ดูแล น้องหนู ให้หนูหน่อย

แม่และเด็ก

ดูแล "น้องหนู" ให้หนูหน่อย
(M&C แม่และเด็ก)

           เมื่อคุณแม่ทำความสะอาดร่างกายให้ลูกน้อย บริเวณจุดซ่อนเร้นอย่าง "น้องหนู" ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็ยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อถนอมส่วนนี้โดยเฉพาะ ไม่ต่างอะไรกับเจ้าตัวเล็กซึ่งต้องดูแลส่วนนี้เป็นพิเศษเช่นกัน เพราะปกติแล้วผิวของเค้าบอบบางยิ่งนัก ดังนั้นคุณแม่จึงต้องเบามือหน่อยเวลาทำความสะอาดให้เขา เพราะเซลล์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นผิวหนังของลูกน้อย ยังไม่ยึดเกาะกันแน่นเท่าของผู้ใหญ่ และจำนวนต่อมต่าง ๆ ก็ยังมีน้อยกว่า ไม่ว่าจะเป็นต่อมเหงื่อหรือต่อมไขมัน ผิวของลูกน้อยเลยบางใสอย่างที่เห็น และมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวสัมผัสอ่อนบางอย่าง "น้องหนู"

เมื่อผ้าอ้อมรังแก(น้อง)หนู

           อวัยวะเพศและบริเวณโดยรอบของทารก ไวต่อสัมผัสระคายเคืองจากสิ่งแปลกปลอมอย่างมาก โดยเฉพาะสารเคมีและสารผสมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาด เบบี้ออยล์ หรือแม้แต่แป้งฝุ่นสำหรับเด็ก ที่สำคัญ ถ้าคุณแม่ทาไม่ถูกวิธี สารเหล่านี้ก็จะหมักหมม ทำให้แพ้ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นคุณแม่จึงต้องระมัดระวังเอาใจใส่เป็นพิเศษ และควรดูแลทำความสะอาดบริเวณนั้นของลูกด้วย ยิ่งหากผ้าอ้อมเปียกชื้นด้วยปัสสาวะ สารแอมโมเนียในปัสสาวะ จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวบริเวณนั้นของลูกเกิดผื่นแพ้ได้ง่าย ขณะที่อุจจาระก็ก่อให้เกิดการหมักหมมของแบคทีเรีย จึงทำให้เจ้าตัวน้อยไม่สบายตัวและแสบคัน จนร้องไห้งอแงไม่หยุด

           วิธีป้องกันคือ คุณแม่ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาบ่อยๆ อย่าให้อับชื้นนาน และไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้ทารกบ่อยครั้ง ส่วนยาทาป้องกันผื่นก็ยังไม่ควรใช้ หากเค้าไม่ได้เป็นผื่นผ้าอ้อมหรือผื่นแดง เพียงเช็ดอย่างถูกวิธี ก็สะอาดแล้วค่ะ

น้องหนูของลูกสาวต้องใส่ใจให้มากหน่อย

           ตามหัวข้อเลยค่ะ คุณแม่ที่มีลูกสาว ต้องดูแลเอาใจใส่ทำความสะอาดมากกว่าลูกชายหน่อยนะคะ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำและก่อนเปลี่ยนผ้าอ้อม ต้องเช็ดบริเวณนั้นของเจ้าตัวเล็กให้แห้งอย่างเบามือ ด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง คือจากน้องหนูไปง่ามก้น ห้ามเช็ดย้อนเด็ดขาด เพราะเชื้อแบคทีเรียจากก้นอาจติดสำลีมาโดนน้องหนูของเจ้าตัวเล็กได้ และอย่าลืมเปิดแคมเล็ก ๆ ของเจ้าตัวเล็กเช็ดด้วย รวมทั้งบริเวณขาหนีบ หากอยู่บ้านก็ควรจะปล่อยให้เนื้อตัวของเจ้าตัวเล็กได้โดนลมบ้าง โดยการปล่อยให้เจ้าตัวเล็กได้เปลือยเปล่าสักพักก็ดีค่ะ

แล้วถ้าน้องหนูของลูกชายโดนขลิบล่ะ

           บริเวณปลายน้องหนูของเด็กผู้ชายจะมีเปลือกหุ้ม ทำให้ส่วนปลายรูปัสสาวะตีบเล็กมาก คุณแม่จะสังเกตว่าเจ้าตัวเล็กมักจะร้องเวลาถ่ายปัสสาวะ เมื่อเจ้าตัวเล็กโตขึ้นส่วนปลายนี้จะค่อยๆ เปิดออกและรูดออกไปด้านหลัง

           ก่อนที่ปลายจะเปิด คุณแม่สามารถช่วยเจ้าตัวเล็กเจ็บน้อยลงได้ โดยเวลาที่อาบน้ำอุ่นให้ขยับส่วนผิวหนังที่คลุมปลายน้องหนูให้หลวม แล้ววักน้ำมาล้างทำความสะอาด หากไม่ล้างบริเวณนี้จะมีเมือกเหลืองๆ สะสมอยู่ ซึ่งเกิดจากเหงื่อและสิ่งที่ปลายน้องหนูขับขึ้นมาเอง บางครั้งก็มีเชื้อไวรัสมาร่วมด้วย ทำให้เจ้าตัวเล็กคันได้ค่ะ

           จริง ๆ แล้ว น้องหนูของลูกชายดูแลง่ายกว่าลูกสาวนะคะ เพียงแค่เปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วเช็ดทุกส่วนให้สะอาดด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น แล้วซับให้แห้งเพื่อไม่ให้เป็นผื่น ไม่ต้องถึงกับใช้น้ำยาทำความสะอาดหรอกนะคะ สบู่ก็ไม่จำเป็นค่ะ เพียงแค่ตอนอาบน้ำใช้น้ำอุ่นล้างก็เพียงพอแล้วค่ะ

           ส่วนน้องหนูที่ผ่านการขลิบมานั้น คุณหมอที่ทำคลอดจะเป็นคนทำให้เลย ถ้าคุณแม่ขอให้ทำ โดยคุณหมอจะตัดบริเวณเปลือกผิวหนังที่หุ้มให้เปิดออก ซึ่งจะทำกันตอนหลังคลอดเลย เพราะเจ้าตัวป่วนยังเล็กและยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้ามาทำกันตอนโตมีหวังเจ้าตัวเล็กร้องจนคุณแม่ปวดหูแน่ หากมีการขลิบแล้วน้องหนูของเจ้าตัวเล็กจะมีแผลบริเวณปลายจำปี กว่าแผลจะหายก็หลายวันหน่อย แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะคุณหมอจะให้ยามาทาบริเวณรอบ ๆ น้องหนูของเจ้าตัวเล็ก เพื่อไม่ให้แผลติดกับผ้าอ้อม ไม่งั้นเจ้าตัวเล็กได้ร้องโวยวายแน่เวลาคุณแม่เปลี่ยนผ้าอ้อม เพราะเค้าเจ็บ และหลังจากนั้น คุณแม่ต้องใช้ผ้าก๊อซเล็ก ๆ ชุบยาที่เป็นน้ำมันตามที่คุณหมอแนะนำพันรอบแผลไว้ เพื่อไม่ให้แผลติดกับผ้า แต่ถ้าเกิดน้องหนูของลูกน้อยมีเลือดออกติดผ้าอ้อมมา 2 - 3 หยด คุณแม่อย่าเพิ่งตกใจนะคะเพราะเดี๋ยวก็จะหายเอง

           เสริมความรู้สักนิด ปัจจุบันปกติแล้วถ้าไม่ใช่เพราะประเพณีนิยมอย่างเช่นชาวมุสลิม เราก็มักจะไม่สนใจที่จะขลิบให้เจ้าตัวเล็กกันหรอกค่ะ และที่เขาขลิบกันนั้นก็เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย และเชื่อว่าช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งของปลายอวัยวะเพศได้ ทั้งยังเป็นประโยชน์กับภรรยาเมื่อเจ้าตัวเล็กโตขึ้นมีครอบครัว เพราะจะได้ไม่มีเชื้อโรคหมักหมมบริเวณนั้น ซึ่งอาจติดเชื้อไปที่ปากมดลูกได้

           ฉะนั้น ถ้าจะไม่ขลิบให้ลูกก็ไม่เป็นไรนะคะ คุณหมอแนะนำว่าให้ปล่อยไว้ตามธรรมชาตินั่นล่ะดีที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาการตีบตันของหนังหุ้มปลาย และถ้าคุณแม่รักษาความสะอาดดี บริเวณปลายของอวัยวะเพศก็จะเปิดเองตามธรรมชาติเมื่อโตขึ้นค่ะ


    


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดูแล น้องหนู ให้หนูหน่อย อัปเดตล่าสุด 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา 16:42:47
TOP
x close