ชิน โฟร์เอส เจ้าของวลี อีกแล้วครับท่าน ก้มหน้ารับชีวิตตกต่ำ ป่วยหนัก-หนี้ท่วม



ชิน โฟร์เอส เจ้าของวลี

               สุชิน ควรสงวน หรือ ชินโฟร์เอส เจ้าของวลี "อีกแล้วครับท่าน" เปิดใจ ชีวิตดิ่งลงเหว อาการป่วยรุมเร้า-หนี้เช็ค 7 แสน จ่อขึ้นศาล เตรียมใจติดคุก ฝากข้อคิดใครมีเงินควรคิดก่อนใช้ ครอบครัวจะได้ไม่ลำบาก

               เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2559 ผู้สื่อข่าวบันเทิง คมชัดลึก ได้เดินทางไปเยี่ยม นายสุชิน ควรสงวน หรือ ชินโฟร์เอส เจ้าของวลี "อีกแล้วครับท่าน" ที่ขณะนี้มีอาการป่วยหนัก โดยนายสุชิน ระบุว่า 4-5 ปีมานี้ ป่วยด้วยอาการไซนัส ภูมิแพ้ และเส้นเลือดในสมองตีบ ไม่มีใครมาเยี่ยม โทรศัพท์ก็มีแต่เจ้าหนี้โทร. มา ชีวิตตกอยู่ก้นเหว หวังว่าสักวันจะปีนป่ายขึ้นจากปากเหวได้
               นายสุชิน กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าตนผิดเอง ไม่โทษใคร ยอมรับว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา ตนลำบากที่สุด  สมบัติที่มีก็ขายหมด เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน แต่ถึงแม้ว่าตนจะไม่มีกินอย่างไร ตนก็ไม่คิดที่จะขายพระกรอบทองที่ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องบูชาพระไทย ที่มอบให้ตนเพราะนึกถึงบุญคุณที่ให้มา แต่ต้องขอบคุณน้องคู่หนึ่งให้พระมเหศวรมา พระยังอยู่ แต่กรอบทองไปขายใช้เป็นค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว

               นอกจากนี้ยังมีปัญหาหนี้สินที่ตนดูบริษัทคู่ค้า ซึ่งผลิตแผ่นซีดีฟ้องตนในคดีเช็ค ช่วงที่ตนเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โฟร์เอส สตูดิโอ จำกัด โดยระยะเวลา 10-20 ปี ตนจ่ายเช็คไปไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน แต่ตอนนี้ตนถูกฟ้องเกือบ 7 แสน ตนไม่โกรธเลย จริง ๆ แล้วเขาก็ยืดหยุ่นให้ตลอด แต่ภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีโอกาสชำระเงินตามที่บันทึกถ้อยคำตกลงกับศาล  เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลได้มีหมายไปติดไว้ที่ภูมิลำเนา แต่ช่วงนั้นตนป่วย ไม่เคยไปที่บ้านเดิม ไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าตนหนีศาล

               ต่อมาศาลจึงอ่านคำพิพากษาและมีหมายจับ ซึ่งฝ่ายทนายโจทก์ ขอให้ไปตกลงกันวันอังคารที่ 9 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น. ที่ศาลนนทบุรี ตนต้องมีเงินไปจ่ายจึงจะรอดคุก ทั้งนี้น้อง ๆ หลาน ๆ ที่ดูแลตนอยู่ ก็ห่วงว่าหากตนติดคุกก็คงตายในคุกเพราะโรครุมเร้า ซึ่งตนห่วงความรู้สึกลูก ๆ ว่าเขาจะอยู่กันอย่างไร เพราะแม่ของเขาไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ผมก็ยังยืนยันว่า จะติดคุก เอาเงินให้ลูกดูแลครอบครัว ดูแลบ้าน

ชิน โฟร์เอส เจ้าของวลี

               ที่ผ่านมาตนคิดมาตลอดว่าตนเก่งและมีชื่อเสียง จะกินจะใช้อะไรก็ทำหมด ไม่ได้พิจารณาว่าโอกาสข้างหน้า เศรษฐกิจมันตกต่ำ ธุรกิจไปไม่ได้ ตัวเองจะช่วยตัวไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาตนคิดว่าคนที่เข้ามานั้นรักและศรัทธาแต่สุดท้ายก็มาตามกระแส ตอนตนช่วยคนอื่นไม่ว่าอย่างไรตนก็ช่วย แต่ที่ผ่านมา 4-5 ปีมานี้ ปีใหม่ที สงกรานต์ที ผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์อวยพรจากใคร หรือได้รับความกรุณาจากเพื่อนพ้องน้องพี่ ส้มสักลูกก็ไม่เคยได้กิน ตนไม่โกรธใคร และไม่เคยโทร. ไปรบกวนเขา ธุรกิจตนเริ่มล้มตั้งแต่ต้นปี 2556 แผ่นซีดี วีซีดี มันขายไม่ได้แล้ว ทุกวันมีขายได้ก๊อก ๆ แก๊ก ๆ แค่ประคองชีวิตอยู่ไปวัน ๆ และมีหลานชายหลานสาว ที่ผมส่งเรียน และมีลูกสาวลูกชายที่กำลังเรียนอยู่ซึ่งเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด

               ในช่วง 10 ปีมานี้ตนทำบุญมาตลอด ทำบุญให้กับวัดสระแก้ว อ่างทอง มานับสิบปีทุกเดือน เดือนละ 2 หมื่น และทำทานอีกมากมาย ในฐานะชาวพุทธ บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ หักลบกันไม่ได้ ตนก็ไม่รู้ว่า ตกวิบากกรรมอะไร บ้านนี้ เมืองนี้ ชื่อประเทศไทย ถ้าคนในประเทศนี้ทำผิดแล้วยอมรับผิด ทำถูกแล้วยอมรับว่าถูก บ้านนี้เมืองนี้จะไม่มีการแตกแยก มีแต่ความปรองดอง  ในกรณีที่คู่ค้าที่ฟ้องร้องตน เพราะตนยอมรับผิด ถ้าตนจะติดคุกใช้หนี้ก็ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่น ที่หากมีเงินก็ควรเก็บเงิน คิดก่อนใช้ แล้วครอบครัวจะไม่ลำบาก ชีวิตคนเราหนีไม่พ้น เกิดขึ้น ตั้ง แตกดับ เป็นสัจธรรมความจริงบนโลกนี้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก บุญส่ง ชำนิ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชิน โฟร์เอส เจ้าของวลี อีกแล้วครับท่าน ก้มหน้ารับชีวิตตกต่ำ ป่วยหนัก-หนี้ท่วม อัปเดตล่าสุด 4 สิงหาคม 2559 เวลา 11:59:45 113,762 อ่าน
TOP
x close