เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ในยุคที่ความสวยความงามสามารถเสริมเติมแต่งได้เท่าที่สาว ๆ อยากให้เป็นอย่างทุกวันนี้ เห็นทีจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เพียงแต่เรื่องของหน้าตาผิวพรรณที่สามารถเสริมเติมแต่งกันได้เท่านั้น เรื่องของเส้นผมก็ไม่แพ้กัน เพราะทุกวันนี้สาว ๆ สามารถเปลี่ยนลุคตัวเองให้วันหนึ่งผมสั้น พอมาอีกวันผมยาวได้อย่างง่าย ๆ กันเลยทีเดียว
และแน่นอนค่ะว่า เรื่องที่กระปุกดอทคอมจะหยิบยกมาเล่าให้ฟังให้วันนี้ คงไม่พ้นเรื่องราวของการต่อผมแน่ ๆ เอาเป็นว่า เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าในเมืองไทยตอนนี้มีการต่อผมกันกี่ชนิด และแต่ละชนิดมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง
สำหรับการต่อผมในเมืองไทยที่เป็นที่นิยมกันในขณะนี้ เห็นจะมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกันค่ะ ซึ่งก็ได้แก่
แบบที่ 1 การต่อผมแบบกาว
การต่อผมวิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีมาตรฐานและวิธีแรกเริ่มในการต่อผมเลยทีเดียว โดยช่างจะใช้กาวติดเชื่อมระหว่างผมแท้กับผมที่นำมาต่อเข้าด้วยกัน เป็นวิธีการที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ ทำออกมาแล้วก็ค่อนข้างจะดูเป็นธรรมชาติค่ะ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าสะดวกรวดเร็วแบบนี้จะดีกับทุกสภาพเส้นผมนะคะ เพราะการต่อผมแบบนี้ใช้กาวเป็นตัวเชื่อม ซึ่งกาวก็จะมีอายุการคงสภาพของมัน จะเสื่อมช้าหรือเสื่อมเร็วก็ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม และการดูแลเส้นผมของคุณในแต่ละวันนั่นแหละค่ะ หากคุณเป็นคนที่มีผมมันแล้วล่ะก็ การต่อผมแบบนี้เห็นจะไม่เหมาะกับคุณแล้วล่ะค่ะ เพราะความมันของเส้นผมนั้นจะทำให้กาวเสื่อมสภาพเร็ว รวมถึงวิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่สระผมบ่อยด้วยนะคะ เพราะยาสระผมจะทำให้กาวเสื่อมสภาพได้ง่าย ยิ่งสระบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสื่อมสภาพมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
แบบที่ 2 การต่อผมแบบแฮร์ล็อก หรือที่เรียกกันว่าแบบหลอด
การต่อผมวิธีนี้ค่อนข้างจะมีความทนทานสูงค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับความชำนาญและประสบการณ์ของช่างผมด้วยนะคะ โดยช่างผมจะใช้วัสดุที่มีลักษณะคล้ายหลอดเล็ก ๆ เชื่อมระหว่างผมจริงกับผมที่นำมาต่อ และรอยเชื่อมต่อจะดูเป็นธรรมชาติกว่าแบบกาวค่ะ แต่วิธีนี้จะมีราคาแพงกว่าแบบกาวนะคะ เพราะคุณจะสามารถสระผมหรืออบไอน้ำได้บ่อยครั้ง และผมจะสามารถอยู่ได้นานกว่าครึ่งปีเลยทีเดียว
แบบที่ 3 การต่อผมแบบไมโครริง หรือแบบคลิป
การต่อผมด้วยวิธีนี้เหมาะกับทุกสภาพผม ตั้งแต่ผมแห้งไปจนถึงผมมันเลยทีเดียวค่ะ เพราะไม่ต้องใช้กาวเลยซักนิด แต่ช่างผมจะใช้คลิปผมปมเล็ก ๆ ติดเชื่อมกับผมจริง ซึ่งคลิปผมนี้สามารถถอดออกได้ตามต้องการ แต่อาจจะใช้เวลาติดกลับไปนานหน่อย ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของเจ้าของผมเอง เรียกว่าเป็นการต่อผมที่ไม่ทำให้ผมเสียเลย แถมยังราคาถูกกว่าการต่อผมวิธีอื่นด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นเลยไม่แปลกถ้าวิธีนี้จะกลายเป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่สาว ๆ ในขณะนี้
แบบที่ 4 การต่อผมแบบเส้นต่อเส้น
วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้เส้นผมคุณดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดค่ะ เพราะช่างผมจะต่อผมคุณแบบเส้นต่อเส้น ซึ่งก็ทำให้การต่อผมวิธีนี้กินเวลานานมากๆ พอ ๆ กับที่ราคาก็จะแพงมากด้วยค่ะ เฉลี่ยประมาณหัวละ สองหมื่นบาทเลยทีเดียว
และนั่นคือวิธีการต่อผมที่นิยมกันในเมืองไทยขณะนี้ ซึ่งสาว ๆ หลายคนก็คงจะมีคำตอบแล้วใช่มั้ยคะว่าการต่อผมแบบไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด
เอาล่ะค่ะ เมื่อรู้เรื่องราวของการต่อผมไปแล้ว คราวนี้เรามาดูเรื่องราวของการดูแลรักษาผมที่ต่อกันมาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องดูแลและระวังให้มากกว่าคนที่ไม่ได้ต่อผมมาแน่ ๆ ล่ะ
อย่างแรกที่ต้องคำนึงเลยสำหรับผมต่อ นั่นคือเรื่อง ความสะอาด ต้องดูแลเรื่องนี้ให้มาก ๆ เลยนะคะ เวลาสระผมสำหรับผมที่ต่อมา ต้องสระและล้างให้สะอาดทุกครั้ง และอีกหนึ่งเรื่องคือ การทะนุถนอมผม ของคุณด้วย เพราะผมที่ต่อมาไม่ควรจะขยี้แรง ๆ เลย โดยเฉพาะบริเวณปมผมที่มีอุปกรณ์เชื่อมติดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกาว เป็นกิ๊บ หรือเป็นหลอดก็ตามที เพราะอาจจะทำให้ผมที่ต่อมาหลุดออกมาได้ และยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้ผมจริง ๆ ของคุณขาดร่วงออกมาได้เช่นกันค่ะ
ส่วนการบำรุงผมนั้น สามารถบำรุงผมได้ตามปกติ ยกเว้นการต่อผมแบบกาวที่ต้องระวังนิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้ความมันจากผลิตภัณฑ์บำรุงผม ไปทำลายประสิทธิภาพของกาวเชื่อมผมค่ะ
รู้อย่างนี้แล้ว สาว ๆ หลายคนคงจะตัดสินใจได้แล้วใช่มั้ยคะว่าจะทำหรือไม่ทำ หรือจะต่อผมด้วยวิธีไหนดี แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาช่างผมให้ดีก่อน เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผมของคุณที่สุด แต่ไม่ว่าจะต่อผมด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญ ก็คือ ไม่ควรละเลยที่จะใส่ใจและทะนุถนอมผมให้มากกว่าเดิม เพื่อที่ผมยาวสลวยจะได้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ไงคะ
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ