รู้ได้อย่างไรว่า “ลูกน้อย เริ่มเครียด” ?! (goodfoodgoodlife)
ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องเจอกับปัญหาแบบนี้...
ลูกรักมักจะปวดท้องทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน บางคนก็อาเจียนหลังอาหารทุก ๆ เช้า บางคนก็งอแงกันตรง ๆ ว่า หนูไม่อยากไปโรงเรียน หรือเริ่มมีนิสัยก้าวร้าวขึ้น นี่แหละค่ะเป็นสัญญาณว่า ลูกน้อยของคุณกำลังเครียด
เด็กเครียดได้เหมือนผู้ใหญ่ค่ะ มาจากหลายสาเหตุ คือทั้งจากตัวเด็กเอง เช่น มีปัญหาสุขภาพ หรือปัญหาจากผู้เลี้ยงดู เช่น ถูกผู้ใหญ่เลี้ยงดูแบบย้ำคิดย้ำทำ เข้มงวดเกินไป หรือถูกตามใจมากเกินไป แต่เด็กบางคนก็มีปัญหาไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่ก็เป็นได้ เช่น โรงเรียน ฯลฯ
เด็กเล็ก ๆ เวลาเครียด เขาบอกเราไม่เป็น แต่มักจะแสดงออกด้วยอาการและพฤติกรรมต่าง ๆ แทน คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตว่าลูกคุณเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า เช่น
ร้องไห้งอแง ไม่เชื่อฟัง จนดูเหมือนเป็นเด็กดื้อ
มีพฤติกรรมแปลก ๆ ไปจากเดิม อย่างเริ่มดูดนิ้วมือ ดึงผม ถูจมูกบ่อย ๆ
ปวดท้อง ปวดหัว อาเจียน แบบไม่ทราบสาเหตุบ่อย ๆ
นอนไม่หลับ ตื่นตอนกลางคืน บางคนละเมอออกมาเดิน หรือปัสสาวะรดที่นอน
บางคนไม่กล้าแสดงออก บางคนเอาแต่ใจตนเอง
เด็กบางคนเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ชอบเล่นคนเดียว เก็บตัว ซึมเศร้า
บางคนก็อาละวาดไม่หยุด แบบไม่มีเหตุผล
ก้าวร้าว หรือเริ่มพูดโกหก
เด็กบางคนสมาธิสั้นอยู่แล้วก็จะยิ่งเป็นมากขึ้น
เมื่อเด็กเครียดจะขัดขวางต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก และจะมีปัญญาบุคลิกภาพเมื่อโตขึ้นด้วย ดังนั้นต้องแก้ไขค่ะ ขอแนะนำ วิธีง่าย ๆ ลดความเครียดให้แก่คุณลูกดังนี้
ชวนเด็กออกกำลังกายที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เพราะเมื่อเหนื่อยฮอร์โมนเอ็นโดฟินส์หรือฮอร์โมนแห่งความสุขจะหลั่งออกมาทำ ให้มีความสุขขึ้น
เพิ่มกิจกรรมที่เพลิดเพลินมีความสุขในครอบครัว เช่น อ่านนิทานให้ลูกฟัง เลี้ยงสุนัข
ชื่นชม และให้กำลังใจในทางบวกและสุภาพกับลูกรักเสมอ ๆ เช่น "หนูเก่งมาก" "หนูเป็นเด็กดี"
ปล่อยให้ลูกได้แสดงออกแต่ไม่ตามใจเกินไป เช่น ปล่อยลูกได้ร้องไห้ เด็กจะได้ไม่เก็บความเครียดไว้เมื่อเด็กหยุดร้องไห้ ก็อธิบายเหตุผลให้เด็กรู้ถึงข้อดีข้อเสียในเรื่องที่เด็กมีปัญหา
ยอมรับในความสามารถของเด็กไม่บังคับให้เด็กทำในสิ่งที่ยังไม่พร้อม เช่น สอนให้เขียนหนังสือก่อนวัย
พ่อแม่ต้องมีเหตุผล ไม่ลงโทษเด็กโดยไม่ถามหรืออธิบายเหตุผลให้เด็กเข้าใจ
อย่ากังวลเมื่อเด็กทำผิดพลาด เพราะเป็นการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งเด็กจะรู้จักปรับตัวและแก้ไขปัญหาได้ต่อไป
อย่าลืมนะคะว่าถ้าลูกของคุณมีความสุข เขาก็จะเป็นเด็กอารมณ์ดี และจะมีพัฒนาการที่ดีในทุก ๆ ด้านค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก