วิธีแก้ปากแตก หน้าหนาว หนาวนี้สาว ๆ คนไหนที่กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องปากแตก ปากแห้ง รีบมาดูวิธีจัดการกันเลย...
เข้าหน้าหนาวแล้ว ปัญหาที่สาว ๆ มักจะเจอกันบ่อย ๆ นอกจากเรื่องผิวแห้ง
คงไม่พ้นเรื่อง "ปากแตก-ปากแห้ง" กันอย่างแน่นอน เพราะอากาศเย็น ๆ
แบบนี้จะดึงเอาความชุ่มชื้นออกไปจากริมฝีปาก โดยเฉพาะคุณสาว ๆ
คนไหนที่ติดนิสัยชอบเลียปากด้วยแล้วละก็
จะยิ่งทำให้ปากแตกปากลอกได้ง่ายยิ่งขึ้น บางคนถึงขั้นเลือดออกซิบ ๆ
กันเลยก็มี ซึ่งวิธีแก้อันดับแรก ๆ ที่สาว ๆ ควรจะทำเลยก็คือ
เลิกนิสัยเลียปากเสียก่อนค่ะ จากนั้นลองมาปฏิบัติตามวิธีแก้ปากแตกที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันในวันนี้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณสาว ๆ มีริมฝีปากที่อวบอิ่ม ไม่แห้ง ไม่แตก ตลอดหน้าหนาวนี้ได้อย่างแน่นอน
1. ทาลิปบาล์มเป็นประจำ
วิธีแก้และป้องกันปากแตกสุดเบสิกก็คือการทาลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากนั่นเองค่ะ ซึ่งลิปบาล์มจะสามารถช่วยล็อกความชุ่มชื้นได้ดี แต่ทั้งนี้สาว ๆ จะต้องไม่แคะ แกะ เกา หรือเลียริมฝีปากด้วยนะคะ อีกทั้งควรจะทาลิปบาล์มซ้ำอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ปากมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา และนอกจากลิปบาล์มแล้วสาว ๆ ยังสามารถใช้น้ำมันมะกอก ออยล์ หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติได้อีกด้วย เพราะน้ำมันเหล่านี้นอกจากจะช่วยเคลือบริมฝีปากและบรรเทาอาการริมฝีปากแห้งแตกได้แล้ว ยังจะช่วยให้ปากนุ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ
2. สครับริมฝีปาก
สำหรับใครที่ปากแตก แต่อาการยังไม่หนักมากจนถึงขั้นแสบหรือเลือดออก ให้ใช้สูตรสครับริมฝีปากเพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยสูตรนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้น้ำตาลทรายแดง ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกอย่างละ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาสครับที่ริมฝีปากเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก วิธีนี้จะช่วยทำให้ริมฝีปากที่ลอกหลุดออกได้ค่ะ แต่ก็อย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ปากแห้งไปกันใหญ่ แล้วก็อย่าลืมทาลิปบาล์มบำรุงทุกครั้งหลังสครับเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นด้วยนะคะ
3. ปากแตกจนแสบ มีเลือดออกซิบ ๆ แก้ได้ด้วยน้ำผึ้ง !
น้ำผึ้งแท้จะมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ อีกทั้งยังช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้นใครที่มีอาการปากแตกหนักมากจนถึงขั้นแสบและเลือดออก วิธีนี้สามารถช่วยได้ค่ะ โดยให้นำน้ำผึ้งมาทาที่ริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก หากทำบ่อย ๆ อาการปากแตกจนแสบหรือมีเลือดออกจะค่อย ๆ บรรเทาลง จนหายดีในที่สุดค่ะ
4. จิบน้ำตะไคร้บ่อย ๆ
เนื่องจากน้ำตะไคร้มีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ สำหรับคนที่ปากแตกเพราะดื่มน้ำน้อย ขาดน้ำ น้ำตะไคร้จะช่วยแก้ริมฝีปากแห้งแตกได้ดีเลยค่ะ โดยให้จิบน้ำตะไคร้บ่อย ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าปากที่เคยแห้งและแตกจะหายไป จนทำให้คุณกลับมาฉีกยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี
เพราะวิตามินบีมีความสำคัญกับผิวหนังและการฟื้นฟูเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงริมฝีปากด้วยเช่นกัน ดังนั้นในแต่ละมื้อนอกจากจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว สาว ๆ ควรจะเสริมอาหารที่มีวิตามินบีเข้าไปด้วย อย่างเช่น ข้าวกล้อง ผักใบเขียว ตับ และถั่วต่าง ๆ เป็นต้น
6. ดื่มน้ำให้มาก
ข้อนี้ถึงแม้จะเป็นวิธีแก้เรื่องพื้น ๆ แต่เป็นสิ่งสำคัญมากที่สาว ๆ ควรจะทำให้ได้นะคะ เพราะสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปากแตก ปากแห้งนั้น ส่วนใหญ่มักมาจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ขาดความชุ่มชื้น และเกิดอาการปากแตกได้ในที่สุด ซึ่งในแต่ละวันสาว ๆ ควรจะดื่มน้ำเปล่าให้ได้มากถึง 7-8 แก้ว หากดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน นอกจากอาการปากแตกจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ผิวของคุณสาว ๆ ยังจะเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าเดิมอีกด้วย
เห็นไหมคะว่าวิธีแก้ปากแตก-ปากแห้งหน้าหนาวง่ายนิดเดียวเอง ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองทำกันดูนะคะสาว ๆ เพื่อริมฝีปากที่สวยอวบอิ่ม น่าจุ๊บตลอดฤดูหนาวนั่นเองค่ะ
วิธีแก้และป้องกันปากแตกสุดเบสิกก็คือการทาลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากนั่นเองค่ะ ซึ่งลิปบาล์มจะสามารถช่วยล็อกความชุ่มชื้นได้ดี แต่ทั้งนี้สาว ๆ จะต้องไม่แคะ แกะ เกา หรือเลียริมฝีปากด้วยนะคะ อีกทั้งควรจะทาลิปบาล์มซ้ำอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ปากมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา และนอกจากลิปบาล์มแล้วสาว ๆ ยังสามารถใช้น้ำมันมะกอก ออยล์ หรือน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติได้อีกด้วย เพราะน้ำมันเหล่านี้นอกจากจะช่วยเคลือบริมฝีปากและบรรเทาอาการริมฝีปากแห้งแตกได้แล้ว ยังจะช่วยให้ปากนุ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ
สำหรับใครที่ปากแตก แต่อาการยังไม่หนักมากจนถึงขั้นแสบหรือเลือดออก ให้ใช้สูตรสครับริมฝีปากเพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยสูตรนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้น้ำตาลทรายแดง ผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกอย่างละ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาสครับที่ริมฝีปากเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก วิธีนี้จะช่วยทำให้ริมฝีปากที่ลอกหลุดออกได้ค่ะ แต่ก็อย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้ปากแห้งไปกันใหญ่ แล้วก็อย่าลืมทาลิปบาล์มบำรุงทุกครั้งหลังสครับเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นด้วยนะคะ
3. ปากแตกจนแสบ มีเลือดออกซิบ ๆ แก้ได้ด้วยน้ำผึ้ง !
น้ำผึ้งแท้จะมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ อีกทั้งยังช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้นใครที่มีอาการปากแตกหนักมากจนถึงขั้นแสบและเลือดออก วิธีนี้สามารถช่วยได้ค่ะ โดยให้นำน้ำผึ้งมาทาที่ริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก หากทำบ่อย ๆ อาการปากแตกจนแสบหรือมีเลือดออกจะค่อย ๆ บรรเทาลง จนหายดีในที่สุดค่ะ
เนื่องจากน้ำตะไคร้มีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ สำหรับคนที่ปากแตกเพราะดื่มน้ำน้อย ขาดน้ำ น้ำตะไคร้จะช่วยแก้ริมฝีปากแห้งแตกได้ดีเลยค่ะ โดยให้จิบน้ำตะไคร้บ่อย ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าปากที่เคยแห้งและแตกจะหายไป จนทำให้คุณกลับมาฉีกยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี
เพราะวิตามินบีมีความสำคัญกับผิวหนังและการฟื้นฟูเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงริมฝีปากด้วยเช่นกัน ดังนั้นในแต่ละมื้อนอกจากจะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว สาว ๆ ควรจะเสริมอาหารที่มีวิตามินบีเข้าไปด้วย อย่างเช่น ข้าวกล้อง ผักใบเขียว ตับ และถั่วต่าง ๆ เป็นต้น
6. ดื่มน้ำให้มาก
ข้อนี้ถึงแม้จะเป็นวิธีแก้เรื่องพื้น ๆ แต่เป็นสิ่งสำคัญมากที่สาว ๆ ควรจะทำให้ได้นะคะ เพราะสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดอาการปากแตก ปากแห้งนั้น ส่วนใหญ่มักมาจากการที่ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลให้ขาดความชุ่มชื้น และเกิดอาการปากแตกได้ในที่สุด ซึ่งในแต่ละวันสาว ๆ ควรจะดื่มน้ำเปล่าให้ได้มากถึง 7-8 แก้ว หากดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอทุกวัน นอกจากอาการปากแตกจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ผิวของคุณสาว ๆ ยังจะเนียนนุ่มชุ่มชื้นมากกว่าเดิมอีกด้วย
เห็นไหมคะว่าวิธีแก้ปากแตก-ปากแห้งหน้าหนาวง่ายนิดเดียวเอง ว่าแล้วก็อย่าลืมเอาไปลองทำกันดูนะคะสาว ๆ เพื่อริมฝีปากที่สวยอวบอิ่ม น่าจุ๊บตลอดฤดูหนาวนั่นเองค่ะ