วิธีนุ่งโจงกระเบน แบบง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากแต่งกายด้วยชุดไทย เพื่อสืบสานเอกลักษณ์ และขนบธรรมเนียมประเพณีไทยให้คงอยู่สืบไป จะมีวิธีนุ่งอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ...
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่คนไทยหันมาให้ความสนใจกับการแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ที่มีการรณรงค์ให้ผู้เที่ยวงานร่วมแต่งกายชุดไทย ซึ่งได้เสียงตอบรับไปอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีกระแสต่อเนื่องมาจากละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์อย่าง บุพเพสันนิวาส ที่ทำให้สาว ๆ หลายคนอยากใส่ชุดไทยสวย ๆ เหมือนแม่หญิงการะเกด หรือแม่หญิงจันทร์วาด กันดูบ้าง ยิ่งช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง รวมไปถึงงานเทศกาลต่าง ๆ เริ่มมีการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนสวมใส่ชุดไทยกันมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาเอกลักษณ์ วัฒนธรรมและประเพณีไทยให้คงอยู่สืบไปแล้ว ยังเป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์อันดีงามของสังคมไทยให้ชาวต่างชาติเห็นอีกด้วย
นอกจากนี้การใส่ชุดไทยนั้นยังสะท้อนถึงภูมิปัญญาการออกแบบชุดของคนสมัยก่อนที่ไม่มีการตัดเย็บ แค่ใช้ผ้าเพียงผืนเดียวก็สามารถนำมานุ่งห่ม จับ พับ หรือจีบให้มีความเหมาะสมสวยงามต่อรูปแบบการดำรงชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณี โดยผ้านุ่งส่วนใหญ่ที่คนไทยสมัยโบราณใช้จะเป็นผ้าผืนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวประมาณ 2-3 เมตร นิยมนุ่งเป็นผ้าพื้นสีเดียวหรือผ้าลาย หากเป็นผู้มีฐานันดรสูงก็จะนุ่งผ้าเนื้อดีตามยศถาบรรดาศักดิ์ เช่น ผ้าที่มีลวดลายทอขึ้นเป็นพิเศษ เป็นต้น
การใส่ชุดไทยให้สวยงามนั้นจำเป็นต้องใช้ความประณีต เช่น การจับจีบให้สวย หรือการพับผ้าให้ได้สัดส่วน เป็นต้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำ วิธีนุ่งผ้าโจงกระเบน มาฝาก โดยผ้าโจงกระเบนนั้นจะมีลักษณะคล้ายกางเกง ซึ่งใช้วิธีคลี่ผ้านุ่งผืนใหญ่โอบรอบตัว ดึงปลายผ้าให้เสมอกัน จากนั้นจับผ้าที่อยู่ช่วงเอวมาผูกเป็นปมให้แน่น (อาจใช้เชือกมัดให้แน่นอีกที) แล้วจึงรวบปลายผ้าที่เหลือม้วนเข้าด้วยกันจนกลายเป็นแท่ง แล้วนำลอดใต้หว่างขา จากนั้นดึงขึ้นไปเหน็บไว้ด้านหลังระดับบั้นเอว ก็เป็นอันนุ่งโจงกระเบนเสร็จเรียบร้อย แต่หากใครที่ยังนึกไม่ออกว่าโจงกระเบนนั้น จะมีวิธีนุ่งอย่างไร ลองมาชมคลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลยค่ะ แต่ละวิธีสามารถทำตามได้ง่าย ๆ คราวนี้ถ้าใครอยากจะลองนุ่งโจงกระเบน ห่มสไบ ไปเที่ยวงานไหนละก็ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิธีแต่งตัวอีกต่อไปแล้วค่ะ ^_^