ผิด ๆ ถูก ๆ เรื่องอาหารเสริม (momypedia)
โดย :วาศิล
ใคร ๆ ก็รู้ว่าเมื่อลูกถึงวัยหนึ่ง นมอย่างเดียวชักไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายลูก และถึงเวลาต้องให้ "อาหารเสริม" กันแล้วล่ะ แต่ที่คุณพ่อคุณแม่รู้เกี่ยวกับอาหารเสริม บางทีก็ยังเข้าใจผิดกันอยู่ หลายอย่าง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยโดยตรงเลยค่ะ
มาทำความเข้าใจให้ถ่องแท้กันดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องที่มีคนเข้าใจผิดบ่อย ๆ อย่างเช่น
เข้าใจความหมายของ "อาหารเสริม" ผิด
(เครื่องหมายผิด) พ่อแม่บางคนเข้าใจว่า อาหารเสริมคืออะไรก็ได้ที่ลูกกินแล้วไปเสริมให้สุขภาพดี (แม้จะกินเพียงเล็กน้อย) หรือหมายถึงอาหารที่กินเพิ่มจากอาหารที่กินตามปกติเมื่อคิดแบบนี้ จึงให้ลูกกินโดยไม่สนใจในปริมาณและคุณภาพของอาหารชนิดนั้นกันเลย บางครั้งลูกน้อยจึงได้รับอาหารเสริมที่ไม่เหมาะสมกับวัยของเขาไป
(เครื่องหมายถูก) จริง ๆ แล้วอาหารเสริม หมายถึงอาหารอื่น ๆ ที่ลูกน้อยได้รับนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผสม เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต
แม้นมแม่จะเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย แต่เมื่อลูกอายุ 4-6 เดือน ปริมาณสารอาหารที่ได้จากนมแม่ เริ่มไม่พอกับความต้องการของลูก การให้อาหารเสริมที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมกับวัยของลูก จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเติบโตของแก เพราะฉะนั้นการให้อาหารเสริม พ่อแม่จึงต้องให้ความสนใจในคุณภาพและปริมาณด้วย เพื่อให้เข้ากับวัยและพัฒนาการ ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาอีกได้ เช่น พ่อแม่บางคนให้อาหารเสริมบดละเอียดกับลูกตั้งแต่แรก คือตั้งแต่ 4 เดือน (ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มให้อาหารเสริม)ไปจนลูกโต มีฟันขึ้นแล้วในเดือนที่ 7 ซึ่งถึงเวลานั้นลูกต้องเริ่มหัดเคี้ยวบ้างแล้ว แต่เมื่อพ่อแม่ยังให้อาหารบดอยู่ ลูกก็ไม่มีโอกาสจะฝึกเคี้ยว นำมาสู่ปัญหาลูกไม่ยอมเคี้ยวข้าว ต้องบดอาหาร ให้ต่อไปจนโต นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยเหมือนกัน
ให้อาหารเสริมบางอย่างเร็วเกินไป
(ผิด) หมอเด็กหลายท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เคยรักษาเด็กทารกที่พ่อแม่พามาหาหมอด้วยอาการปวดท้อง ตรวจไปตรวจมาพบว่าลำไส้และกระเพาะเต็มไปด้วยกล้วยน้ำว้า ถามได้ความว่าแม่เล่นป้อนกล้วยให้ลูกกินตั้งแต่เดือนกว่า ๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ยังไม่เหมาะจะให้กินกล้วย เพราะระบบการย่อยของลูกยังย่อยอาหารอื่นที่นอกเหนือจากนมยังไม่ได้ กล้วยที่ถูกป้อนไปก็อัดแน่นอยู่ในท้อง ไม่ย่อย ท้องลูกทั้งแข็ง ทั้งป่อง และลูกร้องโยเยจนต้องพามาหาหมอ หรือบางรายให้ลูกกินไข่ขาวพร้อม ๆ กับป้อนไข่แดงเมื่อลูกอายุ 4 เดือน ทำให้ลูกเกิดอาการแพ้ ระบบย่อยอาหารของลูกจะย่อยโปรตีนในไข่ขาวได้ง่ายเมื่ออายุ 7 เดือนขึ้นไปค่ะ
(ถูก) การให้อาหารเสริมควรให้เมื่อลูกน้อยพร้อมที่จะรับ คือเมื่อระบบทางเดินอาหาร ไต ประสาท และกล้ามเนื้อได้พัฒนาจนสามารถพร้อมที่จะทำหน้าที่แล้ว
ปกติเด็กจะพร้อมที่จะรับอาหารเสริมเมื่ออายุย่างเดือนที่ 4 โดยช่วงนั้นเด็ก ๆ จะมีปฏิกิริยาห่อปากเอาลิ้นดุนอาหารออกมา แต่เมื่ออายุ 5 เดือนไปแล้ว ปฏิกิริยาเหล่านี้จะหายไป เจ้าตัวน้อยจะสามารถตวัดลิ้นผลักอาหารลงสู่ลำคอ กลืนอาหารครึ่งเหลวครึ่งแข็งได้ ในวัยนี้กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดและน้ำย่อยเป็บซิน (pepsin) มากขึ้น ส่วนน้ำย่อยของผนังลำไส้เล็กนั้นแม้จะมีมากพอมาตั้งแต่แรกเกิด แต่ทารกยังไม่สามารถย่อยแป้งได้มากนัก เพราะระดับน้ำย่อยอะไมเลส (amylase) จากตับอ่อนของหนูๆ อายุต่ำกว่า 6 เดือนยังต่ำอยู่ หลังจากนั้นจึงมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อแม่ป้อนกล้วย (ซึ่งเป็นแป้งเสียส่วนใหญ่) ให้หนูตั้งแต่เดือนกว่าจึงเกิดอาการอาหารไม่ย่อยขึ้น
นอกจากต้องดูความพร้อมของระบบย่อยและดูดซึมอาหารแล้ว ยังต้องดูภูมิคุ้มกันของลูกด้วย เพราะสารโมเลกุลใหญ่ ซึ่งยังไม่ถูกย่อย สามารถถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้ของทารกน้อย ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดการแพ้ได้ อย่างที่แพ้ไข่ขาวนั่นแหละค่ะ
นอกจากนี้ก็ต้องดูความพร้อมของระบบไตด้วย นั่นคือไตต้องสามารถขับถ่ายของเสียและทำให้ปัสสาวะเข้มข้นขึ้น เพื่อให้ขับถ่ายของเสียอย่างยูเรียและโซเดียมได้ดี ในเด็ก ๆ ระบบไตยังไม่สามารถทำให้ปัสสาวะเข้มข้นได้ดีนักจนกว่าจะอายุ 1 ปี ซึ่งถึงวัยที่หนู ๆ จะกินอาหารคล้ายผู้ใหญ่ได้แล้ว
หากเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ได้รับโปรตีนมากเกินไป อาจเกิดทำให้เกิดเลือดเป็นกรดหรือมีไนโตรเจนในเลือดสูงได้ เพราะการขับฟอสเฟสและไนโตรเจนทางปัสสาวะยังทำได้ไม่ดี การให้อาหารเสริมลูกจึงต้องให้อย่างสอดคล้องกับอายุนะคะ
ส่วนระบบประสาทและกล้ามเนื้อนั้น ก็ดูว่า ลูกสามารถนั่งได้ โดยมีสิ่งประคองหลังซึ่งจะช่วยให้การป้อนทำได้สะดวก และลูกสามารถเอื้อมหยิบ จับอาหารได้ดี ขณะเดียวกันก็มองหน้าแม่ได้ถนัดด้วย แกสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของคอและศีรษะได้ดี ทั้งยังแสดงออกได้ว่าพอใจ ไม่พอใจ หรืออิ่มโดยใช้ศีรษะได้
ครูดกล้วยให้ลูกไม่ถูกหลัก
(ผิด) พ่อแม่บางคนหาความรู้มาอย่างดีว่า เวลาไหนควรให้ผลไม้อย่างกล้วยกับลูกได้ (4 เดือนเป็นต้นไป) เมื่อถึงเวลาก็จัดการป้อนกล้วยให้ลูก ปรากฏว่าลูกท้องผูกอย่างแรง ดูไปดูมาก็พบว่าแม่ครูดกล้วยป้อนลูกไปทั้งลูกเลย!
(ถูก) เด็กบางคนกินกล้วยแล้วอาจท้องผูก แต่บางคนก็ไม่ ถ้าหากกินกล้วยแล้วท้องผูก ลองสำรวจดูซิว่าแม่ครูดเอาไส้กล้วยให้ลูกกินด้วยหรือเปล่า การครูดกล้วยให้ลูกนั้น ต้องครูด เอาเฉพาะเนื้อ ไม่ต้องเสียดายแกน ทิ้งไปได้เลย เพราะย่อยยากค่ะ
คิดว่า..กล้วยอย่างเดียวดีที่สุด
(ผิด) พ่อแม่บางคนเข้าใจว่าผลไม้ที่ควรให้เป็นอาหารเสริมลูกนั้น เป็นกล้วยอย่างเดียว (ก็ตำราว่าอย่างนั้นนี่) (ถูก) ที่มีการแนะนำให้ให้กล้วย อาจเป็นเพราะกล้วยเป็นผลไม้ราคาถูก หาง่าย
จริง ๆ แล้วบ้านเรามีผลไม้อีกหลายชนิดที่สามารถมาครูดให้ลูกกินได้ ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ฝรั่ง (บดละเอียด) ฯลฯ สามารถให้ลูกลองทานได้ค่ะ เพียงแต่ต้องระมัดระวังความสะอาดกันให้มากสักหน่อย
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก