คนขับรถ ที่เป็นเพศหญิงนั้นมีอารมณ์หงุดหงิดและฉุนเฉียวง่ายกว่าผู้ชายจริงหรือ... วันนี้เรามีคำตอบมาบอกกันค่ะ
ในปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นว่าผู้ชายต้องขับรถเป็นอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว เพราะสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็หันมาขับรถเองเช่นกัน ซึ่งก็ไม่วายโดนต่อว่าจากเหล่าหนุ่ม ๆ ทั้งขับรถไม่ดี ไม่เปิดไฟเลี้ยว แซงปาดหน้า สารพัดข้อหาที่หนุ่ม ๆ มักจะนำมาอ้างว่าผู้หญิงขับรถได้ไม่ดีเท่าผู้ชาย แถมในบางครั้งยังบอกอีกว่าผู้หญิงไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวหงุดหงิด ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ว่าแต่ข้อกล่าวหานี้จะจริงหรือไม่ วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำผลวิจัยหัวข้อนี้มาฝากกันแล้วค่ะ
ซึ่งผลการทดลองออกมาว่าคนขับขับรถที่เป็นผู้หญิงได้มีการตะโกน บีบแตร หรืออาจลงไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายบนท้องถนน โดยไม่ได้ยั่งคิดหรือมีสติใด ๆ นั่นเป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกว่าว่าเพศหญิงมีอารมณ์โกรธและหงุดหงิดง่ายกว่าเพศชาย สาเหตุเป็นเพราะในขณะที่พวกเธอกำลังควบคุมพวงมาลัยนั้น พวกเธอจะสูญเสียความยับยั้งชั่งใจ จนทำให้เกิดอารมณ์โทสะได้ง่าย ๆ
นักวิจัยกล่าวว่าการขับรถนั้นเหมือนกันการกระตุ้นสัญชาติญาณการป้องกันที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่โบราณ เพศชายนั้นออกไปล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหาร ต้องอาศัยสัญชาตญาณที่นิ่ง เพื่อสยบทุกความเคลื่อนไหว ส่วนเพศหญิงนั้นรออาหารอยู่แต่ในถ้ำ ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการสัตว์หรืออะไรก็ตามที่เข้ามาบุกรุกอย่างไร พวกเธอจึงเลือกที่จะบันดาลโทสะออกไปเพื่อข่มขู่และป้องกันตนเองให้พ้นจากภัยอันตราย
นอกจากนี้ผลสำรวจยังได้ข้อเท็จจริงอีกหลายประการ ที่เกี่ยวข้องกับการขับรถในเรื่องของอารมณ์ เช่น 54% ของผู้ที่ขับรถทั้งหมดบอกว่าการร้องเพลงจะทำให้พวกเขาอารมณ์ดีและมีความสุข, 84% บอกว่าพวกเขาอารมณ์ดีเพราะถนนโล่ง, 78% บอกว่าชอบขับรถไปนอกเมือง และ 69% ชอบขับรถบริเวณชายทะเล
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือชายก็ตาม การขับรถบนท้องถนนต้องระมัดระวังให้มาก เคารพกฎจราจร มีน้ำใจให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ลดอุบัติเหตุ และไม่เกิดการสูญเสียต่าง ๆ กันนะคะ
ข้อมูลจาก : dailymail.co.uk