดอกกุหลาบ

          นิ้ง กุลสตรี : เราคุยกัน เป็นเพื่อนกันมานานมาก แล้วช่วงสงกรานต์ปีนั้นแหละ เค้าก็ขอเป็นแฟน ลองคบกันดูไหม นิ้งก็เลยตกลง แต่คู่นิ้งก็เป็นไปตามสเต็ป ไม่ได้รีบร้อนอะไร เป็นแบบผู้ใหญ่คบกัน อยู่ในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่ตลอด ก็คบกันมาเรื่อย ๆ จนถึงเดือนสิงหาคม วันเกิดนิ้ง แล้วนิ้งโดนแลก flight บิน แล้ว flight นั้นนิ้งไม่เคยบิน นิ้งก็เลยโทรไประบายกับเค้าว่าจะทำยังไงดี เค้าก็ฟังอย่างเดียว ไม่ได้ว่ายังไง พอถึงเวลารายงานตัวเค้าก็มา แล้วก็บอกพี่ว่าเค้าแลก flight ตอนนั้นนิ้งเลยรู้สึกดีใจมาก มีเค้าอยู่ใกล้ ๆ แล้วเรารู้สึกอุ่นใจ เวลามีอะไรจะได้ช่วยเราได้ เพราะพี่ใหญ่เก่งมาก พี่ก็จะสบายใจเวลาบินกับเค้า คู่นิ้งใช้เวลาในการเป็นแฟนกันช่วงสั้น ๆ แล้วพี่ใหญ่เค้าก็ขอแต่งงานเลย

แบบนี้ต้องเป็นการขอแต่งงานที่โรแมนติกมากเลยใช่ไหมคะ

          นิ้ง กุลสตรี : (ยิ้ม) ตอนนั้นเราบิน flight เดียวกัน แล้วนิ้งต้องเดินไปเอาน้ำร้อนในห้อง นิ้งก็เจอกระดาษ post it เขียนว่า "would you marry me?" แล้วก็มีกุหลาบดอกหนึ่งวางไว้ นิ้งก็เขิน แต่ก็พยายามฟอร์มไว้ เพราะนิ้งต้องเข้าไปเช็คนักบินว่าต้องการอะไรไหม พี่ใหญ่เค้าก็บอกว่ากาแฟแก้วหนึ่ง นิ้งก็เอากาแฟไปเสิร์ฟ แล้วก็เขียนข้าง ๆ แก้วว่า OK เล็ก ๆ ต่อจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มันเงียบไปนานเหมือนกัน จนเครื่องเกือบลง เค้าก็โทรเข้ามาถามว่า เฮ้ย...ไม่เห็นอะไรเหรอ นิ้งก็ถามกลับไปว่าแล้วไม่เห็นอะไรเหรอ ที่อยู่ตรงแก้วกาแฟอ่ะ เค้าก็รีบวางสาย แล้วก็ไปค้นแก้วกาแฟในถังขยะ (หัวเราะ) แล้วก็เจอคำตอบนิ้งว่า OK

          นิ้ง กุลสตรี : นิ้งรู้สึกว่ามันคือ ความโชคดีของนิ้ง ที่นิ้งได้เจอคนที่ดีๆ แบบนี้ แล้วนิ้งก็จะบอกกับเค้าทุก ๆ วันว่าขอบคุณนะที่เข้ามาเติมชีวิตนิ้งให้เต็ม เพราะนิ้งไม่เคยเต็มกับชีวิตจริง ๆ มาก่อน ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้ยิ้มแบบกว้าง ๆ แล้วเค้าสามารถทำให้นิ้งรู้สึกเต็มได้ นิ้งบอกเลยว่ามันเป็นความโชคดี

แล้วอะไรที่ทำให้มั่นใจว่าคนนี้แหละคือคนที่ใช่

          นิ้ง กุลสตรี : สิ่งที่เค้าทำทุกอย่าง การกระทำของเค้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรก จนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่เค้าแสดงออกมาให้เราเห็นมันบอกว่านี่แหละคือคนที่ใช่ (ยิ้ม) ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหรืออะไรเลย เพราะสิ่งที่เค้ากระทำกับเรา ความห่วงใยที่มอบให้ตั้งแต่ตอนเป็นเพื่อนกัน มันทำให้เรามั่นใจว่าเค้าใช่สำหรับเรา



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รักหวานฉ่ำของ กุลสตรี & นิตตินันท์ อินทรศักดิ์ อัปเดตล่าสุด 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 11:35:32 6,451 อ่าน
TOP