
หนูน้อย Dyslexia (รักลูก)
โดย: เมธาวี
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่เข้าใจการเรียน ลูกอาจเป็น Dyslexia
Dyslexia หรือที่บางคนรู้จักในชื่อสั้น ๆ ว่า LD คือโรคที่มีความบกพร่องทางทักษะการเรียนรู้ ซึ่งมีสถิติพบการเป็นโรคประมาณ 5% ของเด็กไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน



นอกจากนี้ยังมีเด็กบางคนที่ไม่เข้าใจกระบวนการ การทดเลข รวมไปถึงการแปลโจทย์ปัญหาด้วย เช่น เมื่อให้โจทย์เลข 5+7 เท่ากับเท่าไหร่ เด็กสามารถตอบได้ว่าเท่ากับ 12 แต่ถ้าบอกว่า มีเงิน 5 บาท แม่ให้มาอีก 7 บาท รวมแล้วมีเงินเท่าไหร่ เด็กจะแปลโจทย์ไม่ออกว่าต้องทำอะไรบ้าง
สาเหตุ
สาเหตุของการเกิดโรค Dyslexia หรือ LD ยังไม่ทราบแน่ชัด รู้แต่เพียงว่าเกิดจากความผิดปกติของการทำงานที่เซลล์สมองซีกซ้าย ด้านหน้า เรียกว่า Parietal lobe ซึ่งเป็นความบกพร่องของการทำงานของระบบประสาทในเรื่องของการตีความ เรื่องของความจำระยะสั้น
นอกจากนี้มีงานวิจัยระบุว่า โรคนี้มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ โดยมีโครโมโซมบางตัวที่ผิดปกติ ซึ่งโครโมโซมตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกตินี้ คือโครโมโซมตัวที่ 7 แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดค่ะ
อย่างไรก็ตามโรค Dyslexia สามารถเชื่อมโยงกับโรคทางพันธุกรรมอย่างอื่นได้ เช่น โรคสมาธิสั้น โรคออทิสติก หรือแม้กระทั่งโรคสติปัญญาบกพร่อง ซึ่งอาจจะเกิดร่วมกันและสามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ด้วย
และอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้ คือการใช้ชีวิตในแต่ละบ้าน ที่บรรยากาศในบ้านไม่มีการส่งเสริมให้อ่านหนังสือเลย หรือเด็กที่มีโอกาสน้อยทางการศึกษา ทำให้การกระตุ้นเซลล์สมองไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดความบกพร่องทางการเรียนรู้ขึ้นได้
สังเกตอาการของ Dyslexia
คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการของลูกน้อยได้ ตั้งแต่วัยขวบปีแรก หรือก่อนเข้าเรียนอนุบาลได้ โดยสังเกตจากการพูด หากมีปัญหาเรื่องการพูดช้าตั้งแต่เด็ก หรือมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่บกพร่อง เช่น




ดังนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีพัฒนาการช้า หรือถ้าเทียบเท่ากับเพื่อนในวัยเดียวกันแล้วยังดูว่าช้าผิดปกติ ควรพามาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียด เพราะบางครั้งเด็กยังไม่ได้เข้าข่ายถึงกับเป็นโรค แต่เป็นแค่ความล่าช้าของพัฒนาการ ที่อาจเกิดจากการที่พ่อแม่ไม่ได้กระตุ้น หรือฝึกฝนเท่าที่ควร เพราะปล่อยให้ลูกอยู่กับโทรทัศน์ทั้งวัน เพราะถ้าสังเกตเห็นความผิดปกติเร็ว ก็จะทำให้ช่วยเหลือเด็กได้เร็วขึ้น และสามารถมีพัฒนาการปกติตามวัยได้
โรคนี้มีทางรักษาค่ะ อยู่ที่คุณพ่อคุณม่เป็นสำคัญ ถ้ามีความเข้าใจแล้วล่ะก็ เราจะช่วยลูกให้มีอาการดีขึ้นได้แน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
