งานเผือกต้องมา ! น้อง T โทรศัพท์โฟนอินมาปรึกษาปัญหาหัวใจ ใน EFM ปรึกษาปัญหาพระเอก K คุณแม่ป่วย มีร้านอาหาร ที่เข้ามาอ่อย พูดจาดี ๆ ก่อนตีตัวจาก ทำสาวเจ้าตั้งตัวไม่ติด ความเป็นพี่น้องยังไม่เหลือ
แซ่บแรงจริง ๆ จ้า เมื่อมีสาวคนหนึ่งที่ใช้ชื่อตัวย่อ T ได้โทรศัพท์มาโฟนอินสามดีเจแห่งอีเอฟเอ็มอย่าง ต้นหอม ศกุนตลา, ครูลูกกอล์ฟ และเสนาหอย ปรึกษาปัญหาหัวใจที่พระเอกอักษรย่อ K มายั่วให้อยากแล้วจากไป จากที่คุยกันดี ๆ ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว ขาเผือกมุงด่วน
ทั้งนี้ สาวคนหนึ่งได้โทรศัพท์เข้ามาในรายการ EFM เพื่อปรึกษาปัญหาหัวใจว่า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ตนได้รู้จักกับพระเอกคนหนึ่ง อักษรย่อ K อายุเกือบ 40 ปี คุณแม่ป่วย มีร้านอาหาร ซึ่งเราทั้งคู่ต่างเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว และได้มาเจอกันหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเลิกกับคนรักไป เราต่างคนต่างหย่าในเดือนเดียวกัน ตอนแรกเราเป็นพี่น้องกัน และได้คุยกันทุกวัน เพราะต่างคนต่างเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน จนมีการพัฒนามาเดตกันที่ร้านอาหารของพระเอก K ซึ่งเมื่อสัมผัสกับเขาแล้ว ทำให้รู้ว่า เขาไม่ใช่อย่างที่คนอื่นพูด
จนวันหนึ่ง ตนได้ไปทานอาหารกับครอบครัว ที่ร้านของพระเอกคนนี้ และมีการโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก จากนั้นไม่นาน มีคนนำรูปถ่ายรูปนี้ไปเป็นข่าว ตนจึงได้ติดต่อไปที่พระเอกคนนี้ และพระเอกก็บอกว่า อย่าไปคิดอะไรมาก คนเราไปทานอาหารจะถ่ายรูปไม่ได้เหรอ และต่อมา ก็มีรายการติดต่อให้ตนเองไปออกรายการ ซึ่งตนก็ไม่ไป และได้คุยกับเขาว่า หากใครถามก็บอกไปเลยว่า ไม่รู้จักกัน แต่พระเอกคนนี้แมนมาก เขาให้สัมภาษณ์ว่า รู้จักตนจริง เพราะน้องมาทานข้าวกับครอบครัวที่ร้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกระแสแรงขึ้น เพราะในตอนนั้นมีข่าวและมีภาพออกมา และพระเอก K ก็บอกว่า เขาเองผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาชินแล้ว แต่ที่พระเอกคนนี้ห่วงที่สุดคือ คุณแม่ที่กำลังป่วยอยู่ เขาไม่อยากให้อะไรไปกระทบ จากนั้นพระเอกคนนี้จึงตีตัวออกห่าง ไลน์ไปไม่ตอบ ตนจึงมองว่า ทั้ง ๆ ที่เราสานสัมพันธ์มาอย่างดี ทำไมจะเลิกคุยกันเพราะข่าวที่ไม่เป็นความจริง อีกอย่างพระเอกคนนี้ก็กลัวว่าจะมีคนที่ไม่หวังดี มาหาผลประโยชน์ด้วย
สิ่งที่พระเอก K ทำคือ เมื่อตนพิมพ์ข้อความไป พระเอกคนนี้ก็อ่าน อ่านไวด้วย แต่ไม่ตอบ แต่เมื่อข่าวซาลงเขาก็ตอบกลับมาบ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งตนก็บอกว่า เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เป็นเพื่อนกันได้ ไม่จำเป็นต้องให้ข่าวมันมาเป็นอุปสรรคกับมิตรภาพ และตนก็ถามว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยแนะนำคนไปทานอาหารร้านเขา และเพื่อน ๆ ของตนจะยังไปได้ไหม ซึ่งเขาก็บอกว่า ได้สิ และตนก็ให้ไปทานอาหารที่ร้านเขาตรงที่ใหม่ได้ด้วย ไม่เป็นไร
เมื่อถามว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือไม่ สาวคนนี้ก็อึกอัก ไม่กล้าตอบ
สุดท้าย ทางดีเจลูกกอล์ฟจึงตัดบท และถามว่า คุณ T ต้องการอะไรจากพระเอก K เธอก็บอกว่า คำถามคือ เราควรจะเป็นพี่น้องกับเขาหรือไม่ ? ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนเราอยากเป็นมากกว่านั้น ตนยอมรับว่า ณ ตอนนั้น ตนรู้สึกดีและอยากคบกันเป็นแฟน แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นแล้ว เราเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด ตนไม่ต้องการให้เจอกันเหมือนแต่ก่อน แต่เวลาถามไปก็ควรตอบกลับมาบ้าง
ในตอนนี้ ผู้ชายเองเฟดตัวเองไปแล้ว แต่น้อง T กลับรู้สึกว่า เราเป็นพี่น้องกันก็ได้ แต่ฝ่ายชายไม่ได้ให้ เพราะถ้าเขาต้องการเป็นพี่น้องกันจริง เราจะคุยกันได้เรื่อย ๆ ไม่ใช่การที่จะมาคุยแล้วรู้สึกเกรงใจ เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่าง และน้อง T ไม่ควรเสียเวลา ถ้าเราสำคัญจริง เขาจะเก็บเราไว้และคุยกับเราเหมือนเดิม และถ้าสำหรับตนแล้ว ตนมองว่า น้อง T น่าจะปล่อยเขาไป เพื่อที่ต่างฝ่ายต่างไม่เจ็บ และเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เราจะได้มาครอบครองง่าย ๆ และถ้าอยากคุยกันใหม่ น่าจะทิ้งเวลาไว้สักพัก ค่อยกลับไปคุยกัน
ส่วนที่เขาเอาข่าวมาบอกเพื่อเฟดตัวออกจากน้อง T นั้น เป็นการใช้ข้ออ้างที่สุภาพ ไม่ใช่เพราะข่าวหรอก เพราะในความเป็นจริง ข่าวทำอะไรพระเอกคนนี้ไม่ได้
ด้านเสนาหอย บอกว่า คบต่อได้ คุยต่อได้ ถ้ารับแรงกดดันได้ เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นดารา จะมีแรงกดดันทั้งจากสื่อ เพจ นักข่าว แฟนคลับ หากรับแรงกดดันไม่ได้ต้องหยุด
ด้านพี่ลูกกอล์ฟบอกว่า ถ้าจริง ๆ เราชอบใครจริง ๆ เราจะเลือกเขา ไม่ใช่เลือกข่าว น้อง T โดนเท ไม่ได้หมายความว่า ที่คุยกันมันไม่สวยงามหรือไม่คลิก ซึ่งการที่เขาไม่ตอบข้อความของน้อง T คือคำตอบแล้ว การที่เขาบอกว่า น้อง T ไปกินข้าวที่ร้านของพระเอกได้ ไม่ใช่เพราะเขาชอบ แต่เพราะเขาสุภาพ ซึ่งอาจจะทำให้น้อง T ใจชื้นและคิดไปเอง ดังนั้น น้องหยุดก็ดีนะ แต่ถ้าน้องไม่หยุด เขาก็จะคุยแบบสุภาพไปเรื่อย ๆ ในแบบคลุมเครือ น้อง T เองก็โปรไฟล์ดี อย่าเป็นฝ่ายถูกเลือกอย่างเดียว
ภาพจาก AtimeOnline