เทคนิคเลือกน้ำสลัด ให้เหมาะกับแม่ตั้งครรภ์

ตั้งครรภ์

น้ำสลัด ดีอยู่ที่เลือกกิน
(modernmom)

          บางทีแม่ท้องก็เกิดเบื่อหน่ายเมนูเดิม ๆ อยากลองกินอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง วันนี้เราขอขอแนะนำสลัดค่ะ เพราะนอกจากเพิ่มกากใยแล้ว ยังได้รสอร่อยจากน้ำสลัดแบบต่าง ๆ ด้วย แต่ต้องมีเทคนิคเลือกน้ำสลัดให้เหมาะกับยามท้องค่ะ

น้ำสลัดที่แม่ท้องต้องรู้

          ทุกวันนี้มีน้ำสลัดหลากหลายชนิดให้เลือกได้ตามความชอบ ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัย โดยมีการปรับเปลี่ยนส่วนผสมให้สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา การแบ่งประเภทของน้ำสลัดอาจแบ่งได้ 2 ประเภท ตามส่วนผสมพื้นฐานที่ใช้สำหรับทำน้ำสลัด คือ

น้ำสลัดชนิดข้น

          มีลักษณะเป็นครีมเข้น ส่วนผสมหลักของน้ำสลัดชนิดนี้ ประกอบด้วยมายองเนส เป็นส่วนผสมมาตรฐานที่ใช้กับครีมสลัดแบบข้นชนิดอื่น สูตรการทำมายองเนสได้จากส่วนผสมของน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว และน้ำมัน เช่น น้ำมันสลัด น้ำมันงา น้ำมันมะกอก โดยปกติแล้วน้ำกับน้ำมันจะไม่รวมตัวกัน มายองเนสจึงต้องมีส่วนผสมที่ขาดไม่ได้คือไข่แดง ทำหน้าที่สำคัญในการช่วยยึดเกาะส่วนผสมที่เป็นน้ำ กับส่วนผสมที่เป็นน้ำมันให้รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่แยกเป็นชั้นวิธีทำนิยมปั่นส่วนผสมทั้งน้ำและน้ำมันให้เข้ากันทีละน้อย โดยเครื่องผสมอาหารไฟฟ้า แต่งรสด้วยน้ำตาลหรือนมข้นเพื่อเพิ่มความหวาน น้ำสลัดชนิดนี้จึงเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง มีสารอาหารครบถ้วนทั้งคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากน้ำตาล ไขมันจากน้ำมัน โปรตีนจากไข่และนม สำหรับ น้ำสลัดชนิดข้นทีได้รับความนิยม ได้แก่

          1. น้ำสลัด Caesar จุดเด่นของน้ำสลัดชนิดนี้คือ มีแอนโชวี่ส่วนผสมสำคัญ กลิ่นของแอนโชวี่จึงเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง จากน้ำสลัดอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเนยแข็ง พาร์มีซานและมายองเนส รสชาติเค็ม มันหวานเล็กน้อย

          2. น้ำสลัด Ranch มีรสชาติเข้มข้น มัน เค็ม ไม่หวาน มีส่วนผสมพื้นฐานจากมายองเนส Sour Cream และ Buttermilk

          3. น้ำสลัด Blue Cheese มีกลิ่นและรสเฉพาะตัวจากบลูชีสซึ่งเป็นส่วนผสมหลักรสชาติมัน เค็ม เปรี้ยว และหวานน้อย

          4. น้ำสลัด Thousand Island จุดเด่น คือสีแดงสวยน่ากิน เพราะมีส่วนผสมของมะเขือเทศบด มายองเนส และน้ำเชื่อม ทำให้ครบ 3 รสอร่อย หวาน มัน และเปรี้ยว

น้ำสลัดชนิดใส

          มีความแตกต่างจากน้ำสลัดชนิดข้นคือ ไม่มีไข่แดงและมายองเนสเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ส่วนผสมอย่างน้ำและน้ำมันไม่รวมตัวกัน แยกเป็นชั้นได้ง่าย มีลักษณะเหลวไม้ข้นหนืด และมักมีส่วนผสมของเครื่องเทศสมุนไพรรวมอยู่ด้วย เช่น กระเทียม หอมแดง หอมใหญ่ พริกไทย และมัสตาร์ด เพื่อให้มีกลิ่นหอมและส่วนผสมข้นขึ้น

          วิธีทำใช้การคนหรือเขย่า รสชาติไม่เข้มเหมือนน้ำสลัดแบบข้น แต่จุดเด่นคือให้พลังงานน้อยกว่า จึงนิยมใช้เป็นน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ สารอาหารที่ได้รับมาจากสองแหล่งใหญ่คือ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งมาจากน้ำตาล มีไขมัน และโปรตีนค่อนข้างน้อย น้ำสลัดชนิดใสที่ได้รับความนิยม ได้แก่

          1. น้ำสลัด French มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูหมักจากผลไม้ น้ำมันมะกอกนิยมใส่มะเขือเทศ และน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเล็กน้อย มีรสเปรี้ยว หวานมากกว่าแบบอิตาเลียน

          2. น้ำสลัด Italian ส่วนผสมคล้ายแบบ French คือน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูหมัก เครื่องเทศสับละเอียด แต่ไม่นิยมใส่น้ำตาล

          3. น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น ใช้ซีอิ๊วญี่ปุ่นผสมน้ำมันมะกอก ปรุงรสเปรี้ยว หวาน จากน้ำตาล น้ำส้มสายชู มีงาบุบโรยหน้าเล็กน้อย

          4. น้ำสลัดงา เป็นน้ำสลัดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนผสมหลัก คือ น้ำมันงา งาบด ซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำส้มสายชู มีรสหวาน มัน เปรี้ยว ให้พลังงานสูง เพราะมีส่วนผสมจากน้ำมันและงา บางสูตรใช้มายองเนสเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มความข้น และรสที่จัดจ้านขึ้น

          5. น้ำสลัดบัลซามิก ส่วนผสมคล้ายกับสลัดน้ำใสทั่วไปคือ น้ำมันมะกอก เครื่องเทศ แต่น้ำส้มสายชูที่นำมาใช้คือ น้ำส้มสายชู บัลซามิก ได้จาการหมักจากองุ่น มีสีเข้มลักษณะข้นกว่าน้ำส้มสายชูทั่วไป

เลือกให้เหมาะกับแม่ท้อง

          สำหรับแม่ท้องที่ไม่มีอาการแพ้ท้อง หรือแม่ท้องที่มีน้ำหนักตัวปกติ สามารถเลือกกินน้ำสลัดได้ทุกชนิด แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใส่น้ำสลัดมากเกินไป เพราะส่วนผสมของน้ำสลัดโดยทั่วไปทำมาจากน้ำมัน ถ้ากินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะน้ำสลัดทั้งชนิดข้นและใส จัดอยู่ในหมวกอาหารประเภทไขมัน มายองเนส 1 ช้อนชา มีพลังงาน 45 กิโลแคลอรี หรือเท่ากับพลังงานจากน้ำมัน 1 ข้อนชา สำหรับน้ำสลัดชนิดอื่น ๆ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะเท่ากับน้ำมัน 1 ช้อนชา

          ส่วนแม่ท้องที่มีน้ำหนักเกิน แนะนำน้ำสลัดใส เพราะกินได้มากกว่า สำหรับแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง ให้หลีกเลี่ยงน้ำสลัดที่มีกลิ่นหรือรสเฉพาะตัว เช่น แอนโชวี่ บลูชีส และบัลซามิก เพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้

นอกจากนี้ น้ำสลัดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำมันปริมาณมาก ทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาย่อยนาน อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงต้องจำกัดปริมาณในการกิน

จับคู่น้ำสลัดให้เหมาะกับผักสด

          จริง ๆ แล้วไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าผักชนิดใดควรกินคู่กับน้ำสลัดประเภทใด แม่ท้องสามารถเลือกกินได้ตามความชอบทั้งผักสดและผักต้ม แต่เนื่องจากความข้นใสของน้ำสลัดที่แตกต่างกัน ควรเตรียมผักให้สอดคล้องกับชนิดของน้ำสลัด

          สำหรับน้ำสลัดแบบข้น ผักที่นำมากินคู่สามารถหั่นได้ทุกขนาด เพราะความหนืดของน้ำสลัดแบบข้น สามารถกระจายจับตัวได้ทั่วถึง ส่วนผักสำหรับสลัดน้ำใสควรหั่นผักเป็นชิ้นเล็ก เพื่อให้ง่ายต่อการคลุกเคล้าที่ง่ายขึ้น

          แม้น้ำสลัดในบ้านเราจะมีอยู่หลายชนิด เพียงแค่รู้จักเลือก นอกจากแม่ท้องอร่อยในรูปแบบที่ต่างไปจากเติมแล้ว ยังสุขภาพดี ทั้งร่างกายและผิวพรรณอีกด้วย

Tips

          น้ำสลัดทุกชนิดมักจะมีไขมันหรือน้ำมันเป็นส่วนประกอบเสมอ น้ำมันมีวิตามินอี ที่ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น ไม่แตกแห้ง แต่คุณแม่ควรเลือกน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของน้ำมันคุณภาพดี เช่น มะกอก คาโนลา รำข้าว ถั่วเหลือง เพราะนอกจากจะช่วยดูผิวพรรณแล้ว กรดไขมันชนิดดีในน้ำมันดังกล่าว ยังทำหน้าที่ป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้อีกด้วย

          น้ำสลัดชนิดข้นของแม่ท้องควรมีส่วนผสมเครื่องเทศ สมุนไพร เช่น โหระพา กระเทียม มะเขือเทศ ฯลฯ เพราะช่วยลดการดูดซึมของไขมัน บรรเทาอาการอึดอัดแน่นท้อง ถ้ามีคอเลสเตอรอลสูงควรเลือกชนิด Low Fat

          สำหรับแม่ท้องที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรเลือกน้ำสลัดแบบน้ำใสชนิดน้ำตาลน้อย

          แม่ท้องที่ไม่ชอบดื่มนม ควรเลือกน้ำสลัดที่มีงานเป็นส่วนผสม เพราะงาให้คุณค่าสารอาหารแคลเซียมคล้ายนม

          เลือกกินน้ำสลัดกับผักสะอาดหลากสีเป็นประจำ ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ช่วยลดอาการท้องผูก ไม่ให้มากวนใจได้อีกด้วย



    



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.15 No.181 พฤศจิกายน 2553

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เทคนิคเลือกน้ำสลัด ให้เหมาะกับแม่ตั้งครรภ์ อัปเดตล่าสุด 27 ธันวาคม 2553 เวลา 14:10:21
TOP
x close