สะดือดําทําไงดี สาว ๆ ที่กำลังมีปัญหานี้ และกำลังหาวิธีดูแลสะดือให้กลับมาขาวน่ามอง มาดูเคล็ดลับกัน บอกเลยว่างานนี้จะสวมใส่ชุดโชว์เอวบ่อยแค่ไหนก็มั่นใจได้มากกว่าที่เคย
การดูแลความสวยแค่เพียงผิวหน้าและผิวนอกกายอาจไม่เพียงพอสำหรับสาว ๆ สมัยนี้อีกต่อไป เนื่องจากแฟชั่นเสื้อผ้าที่เราใส่ ล้วนแต่ต้องโชว์ผิวพรรณมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เสื้อเปิดไหล่ เทรนด์เสื้อแขนกุด และอีกหนึ่งเทรนด์แฟชั่นที่มาแรงทุกปีด้วยเข้ากับอากาศร้อนของบ้านเรามากที่สุดอย่าง เสื้อโชว์เอว ก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ทุกวันนี้สาว ๆ ต้องหันมาดูแลช่วงเอวกันมากขึ้น รวมไปถึงดูแลสะดือให้สะอาดสะอ้านน่ามองอยู่ตลอดเวลาด้วย
แล้วถ้าผู้หญิงบางคนที่มีปัญหาสะดือดำจะต้องทำอย่างไร ? ถึงจะใส่เสื้อโชว์เอวได้แบบมั่นใจ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอเอา วิธีแก้สะดือดำ มาฝากกัน ถ้าอยากรู้ว่า สะดือดําทําไงดี ตามมาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันเลย
สะดือดำ เกิดจากอะไร ?
1. คราบขี้ไคลสะสม
บนผิวกายของเรามักจะมีขี้ไคลอยู่ทั่วทุกพื้นผิว ทั้ง ผิวหน้า, แขน, ขา, ข้อพับ รวมไปถึงสะดือก็มีขี้ไคลสะสมได้ด้วย นานวันเข้าหากไม่ยอมขัดถูขี้ไคลออกไปอาจจะกลายเป็นคราบดำจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั่นเอง
2. ล้างสบู่ออกไม่หมด
เนื่องจากในเนื้อสบู่ทั้งแบบก้อนและสบู่เหลวจะมีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่ หากล้างออกไปไม่หมดไขมันจากฟองสบู่ก็จะสะสมจนเกิดเป็นก้อนดำ นอกจากจะทำให้ผิวสกปรกแล้วอาจส่งกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ด้วย
3. ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว หลายคนมักจะพบกับปัญหาผิวดำคล้ำบริเวณข้อพับ รักแร้ หัวนม ต้นคอ หน้าท้อง รวมไปถึงรอบ ๆ สะดือ ซึ่งจะเกิดรอยสีดำอย่างเห็นได้ชัดมากทีเดียว
4. ความอับชื้นและเชื้อรา
เพราะสะดือมีลักษณะเป็นหลุมเล็ก ๆ อยู่ตรงหน้าท้อง ทำให้สาว ๆ มองข้ามและไม่ชอบเช็ดผิวข้างในสะดือ พอใส่เสื้อผ้าทั้ง ๆ ที่ยังเปียกอยู่ก็จะทำให้อับชื้น เกิดเชื้อรา และส่งกลิ่นเหม็นได้นั่นเอง
5 เคล็ดลับจัดการปัญหาสะดือดำ
1. ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาด
นำก้านสำลีจุ่มลงไปในแอลกอฮอล์ จากนั้นเอามาเช็ดข้างในสะดือ หากดึงขึ้นมาแล้วก้านสำลีมีสีดำก็เปลี่ยนอันใหม่ทันที ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนไม่มีอะไรติดก้านสำลีออกมา แล้วค่อยใช้น้ำเปล่ามาเช็ดแอลกอฮอล์ออกไป ปิดท้ายด้วยการอาบน้ำตามปกติ
2. ทำความสะอาดด้วยเบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้ง
สำหรับใครที่แพ้แอลกอฮอล์ลองเปลี่ยนมาใช้เบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้งแทนได้ โดยใช้ก้านสำลีจุ่มลงในเบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้งพอชุ่ม จากนั้นนำมาเช็ดข้างในสะดือ หากก้านสำลีสกปรกและมีกลิ่นเหม็นติดขึ้นมาควรเปลี่ยนก้านอันใหม่ เช็ดไปเรื่อย ๆ จนสะอาดแล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาเช็ดอีกที เพียงเท่านี้สะดือก็จะสะอาดและไม่ดำแล้ว
3. ล้างฟองสบู่ให้หมดทุกครั้ง
เวลาล้างฟองสบู่ออกด้วยน้ำเปล่า ควรใช้มือลูบฟองข้างในสะดือออกไปให้หมด อย่าให้เหลือคราบฟองและความลื่นในนั้น หรือแม้แต่ฟองของยาสระผมที่ไหลลงมาก็อาจจะไหลเข้าสะดือแบบที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นควรล้างตัวด้วยน้ำเปล่าขั้นตอนสุดท้ายให้นานขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อที่ฟองต่าง ๆ จะได้ไม่เกาะผิวกายนั่นเอง
4. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดสะดือให้แห้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วสาว ๆ จะต้องใช้ผ้าขนหนูเช็ดข้างในสะดือให้แห้ง แม้แต่ผิวช่วงบนของร่างกายก็อย่าให้มีความชื้นหลงเหลือ เพราะสะดือของเรามีลักษณะเป็นหลุม ถ้ามีหยดน้ำเหลืออยู่ก็จะไหลสู่สะดือได้นั่นเอง ส่วนใครที่มีสะดือลึกและแคบก็ลองใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดสะดือให้แห้งทุกครั้ง ความอับชื้นหรือเชื้อราก็จะไม่มากวนใจแล้ว
5. ปรับฮอร์โมนให้ปกติ
สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่เกิดมีสะดือดำเพราะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หลังจากคลอดลูกแล้วสีดำคล้ำเหล่านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปและกลับมาเป็นผิวสวยใสดังเดิม แต่ถ้ารอสักพักแล้วรอยดำยังไม่หาย ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหาทางปรับฮอร์โมนให้กลับมาปกติดังเดิมจะดีกว่า
คราวนี้ใครที่เจอปัญหาสะดือดำหากลองเอาทั้ง 5 เคล็ดลับไปลองปรับใช้ดู รับรองว่าสะดือของคุณจะต้องกลับมาขาว ไม่มีปัญหาสะดือดำให้กวนใจอีกแน่นอน
ข้อมูลจาก : healthline.com, huffingtonpost.ca, teenvogue.com
แล้วถ้าผู้หญิงบางคนที่มีปัญหาสะดือดำจะต้องทำอย่างไร ? ถึงจะใส่เสื้อโชว์เอวได้แบบมั่นใจ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอเอา วิธีแก้สะดือดำ มาฝากกัน ถ้าอยากรู้ว่า สะดือดําทําไงดี ตามมาดูเคล็ดลับเหล่านี้กันเลย
สะดือดำ เกิดจากอะไร ?
1. คราบขี้ไคลสะสม
บนผิวกายของเรามักจะมีขี้ไคลอยู่ทั่วทุกพื้นผิว ทั้ง ผิวหน้า, แขน, ขา, ข้อพับ รวมไปถึงสะดือก็มีขี้ไคลสะสมได้ด้วย นานวันเข้าหากไม่ยอมขัดถูขี้ไคลออกไปอาจจะกลายเป็นคราบดำจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั่นเอง
2. ล้างสบู่ออกไม่หมด
เนื่องจากในเนื้อสบู่ทั้งแบบก้อนและสบู่เหลวจะมีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่ หากล้างออกไปไม่หมดไขมันจากฟองสบู่ก็จะสะสมจนเกิดเป็นก้อนดำ นอกจากจะทำให้ผิวสกปรกแล้วอาจส่งกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ด้วย
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว หลายคนมักจะพบกับปัญหาผิวดำคล้ำบริเวณข้อพับ รักแร้ หัวนม ต้นคอ หน้าท้อง รวมไปถึงรอบ ๆ สะดือ ซึ่งจะเกิดรอยสีดำอย่างเห็นได้ชัดมากทีเดียว
เพราะสะดือมีลักษณะเป็นหลุมเล็ก ๆ อยู่ตรงหน้าท้อง ทำให้สาว ๆ มองข้ามและไม่ชอบเช็ดผิวข้างในสะดือ พอใส่เสื้อผ้าทั้ง ๆ ที่ยังเปียกอยู่ก็จะทำให้อับชื้น เกิดเชื้อรา และส่งกลิ่นเหม็นได้นั่นเอง
1. ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาด
นำก้านสำลีจุ่มลงไปในแอลกอฮอล์ จากนั้นเอามาเช็ดข้างในสะดือ หากดึงขึ้นมาแล้วก้านสำลีมีสีดำก็เปลี่ยนอันใหม่ทันที ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนไม่มีอะไรติดก้านสำลีออกมา แล้วค่อยใช้น้ำเปล่ามาเช็ดแอลกอฮอล์ออกไป ปิดท้ายด้วยการอาบน้ำตามปกติ
2. ทำความสะอาดด้วยเบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้ง
สำหรับใครที่แพ้แอลกอฮอล์ลองเปลี่ยนมาใช้เบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้งแทนได้ โดยใช้ก้านสำลีจุ่มลงในเบบี้ออยล์หรือขี้ผึ้งพอชุ่ม จากนั้นนำมาเช็ดข้างในสะดือ หากก้านสำลีสกปรกและมีกลิ่นเหม็นติดขึ้นมาควรเปลี่ยนก้านอันใหม่ เช็ดไปเรื่อย ๆ จนสะอาดแล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาเช็ดอีกที เพียงเท่านี้สะดือก็จะสะอาดและไม่ดำแล้ว
เวลาล้างฟองสบู่ออกด้วยน้ำเปล่า ควรใช้มือลูบฟองข้างในสะดือออกไปให้หมด อย่าให้เหลือคราบฟองและความลื่นในนั้น หรือแม้แต่ฟองของยาสระผมที่ไหลลงมาก็อาจจะไหลเข้าสะดือแบบที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นควรล้างตัวด้วยน้ำเปล่าขั้นตอนสุดท้ายให้นานขึ้นอีกสักหน่อย เพื่อที่ฟองต่าง ๆ จะได้ไม่เกาะผิวกายนั่นเอง
4. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดสะดือให้แห้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วสาว ๆ จะต้องใช้ผ้าขนหนูเช็ดข้างในสะดือให้แห้ง แม้แต่ผิวช่วงบนของร่างกายก็อย่าให้มีความชื้นหลงเหลือ เพราะสะดือของเรามีลักษณะเป็นหลุม ถ้ามีหยดน้ำเหลืออยู่ก็จะไหลสู่สะดือได้นั่นเอง ส่วนใครที่มีสะดือลึกและแคบก็ลองใช้ก้านสำลีขนาดเล็กเช็ดสะดือให้แห้งทุกครั้ง ความอับชื้นหรือเชื้อราก็จะไม่มากวนใจแล้ว
สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่เกิดมีสะดือดำเพราะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง หลังจากคลอดลูกแล้วสีดำคล้ำเหล่านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปและกลับมาเป็นผิวสวยใสดังเดิม แต่ถ้ารอสักพักแล้วรอยดำยังไม่หาย ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และหาทางปรับฮอร์โมนให้กลับมาปกติดังเดิมจะดีกว่า
คราวนี้ใครที่เจอปัญหาสะดือดำหากลองเอาทั้ง 5 เคล็ดลับไปลองปรับใช้ดู รับรองว่าสะดือของคุณจะต้องกลับมาขาว ไม่มีปัญหาสะดือดำให้กวนใจอีกแน่นอน
ข้อมูลจาก : healthline.com, huffingtonpost.ca, teenvogue.com